29 ก.ค. 2021 เวลา 05:42 • สุขภาพ
โควิดกับความเชื่อที่ว่า โลกเรามันแบน
ในภาพที่ผมนำมาลงประกอบนี้คือ Samuel Shenton หรือบิดาแห่งทฤษฏีว่า โลกเรานี้มันแบน เขายืนหยัดความเชื่อนี้และอ้างอิงอย่างมุ่งมั่นแม้ในเวลานั้นจะมีภาพถ่ายโลกจากยานอวกาศมาแล้วก็ตามที บุคคลผู้นี้ก็ยืนหยัดในเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของเขาต่อไป
ทุกวันนี้สมาคมโลกแบนนี้ก็ยังมีอยู่และมีการพยายามพิสูจน์อย่างสุดขั้วเพื่อทำให้คนหันมาเชื่อกันอีกครั้งว่า โลกนี้แบนนะ เช่น... จะจัดงานพายเรือในน้ำตกเป็นเส้นตกโดยไม่สนปลายทาง (คือโลกแบนกับเหวมันก็คนละเรื่องกันน่ะนะ) หรือมีชายหนุ่มพยายามที่จะทำเครื่องบินเองเพื่อบินขึ้นไปบนฟ้าแล้วมองโลกด้วยตาตัวเอง สุดท้ายตกกลางทะเลทรายตายห่าไป ที่ฮาที่สุดคือ คนกลุ่มนี้จะจัดการล่องเรือสำราญไปเรื่อยๆ โดยพูดกับสื่อว่า "ไม่ต้องกลัวว่าเราจะตกขอบโลก"
คนเหล่านี้เป็นคนปกติหรือคนเพี้ยนหรือเป็นคนไม่มีความรู้กันแน่
ผมคงไม่ขอก้าวล่วงเพราะคำถามที่เขายิงกลับมาคือ พวกคุณเคยเห็นโลกของเราด้วยตาโดยไม่ผ่านรูปที่เขาถ่ายมากันแล้วเหรอ คำถามของเขาผมก็ไม่มีคำใดจะตอบ แต่คนที่ตอบแบบนี้ผมมองว่า เขาจริงจังและมุ่งมั่นเกินกว่าจะมองว่าเพี้ยน
และคนกลุ่มนี้มีความรู้หรือไม่ ถ้าคุณมีเวลาลองเข้าไปหากลุ่มพวกเขาแล้วร่วมสนทนาได้เลย คนพวกนี้ความรู้วิทยาศาสตร์แน่นมาก ทฤษฏี งานวิจัย ผลทดลองเพียบ
แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็ถูกด้อยค่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เขาจะเสนอถูกผลักให้กลายเป็นตัวตลกของสังคม ถูกมองว่าเป็นพวกเพี้ยนทันที
เมื่อสามปีที่แล้ว เรื่องโลกแบนก็กลายเป็นกระแสของชาวอเมริกันอีกครั้ง เมื่อนักบาสระดับซุปเปอร์สตาร์ของ NBA อย่าง Kyle Irving ออกมาให้ความเห็นประมาณว่า "ก็ผมไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองนะ ดังนั้นโลกเราอาจจะแบนก็ได้"
Kyle เคยผ่านการศึกษาที่ Duke แม้จะเรียนแค่ปีเดียวก็คงไม่อาจพูดได้ว่าคนนี้โง่ และการที่เขาพูดก็เป็นหนึ่งในความเห็นของคนๆหนึ่ง แต่สังคมก็ล้อเลียนเขาจนเขาพูดออกมาสั้นๆว่า i am sorry และไม่พูดถึงเรื่องโลกแบนอีกเลย
มาถึงตรงนี้คงพอจะมองเห็นนะครับว่า ในอเมริกานั้นมีคนที่มีความแข็งแกร่งทางความเชื่อหลายกลุ่ม และคนเหล่านี้ไม่ใช่คนไร้การศึกษาแต่เขามีการศึกษาที่มากพอจะหยิบโยงเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสร้างหลักการของตัวเองได้
อย่างที่เป็นปัญหาตอนนี้ในอเมริกาและเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกเลย คือ กลุ่มคนที่ไม่เชื่อในวัคซีน โดยมีกลุ่มหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า วัคซีนแบบ mrna จะเข้าไปในร่างกายและจะส่งผลกระทบไปถึงระดับ dna ซึ่งแน่นอนครับพวกเขาก็มีหลักการมารับรอง
