28 ก.ค. 2021 เวลา 23:39 • นิยาย เรื่องสั้น
๛ ผิดผี ๛
ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 8 : ผิดผี
บทประพันธ์โดย: งามดอกบัว
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์: www.canva.com)
ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านคงแห่งดอนผักหวาน
“พ่อผู้ใหญ่ ๆ อยู่บ่ครับ" ครูบุญหลายครูใหญ่โรงเรียนบ้านดอนผักหวานร้องเรียกพ่อผู้ใหญ่ตั้งแต่เช้าตรู่
“อยู่ทางนี้ครู เป็นจังได๋มาจังได๋  คือได้มาแต่เซ้าแต่เซียวแท้ มีไผเป็นหยังบ่ ?”  ผู้ใหญ่บ้านถามครูบุญหลายด้วยความกังวล
“เครื่องปั่นไฟครับ  เครื่องปั่นไฟที่ต่อไปใช้งานเอิ้นขวัญมื้อก่อนฮ้างแล้วครับ”  ลุงคำว่าสิยืมไปใช้งานแต่งนางต้อยลูกสาวเลา  กะคือสิบ่มีใช้แล้วหล่ะ  ผมว่าสิเอาไปซ่อม  เบิ่งทรงอีกโดนยุกว่าสิซ่อมแล้วได้กลับมาใช้" ครูบุญหลายบอกเล่าด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พอดีหล่ะครูใหญ่พ่อมีข่าวดีมาบอก  แล้วแลงแล้วงายว่าสิไปตีกลองเอิ้นประชุมเรื่องไฟฟ้าหลวงยุ  ครูใหญ่บ่มีธุระไปไสกะมาประชุมนำกัน เด้อ” ผู้ใหญ่คงพูดด้วยสีหน้าเป็นปลื้มกับข่าวดีที่จะมาบอกกับลูกบ้าน
“โอ้ ! ข่าวดีอีหลีตั้วนิ  คันได้มาทันใช้งานเฮียนลุงคำ คือสิดีน้อพ่อ  เอ้า ! สั่นหล่ะเนาะ  เดี๋ยวลูกเมือก่อน กินข้าวน้ำแลงงายแล้วสิฟ้าวไปประชุมนำเด้อ  ศาลาวัดน้อพ่อน้อ ?” ครูบุญหลายพูดพลางยิ้มไม่หุบด้วยความดีใจ
“จังสั่นหล่ะครูใหญ่  พ้อกันยุศาลาวัดพุ้นหล่ะเด้อ” ผู้ใหญ่คงกำชับเวลากับครูใหญ่อีกรอบ  ก่อนจะขึ้นบ้านไปกินข้าวเช้ากับนางทองสุขเมียรัก
ในขณะที่ครูใหญ่เองก็เดินยิ้มกลับบ้านตลอดทาง
“ครูใหญ่  เป็นหยังน้อมื้อนี้คือสิมีความสุขแต่เช้า แท้หย่างยิ้มเป้ย ๆ มาตลอดทางเลย” พ่อสีพ่อของเดอลาร้องทักครูใหญ่ขณะที่ครูใหญ่กำลังเดินผ่านหน้าบ้านไป
“มีข่าวดีตั้วลุงสี  ผมไปเฮือนพ่อผู้ใหญ่มาหว่างได๋นั่น เพิ่น ว่าสิเอิ้นประชุมเรื่องไฟฟ้าหลวงเห็นว่าอีก บ่จั๊กอาทิตย์กะสิมาฮอดบ้านดอนผักหวานเฮาแล้ว ลุงสีฟ้าวหากินข้าวกินน้ำเด้อ  เดี๋ยวพ่อผู้ใหญ่เพิ่นสิตีกลองเอิ้นประชุมดอก” ครูใหญ่บุญหลายตอบด้วยความดีใจ
1
“ป๊าดโท้ ! ข่าวดีอีหลีตั้วหนิ เอ้า ๆ ลุงหากินข้าวกิน น้ำก่อนสั่น  แล้วพ้อกันยุวัดเด้อครูเด้อ” พ่อสีดีใจกับข่าวที่ครูใหญ่นำมาบอกพลางยิ้มหน้า บานไม่แพ้ครูใหญ่เลย
“แม่อีนาง ! แล้วไป๊แนวอยากแนวกินข่อยสิฟ้าวไป ประชุม” พ่อสีร้องถามนางเมียรัก
“แล้วพอดีเฒ่า เจ้าคือทรงฟ้าวแท้ประชุมอิหยัง ? ข่อยคือบ่ได้ยินเสียงตีกลอง” แม่นางตอบพ่อสี  พร้อมกับถามด้วยความสงสัย
“โอ้ยประชุมเรื่องไฟฟ้าหลวง ครูใหญ่หัวแต่บอกหว่างได๋นั่น” พ่อสีตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
🍀🍀
🍀🍀
ตุ้ม ! ตุ้ม ! ตุ้ม !
