30 ก.ค. 2021 เวลา 07:06 • การศึกษา
“โรงเรียน” เป็นสถานที่ที่สร้างเส้นทางอนาคตที่สวยงาม และเป็นสะพานสู่ความสำเร็จให้กับเด็กหลายคน แต่ในขณะเดียวกัน “โรงเรียน” ก็เป็นสถานที่อันโหดร้าย และทำลายอนาคตเด็กมานับไม่ถ้วนเช่นกัน สถานที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุด แต่กลับส่งเสริมความรุนแรงกันอย่างชอบธรรม และสืบทอดมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นประเพณี วันนี้ เราจะมาพูดคุยถึงประสบการณ์ที่สร้างแผลฝังลึกในใจ กับคนที่เคยพบเจอกับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้กัน
Q : เล่าให้ฟังหน่อย ว่าตอนเด็กเราเรียนโรงเรียนอะไร?
ตอนเรียนเราก็เรียนโรงเรียนสหศึกษาทั่วไป แต่ตอนอนุบาลถึงประถมเราเรียนโรงเรียนคริสต์ พอมัธยมเราก็เรียนโรงเรียนอิสลาม แต่ที่บ้านเราเป็นคนพุทธนะ เวลาอยู่ในโรงเรียนเราก็เป็นคนธรรมดา ชาวบ้านหนึ่ง ชาวบ้านสอง ทั่วไป
ตอนประถมเราเป็นเด็กเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีความมั่นใจ เวลาอาจารย์ให้ออกไปทำกิจกรรมอะไรก็จะไม่มั่นใจ
Q : ความรุนแรงที่เราเคยเจอมันเป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย
เราไม่เคยมีความรุนแรงที่บ้าน แต่มีอยู่ช่วงนึง ประมาณ ป.2-3 ที่เราไม่อยากไปโรงเรียน เราเลยแอบไปนอนในห้องน้ำในอาคารเรียน แล้วครูก็มาอุ้มเราไปนอนในห้องพยาบาล แล้วก็ถามเราว่าทำไมเราไม่ไปเรียน เราก็บอกว่า เราไม่อยากเรียนเลย เพราะกลัว กลัวการเรียน อะไรประมาณนี้ แต่เราก็ไม่ได้บอกว่าเรากลัวครูคนไหน ที่แน่ ๆ สาเหตุที่เราไม่อยากเรียนก็เป็นเพราะความรุนแรงที่เกิดจากครูคนหนึ่ง
ตอนนั้นเรามีวิชา Hand writing แต่เราคัดผิดวิธี ครูประจำวิชามาเห็น เขาเลยให้เราคัดใหม่ แล้วเราก็คัดใหม่ตามที่เรามั่นใจ แล้วเขาก็ตีเข้าที่กลางหลังเราอย่างแรง แล้วตอนนั้นเรายังเด็ก ตัวเล็กนิดเดียวเอง มันแรงมากจนเราร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ที่แย่กว่านั้นคือ ครูประจำชั้นเราก็อยู่ แล้วเขาก็เห็นเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่เข้ามาห้ามเลย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องใหญ่มาก เราโดนตีอยู่นานมาก เกือบสิบนาที จนหมดคาบ แล้วเราก็เก็บเรื่องนี้ไว้ ไม่ได้บอกใคร
สุดท้ายเรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องที่ฝังใจเรามาก ทำให้เราเกลียดวิชาภาษาอังกฤษแบบเข้าจิตไร้สำนึกไปเลย ถ้าสมัยนั้นมี Social นะ เรื่องของเราก็คงดังในทวิตไปแล้วล่ะ
อีกครั้งคือตอนเราขึ้น ป.6 ตอนนั้นเราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ แล้วครูกำลังจะตรวจการบ้าน อยู่ ๆ เขาก็มาดึงสมุดเราไปเลย แล้วเขาก็เปิดหา ๆ แต่เหมือนเขาหาไม่เจอมั้ง เขาก็ปาสมุดเราออกไปนอกห้องเลย แล้วก็ตวาดเราแรงมาก ไล่เราออกไปทำการบ้านนอกห้องด้วย แต่เราทำเสร็จไปแล้วไง ตอนนั้นเราก็ช็อคมาก สุดท้ายเราก็เอาการบ้านให้เขาดู ว่าเนี่ย เราทำเสร็จแล้วนะ ครูเขาก็ดูหน้าแตก แล้วเขาก็ไม่ขอโทษเราด้วย
Q : แล้วจากเหตุการณ์ทั้งหมด มันส่งผลยังไงกับเราบ้าง?
ด้วยเหตุการณ์ตอน ป.6 มันเป็น Breaking point ที่ทำให้เราไม่อยากไปเรียนจริง ๆ แล้ว พอขึ้น ม.1 เราก็เกเรมาก เลยดรอปไป แต่โชคดีที่ที่บ้านเข้าใจเรา พอเรากลับมาเรียนอีกครั้ง เราก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พยายามปกป้องสิทธิ์ของตัวเองมากขึ้น ถ้าเราคิดว่าเราไม่ผิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งเรื่องการทำโทษที่ไม่สมเหตุสมผล กฎที่ล้าสมัยแล้ว หรืออะไรก็ตาม เราจะไม่ยอมให้ใครทำละเมิดสิทธิ์เราเด็ดขาดเลย
มันไม่ใช่แค่การปกป้องสิทธิ์ของเราคนเดียว เราคิดว่ามันคือการปกป้องสิทธิ์ของเพื่อน ๆ ด้วย ถ้าเราทุกคนยอมแบบไม่ตั้งคำถาม มันก็เท่ากับว่าเรายอมรับในความรุนแรงนั้น เรารู้สึกว่า เราเป็นมนุษย์นะ เรามีอะไรเราคุยกันได้ ไม่ชอบอะไรบอกดี ๆ เดี๋ยวเราทำให้ ไม่เห็นต้องมาทำร้ายกันเลย
Q : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรให้กับคนที่กำลังเผชิญกับความรุนแรงอยู่ไหม?
ครูควรเลิกใช้ความรุนแรงตอนนี้เลย ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนด้วย เพราะไม่รู้เลยว่ามันจะไปทำร้ายเด็กคนหนึ่งแค่ไหน การกระทำเล็ก ๆ อาจเปลี่ยนชีวิตเด็กคนหนึ่งเลยก็ได้ อย่างเคสเรา ที่เรียนตอน ม.1 เรียนไม่จบก็เพราะแผลจากความรุนแรง
แต่ก็ไม่ได้บอกให้ทุกคนสู้กลับด้วยความสะใจจนเป็นการทำร้ายครูด้วย เราปกป้องสิทธิ์ของเราได้ แต่เราก็ไม่ควรสู้จนเกินเลยกลายเป็นการทำร้ายครูเช่นกัน
โฆษณา