คนไม่ได้เรียนมาเฉพาะทางก็นั่งมองเขาตาปริบๆ ไม่รู้จะเลือกเชื่ออะไร แต่การศึกษาตามเบื้องต้นของผมเองก็คิดว่า วัคซีนคงไม่ส่งผลขนาดนั้น (มั้งนะ) และแน่นอนครับว่าเมื่อมีการถกเถียงก็ย่อมมีกองเชียร์ เมื่อมีกองเชียร์ก็มีการด้อยค่าอีกฝ่ายกัน
ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดการแบ่งฝักฝ่ายกลายเป็นสงครามทางความคิดโดยมีอัตตาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งคนกลุ่มนี้พร้อมจะยืนหยัดอย่างถึงที่สุดถ้ามีแนวร่วมเข้ามา ในขณะที่กลุ่มต่อต้านไวรัสและกลุ่มต่อต้านวัคซีนโดยหลักสิทธิและกลุ่มต่อต้านวัคซีนโดยหลักศาสนามาผนึกกำลังกันสามกลุ่ม
ก็มีอุ้งมือดำเข้ามาหนุนหลังคนพวกนี้อย่างสุดโต่ง อุ้งมือนั้นคนเขาเชื่อกันว่าเป็นอุ้งมือของ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ แล้วโยงความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาผสมจนเกิดการปั่นป่วนทางความคิดอย่างรุนแรง ผลที่เกิดขึ้นคือ... อเมริกันชน ไม่ฉีดวัคซีน และ ไม่สวมหน้ากาก ไม่มีการเว้นระยะห่างใดๆ กูใช้ชีวิตตามต้องการเลยจ้า
ผลที่ออกมา คือ พัง
อเมริกาเป็นประเทศที่เราก็รู้ๆกันอยู่ วัคซีนเทพ เงินถึง บริหารจัดการดี แล้วทำไมเกิดแรงต้านจากประชาชนขนาดนี้...
อเมริกันชนไม่รักชาติกันเหรอ... หรือยังไง
บทเรียนจากประเทศอเมริกา
ย้อนมาดูบ้านเราครับ ไม่ต่างกัน... ใครจะฉีดซิโนแวค หรือหาข้อมูลมาเสนอกับสังคมว่า ซิโนแวค ก็ใช้ได้นะ อ่านผลวิจัยนี่สิๆ... คนๆนั้นจะกลายเป็นคนโง่ เป็นสลิ่มทันที
หมอคนไหนออกมาบอกซิโนแวคดี ใช้ได้ จะมีคนขนทัวร์มาลงแล้วชี้หน้าหาว่าเป็น ขี้ข้ารัฐบาลทันที
ทั้งๆที่ก็มีผลวิจัยหลายๆที่บอกว่า ซิโนแวคแม้สู้ไฟเซอร์ โมเดอร์น่าไม่ได้ แต่ก็ไม่แย่ขนาดที่ถูกกล่าวหา การพูดเพียงเท่านี้ทำให้ถูกถีบไปเป็นศัตรู และก็ไม่ต่างกันกลุ่มการเมืองโฉบมาอุ้มหนุนหลังทันที
รัฐบาลไทยจัดการเรื่องวัคซีนแย่ไหม แยกเรื่องนึง มันต้องแยกแยะ ไม่ใช่บั่นทอน ผลักกันไปอีกฟากอย่างไม่รับฟังเหตุผล
อเมริกายังย่ำแย่ขนาดนี้ ภาพไบเดนถอดหน้ากากและพูดเชื่อว่า ผมเชื่อในวิทยาศาสตร์ ถูกพังทลายความเชื่อมั่นถูกทำลายในพริบตา
แล้วประเทศที่ด้อยกว่าเขาทุกทางอย่างเราล่ะ ถ้าขัดแย้งกันแบบนี้ ทำทุกอย่างตามอารมณ์กันแบบนี้ จะพังขนาดไหน
ทุกประเทศชอบการแตกแยกแล้วปกครอง... เพราะเขาทำตามอำเภอใจได้ ถือว่ากูมีกองเชียร์แน่ๆ แต่ะ้าประชาชนหันมาคุยกันเองเปิดใจรับข้อมูลของแต่ละด้านและให้เกียรติในความคิดของกันและกัน
การเรียกร้องของประชาชนจะไม่ใช่การประท้วงโดยผิดกฏหมายและกลายเป็นข้ออ้างว่า ก็พวกมึงชุมนุมกัรแบบเนี้ย เลยเกิดคลัสเตอร์ไม่จบ
โฆษณา