“พ่อ ! เสียงกลองหยังยามนี้ ควายไผเสียอีก !?” เดอลาปีนบันไดขึ้นมาถามพ่อด้วยความเหนื่อยหอบเพราะเล่นวิ่งแข่งกับต้นน้องชาย  ว่าใครจะขึ้นบ้านมา ได้ก่อน  หลังจากนำควายไปผูกในตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว
“บ่มีควายไผเสียดอกลูกหล่าผู้ใหญ่บ้านเพิ่นตีกลอง เอิ้นประชุมข่าวดีเรื่องไฟฟ้าหลวง” พ่อสีตอบด้วยสีหน้าดีใจ
“ไฟฟ้า ! อีหลีบ่อีพ่อ บ้านเฮาสิมีไฟฟ้าใช้แล้วติพ่อ ?” เดอลาร้องถามพ่อด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“แมนแล้วเห็นว่าอีกบ่จั๊กอาทิตย์หนิหล่ะ กะสิมาฮอดแล้ว” พ่อสียิ้มตอบเดอลาลูกสาวสุดที่รัก
“หนูไปนำได้บ่พ่ออยากฟังเพิ่นประชุม ?” เดอลาขอพ่อตามไปประชุมที่ศาลาวัดด้วย
“บ่ต้องไปหาหล่ะเด็กเล็กเด็กน้อยไปเฮียนลุงคำนำแม่หนิ ใกล้มื้อกินดองน้าต้อยแล้ว  ขาดเหลือหยังสิได้ซ่อยกันหาใส่” แม่นางปรามเดอลาลูกสาว
“ขอไปนำกะบ่ได้เนาะ สาสำหนินึง” เดอลาบ่นอุบ
“ข่อยไปก่อนเด้อเฒ่า  ประชุมแล้วเดี๋ยวข่อยนำก้นไปบอกอ้ายคำแน” พ่อสีกำชับนางเมียรักอีกรอบ
“อ้ายคำกะสิบ่ไปประชุมนำเจ้าพุ้นหวา” แม่นางอดถามไม่ได้
“กะจักหล่ะใกล้มื้อกินดองลูกสาวเพิ่นแล้วเผื่อเพิ่นบ่มา” พ่อสีตอบไม่มั่นใจว่าจะเจอคำพ่อของต้อยที่วัดไหม  ก่อนที่จะลงจากเรือนไปประชุมที่ศาลาวัด
🍀🍀
🍀🍀
การประชุมเรื่องไฟฟ้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  ข้อสรุปก็คืออีกหนึ่งอาทิตย์เจ้าหน้าที่จะดำเนินการลงเสาไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ  เพื่อที่จะรองรับสายไฟในอีกอาทิตย์ถัดไปได้  ส่วนเรื่องหลอดไฟถ้าใครอยากจะซื้อหามาไว้รอเลยก็ได้  ทั้งแบบหลอดตูมกาและหลอดนีออนที่เพิ่งมีมาวางขายที่ตลาด
“เป็นจังสิงานเฮียนข่อยกะสิบ่มีไฟฟ้าใช้ตั้วนิพ่อผู้ใหญ่  คันเครื่องปั่นไฟมาฮ้างจังสิ  มีข่าวดีไฟฟ้าสิเข้ามาแต่กะมาบ่ทันงาน” ตาคำพ่อของต้อยที่กำลังจะแต่งงานในวันมะรืนบ่นด้วยความกังวล
“บ่มีไฟฟ้ากะบ่เป็นหยังดอกพ่อ  เดี๋ยวพวกข่อยกับหมู่สิไปหาขี้ตกมาไว้ให้ ขี้ตกแน ตะเกียงแน  พอได้อยู่ดอกเนาะพ่อ  ซ่อยกันหลายตีนหลายมือแล้วเร็วยูดอก”  บ่าวเขื่อนอาสาตาคำจะออกตระเวนไปหาขี้ไต้มาใช้จุดในงานแต่งของต้อย  หลานสาวที่อายุและชื่อเหมือนต้อยแฟนรัก
“เอาจังสั้นกะเอาลูกหล่า  พ่อขอบอกขอบใจเด้อลูกเด้อ”  ตาคำตบไหล่บ่าวเขื่อน  พลางเอ่ยขอบใจที่บ่าวเขื่อนอาสาออกไปหาขี้ไต้ให้
🍀🍀
🍀🍀
ที่บ้านบ่าวเชิด
“ใครจะมีสตางค์ก็มีไป ใครจะไปเหยียบดาวก็ตามใจ" บ่าวเชิดนอนฮำเพลงบนแคร่ใต้ต้นดอกคูนหน้าบ้านตัวเอง ตามเสียงที่ดังออกมาจากวิทยุเทปเครื่อง รักเครื่องโปรด
“ดาวเฮาบ่เหยียบดอก สิเหยียบหัวมึงหนิ" บ่าวเขื่อนยกเท้าทำท่าทางจะยกขึ้นเหยียบบ่าวเชิดเพื่อนเกลอ
“โอ๊ะ ! โอ๊ะ ! โอ๊ะ ! คนเด้อคน สิมาเหยียบกันเล่น ๆ บ่ได้นะขอรับ ฮ่า ฮ่า" บ่าวเชิดไวพอที่จะหลบเท้าบ่าวเขื่อนทัน ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนรักแค่แกล้งเท่านั้น
“มาหยังแต่เช้าแท้หมอ ?” บ่าวเชิดถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“ฟ้าวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เฮาสิพาขึ้นโคกหาขี้ตกมาใช้ในงานกินดองสาวต้อย" เขื่อนอธิบายให้บ่าวเชิดเพื่อนรักฟัง
“เอ๊า ! คึสิได้ใช้ขี้ตก ? เพิ่นบ่ปั่นไฟมาใช้หวา ?” เชิดถามต่อ
“เครื่องปั่นไฟฮ้าง  มื้องานเอิ้นขวัญนั่นหล่ะ  ครูใหญ่เอาไปซ่อมยุแต่แล้วบ่ทันงานดอก เฮาเลยอาสาลุงคำสิไปเลาะหาขี้ตกมาให้เพิ่นใช้" บ่าวเขื่อนอธิบายยาว
“โอ้ว ! จักบึ๊ดเด้อหมอ เฮาไปเปลี่ยนผ้าจักบึ๊ดก่อน” เชิดตอบพลางรีบขึ้นบ้านไปใส่เสื้อตัวเก่ง  ออกไปหาขี้ไต้ช่วยบ่าวเขื่อน
🍀🍀
🍀🍀
สองหนุ่มเดินผ่านบ้านสาวขาว หนุ่มเชิดก็หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้  พร้อมกับร้องถามเผื่ออยากไปเก็บขี้ไต้ด้วยกัน
“ขาวไปเก็บขี้ตกนำพวกอ้ายบ่มูไปหลายยุเด้”
เชิดยิ้มหน้าบานรอคำตอบจากขาว
“ไอ้ต้อยไปนำบ่ ถ้าบ่ไปข่อยกะบ่ไปเด้อ  เข้าป่าเข้าดอนกับผู้ซ่อนนอนซายเดี๋ยวสิเป็นขี้ปากคะเจ้า” ขาวตอบทำหน้าตาขึงขัง
“อ้ายกะว่าสิให้โตไปซ่อยเว้ากับป้านางนิหล่ะ  คันอ้ายไปชวนเองย้านเพิ่นบ่ให้น้องสาวหล่าไปนำ” บ่าวเขื่อนอธิบายแกมขอร้องขาว
“มุเจ้าหนิเนาะยากไปเหมิดหมู่ เอ้าไปกะไป  แต่ถ้าจักบึ๊ดเด้อข่อยไปบอกอีแม่ก่อน” ขาวรับปากก่อนจะรีบขึ้นเรือนไปบอกแม่
🍀🍀
🍀🍀
ในขณะเดียวกันที่บ้านของเดอลาเด็ก ๆ ในแก๊งสาว สาว สาว แอนด์สาวอยู่กันครบทีม และกำลังจับกลุ่มกันฟังเพลงจากวิทยุใต้ต้นจำปา  เสียงหัวร่อต่อกระซิกกันครึกครื้น
“นางหล่า ! ไอ้ต้อยยุบ่ ?” เสียงของขาวร้องถามเข้ามากลางวงวิทยุ
“ไผมาเอิ้นหาข่อย ?” ต้อยรีบลุกขึ้นมองหาเจ้าของเสียง
“เฮาหนิหล่ะ เฮ็ดหยังอยู่เดี๋ยวหนิ เฮาสิมาชวนไปเก็บขี้ตกนำกันไปบ่ ?” ขาวถามต้อยเพื่อนสาวด้วยแววตามีความหวัง
1
“ไปจ้า !!!” เด็ก ๆ แก๊งสาว สาว สาว แอนด์สาวชิงตอบก่อนที่ต้อยจะได้เอ่ยปาก
“เพิ่นชวนไผก็หวา….?” สาวต้อยลากเสียงถามเด็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู
“ชวนน้าต้อย แฮร่ ๆ" เดอลาตอบด้วยแววตาใสปิ๊ง เชิงอ้อนวอน  เพราะตนและเพื่อน ๆ ก็อยากไปร่วมผจญภัยในป่าเหมือนกัน
“ให้เด็กน้อยไปนำอ้ายเขื่อน  ซ่อยกันหลาย ๆ คนสิได้ฟ้าวกลับมาก่อนมืด" ต้อยบอกให้เขื่อนเข้าใจถึงความต้องการ
“เอ้า ๆ ไปเหมิดหนิหล่ะ เดี๋ยวอ้ายไปขอป้านางก่อนเด้อ เพิ่นสิหาว่าพวกอ้ายพาพวกโตไปทั่วไปทีบ” บ่าวเขื่อนเอ่ย พลางสายตาก็สอดส่องหาแม่นางของเดอลา
“สิพากันไปไสน้อ ?” นางร้องตะโกนถามมาจากบนบ้าน  ขณะที่มือก็กำลังง่วนกับการเลือกกากข้าวออกจากข้าวสาร  เพราะโรงสีกระเทาะเปลือกข้าวออกไม่หมด  มีเหลือติดมาบ้าง  ก่อนจะนำข้าวสารไปแช่
“ไปเก็บขี้ตกมาไว้ใช้งานแต่งไอ้ต้อยครับป้านาง เครื่องปั่นไฟฮ้าง  พวกข่อยเลยอาสาลุงคำเพิ่นเข้าป่า ไปหาขี้ตกมาไว้เผื่อได้ใช้” เขื่อนอธิบายยาวให้นางเข้าใจ
“เอ้า ๆ ฟ้าวไปฟ้าวมา มันสิมืดสิค่ำ” นางอนุญาตให้ไปแต่โดยดี เพราะขี้ไต้จะเอามา ใช้ในงานหลานตัวเอง
“ฝากวิทยุแนเด้อเอื้อยนาง  สิฟ้าวไปฟ้าวมาดอก" ต้อยวานพี่สาว  ก่อนจะบอกทุกคนให้ออกเดินทางเข้าป่าไปหาขี้ไต้
🍀🍀
🍀🍀
ด้วยความตื่นเต้นเด็ก ๆ เดินแกมวิ่งนำหน้าขบวนไปไกลแล้ว  ส่วนหนุ่ม ๆ สาว ๆ เดินรั้งท้าย  ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงชายป่าดอนผักหวาน
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์: www.pixabay.com)
“เอ้า ! ฟ้าวหากันเด้อสิได้ฟ้าวเมือบ้านแต่เว็น" บ่าวเขื่อนกำชับทุกคน
3
“ทางพี้ ๆ มีหลายเลย  มาเก็บซ่อยกัน" เดอลาเรียกทุกคนให้ไปเก็บขี้ไต้ด้วยกัน
“เก็บมากองไว้ทางนี้น้องหล่า  อ้ายกับอ้ายเชิดสิเฮ็ดกระบองไว้เลย” บ่าวเขื่อนสั่งงานทุกคน  ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปปลิดใบตองกุงมาไว้ทำกระบองจากขี้ไต้เพิ่ม
“หญิงอ้ายเชิดเลาหล่อเนาะ” กรีนนี่เบียดนกแก้วเข้ามากระซิบเดอลา
“อีเขียว ! มึงนี่เนาะ" นกแก้วตาเขียวมองกรีนนี่ด้วยความเคือง
“หล่อ ! แต่แพ้อ้ายเขื่อนของเฮา ฮ่า ฮ่า" นกแก้วหัวเราะชอบใจกับคำตอบของตัวเอง
“อ้ายเขื่อนของน้าต้อยเฮาเด้อ !” เดอลาพูดขัดคอนกแก้ว
🍀🍀
🍀🍀
“เป็นเด็กเล็กเด็กน้อยพากันหาเว้าเรื่องผู้ซ่อนนอนซายมันบ่ดี” ต้อยปรามเด็ก ๆ หลังจากที่แอบฟังมาสักพักแล้ว  จนได้ยินเดอลาหลานรัก  บอกว่าบ่าวเขื่อนเป็นของตน  ถึงแม้ว่าจะแอบพอใจในคำพูดหลานอยู่บ้าง  แต่สาวต้อยก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจดูไม่งามอยู่ดี
“เขินสั่นบ่ ?” บ่าวเขื่อนเดินมากระซิบข้าง ๆ สาวต้อย  ทำเอาสาวเจ้าอายหน้าแดง
“เขินบ้าหยัง  ไปมัดกระบองต่อเลยเจ้า !” ต้อยรีบขยับหนีห่างจากเขื่อน  เกรงว่าเด็ก ๆ จะเอาไปล้ออีก
“ครับ ครับ ไปแล้วคร้าบบบ" บ่าวเขื่อนส่งยิ้มหวานให้ต้อยก่อนที่จะกลับไปมัดกระบองต่อ
“เห็นวางมาดอยู่ต่อหน้าเอื้อยเขา พอเข้าป่ามากะออกลายเลยเนาะหมอ ฮ่า ฮ่า" บ่าวเชิดแซวเพื่อน  ในขณะที่มือก็เกี้ยวตอกมัดกระบองไปด้วย
“จักนอยแนเถาะ  ไผสิคือโตกับสาวขาว  ตั้งแต่เข้าป่ามานี่โตติดกันตลอดเลยวะ ฮ่า..ฮ่า.." บ่าวเขื่อนได้ทีรีบแซวเพื่อนกลับ
ส่วนขาวไม่พูดอะไรได้แต่หน้าแดงส่งกระบองที่เชิดมัดเสร็จแล้วลงในตะกร้า
“หญิงกรีนมาทางนี้ ! เงียบ ๆ เด้อ" เดอลาเรียกกรีนนี่ให้เข้าไปหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“แมนหยังหญิง ?” กรีนนี่ถามด้วยสงสัย เท้าก็ค่อย ๆ ย่องเพื่อไม่ให้เหยียบใบตองกุงที่แห้งกรอบร่วง หล่นระเกะระกะเต็มพื้นอยู่ป่าไปหมด เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดเสียงดัง  เดี๋ยวเดอลาเพื่อนสาวดุเอาอีก
“เข้ามาใกล้ ๆ” เดอลาพูด  พลางก็กลั้นหัวเราะไปด้วย
“สิให้เบิ่งหยังคึบ่บอก  ลีลาหลายแท้ !” กรีนนี่เริ่มบ่นสีหน้าไม่ค่อยดี  กลัวเพื่อนจะแกล้ง
“นั่นเด้ ! เงยหัวขึ้นไป” เดอลาบอก
ยังไม่ทันที่กรีนนี่จะเงยหัวขึ้นไปจนสุดตามที่เดอลาบอก กิ้งก่าตัวเบ่อเริ่มก็กระโดดลงมาบนหัวของกรีนนี่แล้ว
“ว้ายยยยยย ! อีหล่า ! อีห่า ! มึงเอาหยังมาใส่หัวกู !!!” กรีนนี่ร้องเสียงหลงตะโกนด่าเพื่อนสาวจนลืม มาดหญิงงามไปแล้ว
“ห่าเต็มโคกแล้วบักเขียว บาดมาคึพากันหญิงคะ ! หญิงขา ! บาดนี้คึอีผี อีห่า โอ๊ยยยย กูหล่ะหน่ายสูนิ ฮ่า ฮ่า” เชิดอดขำในท่าทีของกรีนนี่ไม่ได้
“มาเป็นก้อยเป็นลาบคือยุ อันนี่หยังโดดมาใส่หัวคนบ่ ได้ตั้งโตเลย" กรีนนี่บ่นอุบ
“มาเป็นก้อยเป็นลาบพะนะ โอ้ยเทศกินเทศอยากป่านพระเนาะเขียวเนาะ" เชิดยังเย้ากรีนนี่ไม่เลิก
“ข่อยชื่อกรีนนี่เด้อค่ะ บ่แมนเขียว" กรีนนี่สวนกลับเชิด
“โอ้ยเซาเถียงกันเถาะ  โตกะเป็นฮ้ายไปต่อปากต่อคำนำเด็กน้อย บ่แล้วบ่ทั่ว  ฟ้าวมัดขี้กระบองนั่น  เด็กน้อยกะเซาเล่นกันได้แล้ว” บ่าวเขื่อนออกคำสั่ง
🍀🍀
🍀🍀
ไม่นานทุกคนก็เก็บรวบรวมขี้ไต้ได้มากพอสมควร  จึงพากันเดินเท้ากลับเข้าหมู่บ้าน  โดยมีเด็ก ๆ เดินนำอย่างเช่นขามา
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์: www.pixabay.com)
“เขื่อนมื้อแลงไปใต้แมงกินูนนำเฮาบ่หมอ ?” บ่าวเชิดเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ไปกะไปตั้วหมอ ฮ้อน ๆ จังสินอนกะนอนบ่ได้ดอก ไปหาใต้แมงกินูนกะดีคือกัน" บ่าวเขื่อนตกปากรับคำ
“ขาวไปใต้แมงกินูนนำพวกอ้ายบ่มื้อแลงหนิน้องหล่า ?” บ่าวเขื่อนเอ่ยปากถามสาวขาว  ก่อนที่จะหันไปมองสบตากับสาวต้อย นัยจะรอคำตอบจากต้อยด้วย
“อยากให้ไปกะไปขอเฒ่าพ่อก่อนตั้วเนาะ" ขาวตอบพลางส่งยิ้มหวานให้เชิด
“หญิง ! อันผู้สาวผู้บ่าวสองคู่นี้แมนไผจีบไปกันแน่  อ้ายเขื่อนเว้ากับเอื้อยขาว  แต่ส่งยิ้มให้เอื้อยต้อย  พอเอื้อยขาวตอบอ้ายเขื่อน  กะแอบส่งตาหวานให้อ้ายเชิด  โอ้ย ! ปวดหัวนำผู้ใหญ่นิ" นกแก้วกระซิบถามเพื่อน ๆ เพราะอดที่จะสงสัยไม่ได้
หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขื่อน เชิด ต้อยและขาวพากันหัวเราะร่าด้วยความพอใจ  และเอ็นดูในความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ๆ
🍀🍀
🍀🍀
ทุกคนเดินมาจนถึงบ่อน้ำประจำคุ้มวัด  ก็เวลาพลบค่ำพอดี  แสงแดดยามเย็นยังคงส่องสว่างเพียงแต่ลดกำลังการแผดเผาลงไปมากแล้ว
นอกเหนือจากกลุ่มหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กรำแดดออกไปหาขี้ไต้ช่วงกลางวันแล้ว  ต้นไม้ใบหญ้าก็ทนความร้อนของแสงแดดมากพอสมควรเหมือนกัน  แม้แต่ใบกล้วยที่อยู่ในสวนตาชมที่ติดกับบ้านเดอลา  ยังเหี่ยว  อย่างกับใบตองย่างไฟก็ไม่ปาน
คงมีเพียงก้านมะพร้าวถึงแม้จะโดนแดดโดนฝนก็ดูไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก
🍀🍀
🍀🍀
เสียงกระดิ่งควายดังก๊องแก๊งมาแต่ไกลสาวน้อยเดอลาจำได้ดีว่าเป็นควายที่บ้านเธอ
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์: www.pixabay.com)
“อีพ่อ ! หนูกลับมาแล้ว ! เดี๋ยวหนูไปซ่อยล่ามควาย” เดอลารีบวิ่งไปช่วยพ่อ  โดยไม่ทันได้มองดูหลุมกลางทุ่งนาให้ดี
ตุ๊บ ! โอ้ย !
“เกิบขาดอีกแล้ว !” เดอลาร้องเสียดัง  โมโหที่รองเท้าคู่ใจต้องขาดแล้วขาดอีกเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“พอโยนถิ่มได้แล้วเกิบดาวแท้เธอหน่ะหญิง" กรีนนี่เข้ามาประคองเดอลาให้ลุกขึ้นยืนหลังจากวิ่งตกหลุมจนล้มไม่เป็นท่า
“กะเสียดายหนิหล่ะ  เห็นว่าพอใส่ได้ยุ" เดลลา บ่นพึมพำกับตัวเอง  กลัวว่ากรีนนี่จะเหน็บเอาอีก
“เอาไว้มื้อได๋มีตลาดนัดน้าสิพาไปซื้อใหม่ ให้พ่อหนูซ่อมให้ก่อนเด้อ” ต้อยเดินมาปลอบใจหลานสาว
เขื่อนเห็นตาสีพ่อของเดอลากำลังจะเอาควายไปผูกที่คอกใต้ถุนบ้าน  เลยรีบเข้าไปช่วยและถือโอกาสขออนุญาติพาต้อยไปเก็บแมงกินูนกับพวกตนค่ำนี้
“ลุงสีมื้อแลงพวกข่อยว่าสิไปใต้แมงกินูน  ว่าสิมาขอให้สาวต้อยไปนำ  ลุงกับป้าสิอนุญาติบ่ครับ ?” บ่าวเขื่อนถามตาสีหลังจากที่ช่วยผูกควายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“มันคือบ่หล่ะหล่าผู้แส่ผู้สาวออกบ้านกลางค่ำกลางคืนนำพุซ่อนนอนซาย” ตาสีเอ่ยติงบ่าวเขื่อน
“ครับลุง” บ่าวเขื่อนยิ้มเจื่อน ๆ ตอบรับ
“ได้ยินแล้วแมนบ่สุคน  มื้อแลงอ้ายกับบักเชิดสิไปกันเอง  เดียวสิเอามาฝากเด้อ” บ่าวเขื่อนบอกกับทุกคน ก่อนที่จะหันไปมองหน้าเชิดกร่อย ๆ
“เสียดายเนาะหมอ  นึกว่าสิได้อยู่นำพุสาวอีก” บ่าวเชิดพูดเสียงอ่อย
“เอาหน่ะ ! ผู้สาวบ่ไปนำหน่ะดีแล้ว พวกเฮาสิบ่ได้กังวล  สิได้ฟ้าวหาฟ้าวกลับมาบ้าน  ขากลับเลยไปทางเฮือนลุงคำนำ  โชคดีอาจสิได้พ้อกับสาวต้อยสาวขาวกะได้ ได้ยินว่าแลงนี้สิพากันไปซ่อยเตรียมงานแต่งสาวต้อยลูกลุงคำยุ" บ่าวเขื่อนพูดอย่างมีความหวัง
“เอ้าสั่นฟ้าวไป กินข้าวแลงแล้วออกมาหาเฮาอยู่เฮือนเด้อหมอ" บ่าวเชิดชวนให้เพื่อนเกลอออกมาหาตนที่บ้าน
บ่าวเขื่อนยิ้มพยักหน้าเป็นการตอบรับ
🍀🍀
🍀🍀
เมื่อถึงเวลาสองบ่าวเพื่อนเกลอเขื่อนกับเชิดก็พากันเดินลัดทุ่งนาหลังบ้านบ่าวเชิด  และตรงดิ่งไปยังป่าท้ายนาของตาคำ  ซึ่งมีต้นมะขาม  ต้นติ้วและต้นกระโดนมากมายที่เป็นแหล่งอาหารของแมงกินูน
ในระหว่างทางจนถึงป่าที่หมายของสองหนุ่มไม่ได้จุดขี้ไต้เลย  เพราะแสงจันทร์สว่างมาก  อีกทั้งทางเส้นนี้ทั้งสองหนุ่มคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“หมอ ! โตได้ยินเสียงหยังบ่ ?” บ่าวเขื่อนดึงแขนให้บ่าวเชิดหยุดเดิน  และเงี่ยหูฟังเสียงที่ตัวเองได้ยิน
“เสียงหยังวะ ? กลางค่ำกลางคืนในป่าในดง  เว้าแนวบ่แมนเด้อ" บ่าวเชิดถามด้วยความระแวง
“บ่แมนผีดอกหน๊ะ ! ฟังดี ๆ เงียบ ๆ นำ" บ่าวเขื่อนกระซิบบอกเพื่อน
แล้วสองหนุ่มก็ค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ ๆ ที่มาของเสียง  พอมองเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่กำลังกอดก่ายกันอยู่  แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่  จนได้ยินเสียงสนทนาเกิดขึ้น
“อ้ายเหลี่ยมป่านได๋อ้ายสิไปขอข่อยกับอีพ่ออีแม่  ข่อยออกมากับอ้ายดู๋แล้วเด้ ?” สายบัวกระซิบถามเหลี่ยม  ผู้บ่าวรุ่นพี่ที่สายบัวแอบมาพลอดรักด้วยบ่อย ๆ โดยไม่เคยมีใครล่วงรู้ความลับของทั้งคู่มาก่อน
“อีกบ่โดนดอกน้องหล่า  ข้าวนาปลาแล้วปีนี้หล่ะ  อดเอาได้บ่ ?” บ่าวเหลี่ยมกระชับอ้อมกอดสายบัว คู่รักแน่นขึ้น  เพื่อให้สาวเจ้าอุ่นใจในคำมั่นสัญญา
“อย่าตั๋วข่อยเด้อข่อยมากับอ้ายป่านนี้แล้ว  ถ้าอีพ่อเพิ่นฮู้ฆ่าข่อยตายคัก ๆ" สายบัวออดอ้อนบ่าวเหลี่ยม  ก่อนที่จะแนบแก้มลงบนอกแกร่งของผู้บ่าวคนรัก
🍀🍀
🍀🍀
ในขณะที่สองบ่าวเขื่อนกับเชิดหลังจากซุ่มดูเหตุการณ์สักพักจนแน่ใจแล้วว่าสองหนุ่มสาว  เจ้าของเสียงที่กำลังพรอดรักกันเป็นใคร  บ่าวเชิดก็ไม่รอช้า  รีบพุ่งพรวดเข้าไปกระชาก สายบัวลูกพี่ลูกน้องออกจากอ้อมกอดของบ่าวเหลี่ยมทันที  ก่อนที่จะหันกลับไปชกหน้าบ่าวเหลี่ยมจนเซถลาล้ม  ไม่พอแค่นั้นบ่าวเชิดยังตามไปกระทืบต่อ
(เครดิตภาพจากเว็บไซต์: www.pixabay.com)
“มึงกล้ามากเลยนะ ! มาหยามนามสกุลกูบักเหลี่ยม !” บ่าวเชิดไม่พูดเปล่าแต่ยังกระหน่ำหมัดเข้าชกหน้า บ่าวเหลี่ยมจนเลือดกลบปาก
“ฮือ.. ๆ ฮือ..ๆ  อ้ายเชิดอย่าเฮ็ดเลา  พอแล้ว ! ๆ" สายบัวร้องให้ฟูมฟาย มือข้างหนึ่งก็กุมผ้าซิ่นไม่ให้ หลุดร่วง  ส่วนอีกข้างหนึ่งก็พยายามรั้งแขนบ่าว เชิดลูกพี่ลูกน้องเอาไว้
“พอได้แล้วหมอ ! อ้ายเหลี่ยมเพิ่นสิตายก่อน" บ่าวเขื่อนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปดึงเพื่อนออกมา
“เอิ้นมันอ้ายเฮ็ดหยัง  มาลักอยู่ลักกินหยามหน้า หยามตานามสกุลกูป่านนี้หมากะยังดีก่อนมันอีก !” บ่าวเชิดยังอยู่ในอาการโกรธเกรี้ยว  ขณะที่ถูก เพื่อนรักลากออกมาจากการตะบันหน้าบ่าวเหลี่ยมอย่างไม่ยั้ง
“อีสายบัว ! งามหน้าแล้วมึง มาปล่อยเนื้อปล่อยโตให้ผู้ซ่อนนอนซาย อยู่กลางโคกกลางป่า เมือเฮือนนำกูเดี๋ยวนี้เลย บักเหลี่ยมนำ !” บ่าวเชิดออกคำสั่ง
🍀🍀
🍀🍀
ทั้งสี่คนเดินผ่านทุ่งนาที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องแสงนวลพอให้เห็นทางเดิน  ถึงจะไม่ถนัดตาเหมือนตอนกลางวัน  แต่ก็พอเห็นว่าทั้งสี่คนเร่งรีบพอสมควร  หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะของทั้งสี่  โดยเฉพาะสายบัวและบ่าวเหลี่ยมพวกเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  นอกจากหัวใจที่เต้นเร็วและแรง ราวกับว่าจะหลุดออกมาจากร่างก็ไม่ปาน
“เขื่อนมึงไปเอิ้นผู้ใหญ่อยู่เฮือนลุงคำมา กูสิเฝ้าอ้ายอีสองโตนี้ไว้  งามหน้างามตาคักมึงสองคน" บ่าวเชิดออกคำสั่ง
“กูว่ามึงนั่นหล่ะไปเอิ้นผู้ใหญ่  ปล่อยมึงไว้นำเขา  กูว่าเขาตายคาตีนมึงแท้วะ ไป ! ฟ้าวไป ! กูสิเฝ้าให้”  บ่าวเขื่อนตบไหล่เพื่อนยื่นข้อเสนอให้
“ระวังโตไว้เลยสูสองคน ! เดี๋ยวกูกลับมา !” บ่าวเชิดชี้หน้าบ่าวเหลี่ยมและสายบัว  ก่อนจะหันหลังให้และรีบสาวเท้าตรงไปยังบ้านตาคำ  เพื่อไปบอกผู้เฒ่าผู้แก่ ที่กำลังพากันเตรียมงานแต่งให้ต้อยลูกสาวตาคำอยู่
🍀🍀
🍀🍀
ที่บ้านตาคำมีพี่น้องชาวดอนผักหวานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ออกมารวมตัวกัน  เพื่อช่วยเตรียมงานแต่ง ลูกสาวตาคำมากหน้าหลายตา   บรรดาผู้ใหญ่ก็จะแยกงานหญิงชาย  ส่วนเด็ก ๆ ที่มาจะจับกลุ่มเล่นกันเสียมากกว่า  และที่เห็นเป็นกลุ่มหัวโจกก็เป็นแก็ง “สาว สาว สาวแอนด์สาว” นั่นเอง  เพราะดูมีสีสัน  มีกิจกรรมและเรื่องราวแปลกใหม่มาเล่าให้เพื่อนฟังตลอด
ส่วนบ่าวเชิดเมื่อมาถึงบ้านของตาคำก็ไม่รอช้า  วิ่งตรงดิ่งไปใต้ต้นมะยมบ้านตาคำทันที  เพราะที่นั่นเป็นที่รวมกลุ่มของผู้ชายที่มาช่วยงาน  ตาน้อยพ่อของสายบัวซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ ของบ่าวเชิดก็ต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ
“ลุงน้อย ! ลุงน้อยอยู่ใสครับ ? ลุงน้อย !” บ่าวเชิดกวาดสายตาไปทั่วบริเวณรอบ ๆ เรือน  เพื่อหาตาน้อยแต่ก็ไม่พบ
“เป็นหยังคือตาตื่นแท้หล่ะหำ ? คือว่าพากันไปใต้แมงกินูน  เป็งจังได๋คึมาอยู่นี่ ?” ตาสีพ่อของเดอลาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“บอกเพิ่นแนควายเข้าสวนเพิ่นแล้ว !”  เชิดบอกกับตาสีด้วยท่าทางร้อนรุ่ม
“ห่วยมะซ่างว่าแท้ละฮึแมนไผหล่ะ ?" ตาสีถามบ่าวเชิดด้วยความตกใจ
“บักเหลี่ยม ! ลูกยายมาเฮือนยุซ่นบ้านท้างพุ้น หล่ะลุงสี" เชิดอธิบายสั้น ๆ ตาก็ยังกวาดหาตาน้อย อยู่
“แมนไผมาเอิ้นหากูอยู่หนิ ?” ตาน้อยร้องถามในขณะที่ปีนลงบันไดบ้านตาคำลงมาสมทบบ่าวเชิดกับตาสี
“ข่อยหนิหล่ะพ่อลุง  แม่ป้าเด้เอิ้นเพิ่นมานำ  พ่อใหญ่คงอยู่ใสเอิ้นเพิ่นไปนำ  บ่สั่นบ่แล้วหล่ะมื้อหนิ" บ่าวเชิดพูดด้วยสีหน้าเอาเรื่องไม่ยอมหยุด
“มันแมนหยังมึงคือทรงเป็นเดือดเป็นฮ้อนคักแท้ ?” ตาน้อยยังถามต่อเพราะไม่เข้าใจที่บ่าวเชิดพูด
“ควายยายมาเข้าสวนเจ้า !” บ่าวเชิดตอบสั้น ๆ แต่ก็ทำเอาตาน้อยโกรธเลือดขึ้นหน้าในทันที
ส่วนยายสาเมียของตาน้อยที่มาได้ยินที่เชิดพูดพอดีถึงกับเข่าทรุดด้วยความเสียใจ  จุกจนร้องให้ไม่ออก
“ไหวบ่แม่ป้า  มาข่อยสิพาเมือเฮือน” แม่ของเดอดาที่เดินมากับยายสาได้ยินทุกอย่างพร้อม ๆ กัน  เห็นท่ายายสาไม่ดีเลยเสนอตัวพายายสาไปส่งบ้าน
“ขอบใจหลายแม่อีนาง  มา ๆ ไปฟังซ่อยข่อยแน" ยายสาเค้นเสียงที่แทบจะไม่มีแล้ว  เพราะความเหนื่อยหอบ  กับเรื่องราวที่เพิ่งจะได้ยินจากบ่าวเชิด  เพื่อขอร้องแม่ของเดอลาให้ไปเป็นสักขีพยานในการเจรจาเรื่องงามหน้าของลูกสาวในครั้งนี้
ตาสีพ่อของเดอลาอาสาตาน้อยรับหน้าที่หาผู้หลักผู้ใหญ่ไปเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องของบ่าวเหลี่ยมและสายบัว  ส่วนตาน้อย  บ่าวเชิด  ยายสาและแม่ของเดอลาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
“เอ็ดลุงฝากเบิ่งเด็กน้อยไว้ถ้าแนเด้อ  เดี๋ยวเว้าความแล้วสิฟ้าวมาดอก" ตาสีฝากฝังเด็ก ๆ ให้นางเอ็ด  ลูกพี่ลูกน้องของเมียให้ดูแลแทน
“บ่เป็นหยังดอก  เจ้าพากันฟ้าวไปโลดพ่อลุง !” นางเอ็ดตกปากรับคำที่จะดูแลเด็ก ๆ ให้
🍀🍀
🍀🍀
“หญิง ! ได้ยินข่าวอิหยังบ่ ?” กรีนนี่โผล่เข้ามากลางวงเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่นไม้พาดอยู่  หลังจากที่หายเข้าป่าไปปลดทุกข์เป็นนานสองนาน
“ข่าวอีหยังของเธออีกคะ ? มาแต่ละเทือข่าวล่ามาแรงตลอดเธอหน่ะ !” นกแก้วแซวกรีนนี่
“สิฟังบ่ฟัง ?” กรีนนี่ตวัดเสียงพร้อมสีหน้าไม่พอใจที่นกแก้วชอบขัดคอเธอตลอด
“ฟังตั้วเนาะ แซวเล่นแซวหัวสะดีดสะดิ้งคือหลาย" นกแก้วเบ้ปาก
“อีนกแก้ว !” กรีนนี่เริ่มโมโห
“พอได้แล้วสองคนหนิ ! มีหยังว่ามา" เดอลารีบสงบศึกระหว่างกรีนนี่และนกแก้ว
“เฮาได้ยินอ้ายเชิดสุดหล่อบอกตู้น้อยว่าควายเข้าสวนเพิ่นวะสั้น !” กรีนนี่เล่าด้วยสีหน้าท่าทางตืนเต้น
แต่เพื่อน ๆ ของเธอยังมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ตอบ รับกับอาการของกรีนนี่
“ควายเข้าสวนแล้วจังได๋วะ ?” เดอลาขมวดคิ้วถามเพื่อนสาวแบบงง ๆ
“เออแมน ! ประสาควายเข้าสวนคือสิเป็นสิตายแท้" นกแก้วรีบเสริมเดอลาเพื่อเอาคืนกรีนนี่ทันที
“เออแมน ! สาควายเข้าสวนคือสิเป็นสิตายแท้" นกแก้วรีบเสริมเดอลาเพื่อเอาคืนกรีนนี่ทันที
“แต่ฉันว่ามันต้องมีหยังหลายกว่านั้น  พวกเธอรู้บ่ว่าผู้เฒ่าผู้แก่คะเจ้าหลั่งไปเฮือนตาน้อยเกือบเหมิดแล้ว !  เหลือบ่จักคนพากันมืนตาเบิ่งแน !”  กรีนนี่อธิบายยาว  และหาจังหวะจบได้สวย  ส่งน้ำหนักให้เหตุผลกับเรื่องที่ตนเองเอามาบอกกับเพื่อน ๆ ได้มากเลยทีเดียว  โดยไม่ลืมที่จะหันไปจิกตาใส่นกแก้วด้วยความสะใจ
เดอลา ม่านฟ้าและนกแก้วเริ่มมองรอบ ๆ ตัว  เห็นว่าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่กรีนนี่พูด
“หญิง ! ไปบ่ !? กรีนนี่มองสบตาเพื่อน ๆ ทีละคน  เพื่อรอคำตอบ  ว่าจะแอบไปบ้านตาน้อย  เพื่อไปดูเหตุการณ์ควายเข้าสวนตาน้อยไหม สมาชิกทุกไม่ตอบแต่ยิ้มเป็นการตอบรับแทน ก่อนที่จะแอบย่องลงเรือนไป
🍀🍀
🍀🍀
เมื่อเด็ก ๆ เข้าใกล้บ้านตาน้อย  จึงพากันเข้าไปแอบอยู่ข้าง ๆ กองฟาง  เพื่อที่จะได้ยินเสียงผู้ใหญ่คุยกัน
“สิเอาจังได๋ว่ามาบักเหลี่ยม ! มึงมาหยามหน้าหยามตาหยามนามสกุลกูขนาดนี้กูบ่แล้วง่าย ๆ แท้ !” ตาน้อยชี้หน้าด่าบ่าวเหลี่ยมด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ข่อยยอมรับผิดสุอย่างเลยลุงน้อย  ข่อยมันชั่วอีหลี" บ่าวเหลี่ยมกราบเท้าขอโทษขอโพยตาน้อยและยายสา
“ชั่วฟากหมาอีหลีมึงหนิ  จังไรแท้ ๆ สูสองคน  กูมะแค้นคักแท้มีลูกสาวอยู่ผู้เดียวกะเฮ็ดโตบ่เป็นตะสิแตก”  ตาน้อยตีอกชกมือด้วยความแค้นใจ
“น้อยเอ้ย ! เด็กน้อยเขากะผิดกะพลาดไปแล้ว  มันเอาคืนบ่ได้เด้  เขาพากันเฮ็ดผิดผีพ่อตู้แม่ตาเฮาแล้ว เขากะฮักกันแพงกันอีหลี  มึงสิบ่ลดลาวาศอกแนตี้  ให้เขาตกเขาแต่งกันเป็นงานเป็นการสา” ผู้ใหญ่บ้านคงเห็นใจทั้งสองฝ่าย เลยเอ่ยปากขอร้องตาน้อยให้เห็นใจเด็ก ๆ
“สิให้ข่อยรับผิดชอบหยังข่อยยอมเหมิดเลยพ่อใหญ่ แต่ตอนนี้ข่อยบ่มีเงินมีคำอีหลี” บ่าวเหลี่ยมกราบเท้าผู้ใหญ่บ้านคง  ให้เห็นใจและช่วยขอร้องกับตาน้อยยาสาให้ตนอีกครั้ง
“บักพากมึงเอ้ย ! เว้าจังสิกะสำหมาตั้วหนิ" ตาน้อยโกรธจนเสียงสั่น
“เอ้า ! เอ้า ! เอาจังสิ พ่อว่าให้เด็กเล็กเด็กน้อยมาสมบัดสมมาผู้เฒ่าผู้แก่ไปก่อน จังได๋เขากะเฮ็ดผิดผีกันแล้ว  พอแล้วไฮ่แล้วนาขายข้าวขายน้ำได้ทอได๋กะเอามาให้ทางนี้  เป็นค่าเลี้ยงค่าเกียลูกสาวเขา” ผู้ใหญ่คงยื่นข้อเสนอให้ทั้งสองครอบครัว
ตาน้อยไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก  แต่ก็ต้องก้มหน้าก้ม ตายอมรับ  เพราะลูกสาวตัวเองพลาดไปแล้ว
“ลูกหลานบ้านเฮากะมีกันอยู่บ่จั๊กคน  งานแต่งอีนางต้อยกะมื้อฮือนี้  ของกะเตรียมไว้แล้ว  พ่อว่าให้บักเหลี่ยมกับอีนางสายบัวแต่งพร้อมกันเลย  เดี๋ยวพ่อสิเป็นเจ้าภาพให้ว่าจังได๋พ่ออีนางต้อย ?” ผู้ใหญ่บ้านคงยื่นข้อเสนอแกมบังคับตาคำไปในตัว
“ว่าจังได๋หล่ะเฒ่า ?” ตาคำหันหน้าไปถามเมียรัก
“สิว่าจังได๋ได้หล่ะ  ลุงคงเพิ่นสิเป็นเจ้าภาพใหญ่ให้ป่านนี้ พี่น้องทางเจ้าบ่าวเขาสิว่าไทเฮาขี้หมูขี้หมาบ่ได้แล้วกะดีใจตั้วเฒ่า" นาง...ยิ้มตอบด้วยความโล่งใจ
“เอ้าจังสั่นหล่ะ  ของเขิงที่พากันเตรียมไว้อยู่ เฮือนพ่ออีนางต้อย  กะพากันขนมาเฮือนพ่อเลย เด้อ  พอดีหล่ะเดิ่นเอิ้นขวัญยังอยู่ดีอยู่  งานแต่งกะแต่งอยู่ลานนี่หล่ะเด้อ  พ่ออีนางต้อยกะไปบอกทางเจ้าบ่าวให้มันแล้วมันทั่ว" ผู้ใหญ่บ้านคงพูดสรุปและจัดแจงหน้าที่ให้กับทุกคน
“ตาแจ้งบ่หญิงบานหนิ ฉันกะว่าเอื้อยสายบัวเลา ออกบ้านไปหยังก็ดู๋แท้ !” กรีนนี่พูดกับเพื่อน ๆ ด้วยแววตาลุกวาวที่รู้ความจริงทั้งหมด
“ฉันกะเคยเห็นอ้ายเหลี่ยมเพิ่นไปตักน้ำซ่อยเอื้อยสายบัวดู๋ยุ  แต่กะบ่คิดว่าคะเจ้าสิพากันเฮ็ดผิดผี” เดอลาพูดใจลอย
🍀🍀
🍀🍀
เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็ตกใจไม่น้อยกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ ตลอดจนวิธีการแก้ไขปัญหาของผู้เฒ่าผู้แก่ ที่มีการประณีประนอมให้กับบ่าวเหลี่ยมและสาวสายบัวที่พวกเด็ก ๆ รู้จักมักคุ้นอย่างดี
ถึงแม้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะไม่เห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมผิดผีของทั้งสองคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใจไม้ใส้ระกำจนเกินไป ยังช่วยกันคิดแก้ไขหาทางออกให้กับทุกฝ่ายได้อย่างลงตัว ต่อไปชีวิตคู่ของอ้ายเหลี่ยมและเอื้อยสายบัวจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการประคับประคองความรักของพวกเขาเองแล้ว ในเมื่อพวกเขาทั้งสองเลือกเองแล้ว
จบตอน………แล้วพบกันใหม่นะคะ
🙏ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ 🙏
ติดตามอ่านนวนิยายเรื่องก่อนตะวันรอนตอนอื่น ๆ ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้นะคะ
👉https://www.blockdit.com/series/6064f329c23caf0c5132b6c7
📔นวนิยายเรื่อง: ก่อนตะวันรอน
📔ผู้แต่ง: งามดอกบัว
📔สำนักพิมพ์: อีสานพันทาง
📔#สงวนลิขสิทธิ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา