Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดร.สุวิจักขณ์ ต้นสาระ รวมเรื่องสาระ
•
ติดตาม
1 ส.ค. 2021 เวลา 11:34 • ครอบครัว & เด็ก
"ย้อนต้น"
สยามนี้มีเรื่องเล่าตอนที่ 391
โดยดร.สุวิจักขณ์ ภานุสรณ์ฐากูร
สวัสดีครับทุกท่าน รูปภาพที่เห็นอยู่นี้ ผมวาดเอง วาดขึ้นจากสีน้ำราคาถูก ๆ ที่ว่าถูกนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าสีน้ำมันจะแพงกว่านี้ มันจะให้ สีที่ดูดีกว่านี้หรือเปล่า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะ แต่ก็ไม่เคย ซื้อสินค้าราคาแพง ๆ มาลองวาด เพราะที่ใช้อยู่ก็กล่องละ 100 กว่าบาทเท่านั้น
อยากจะพูดวันนี้มีอยู่ 3 เรื่องด้วยจึง เป็นบทความอีก 1 บทความ เกิดขึ้นจากการวาดรูป เรามาเริ่มกันเลยครับ
เรื่องที่ 1 อย่างที่ผมบอกไปแล้วผมไม่รู้ว่าของแพงคุณภาพของสีที่ดีกว่านี้หรือเปล่า แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนที่มีหัวทางศิลปะหรือชอบทางด้านศิลปะ ก็คงจะสร้างผลงานของตนเองออกมาได้ ไม่ว่าสิ่งที่เขาจับอยู่จะราคาถูกหรือแพงก็ตาม
ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่ได้เป็นคนที่มีหัวอะไรทางด้านของศิลปะมากมายเพียงแต่ผมชอบเท่านั้น
และผมก็ไม่อาจหาญที่จะบอกว่าผมจับอะไรก็ดูออกมาดีได้ทั้งหมด อันนี้ขอกันตัวเองไว้ก่อนนะครับว่าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ผมเชื่อมั่นว่า ศิลปินย่อมสร้างผลงานของตนเองออกมาด้วยจิตวิญญาณ
จริงอยู่ถ้าเครื่องไม้เครื่องมือสมบูรณ์แบบผลงานย่อมสมบูรณ์แบบอย่างที่สุดไปด้วย แต่ลองคิดดูนะครับ ถ้าเครื่องไม้เครื่องมือพิเศษสุด แต่คนสร้างผลงานไม่มีหัวเลยได้ถ้าศิลปะมันจะออกมาดีได้อย่างไร
อันนี้จึงฝากเอาไว้ให้คิดว่าอยู่ที่ตัวบุคคลไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย...
เรื่องที่ 2 ช่วงนี้เป็นช่วงที่ใครๆก็อยู่ในความอึดอัดต้องเวิร์คฟอร์มโฮม ต้องอดทน และต้องระมัดระวังตัวเองอย่างเต็มที่ อีกทั้งแน่นอนต้องประหยัดกินประหยัดใช้ ในเรื่องนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตเหล่านี้ไปได้
ใช่ครับ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งที่กำลังเผชิญปัญหา แต่ทุกคนในขณะนี้ ที่จะต้องรับมือกับปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาเดียว แต่ครอบคลุมทุกชีวิตและทุกอย่างบนโลกใบนี้
ซึ่งในขณะที่เรากำลังฝ่าฟันต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น จิตใจย่อมมีอ่อนล้าอ่อนแรงบ้างเป็นธรรมดา "ผมเองก็เป็น" แต่ผมเองมองว่า ถ้าผมยอมจำนนต่อมัน "หมอบราบคาบแก้ว" มันคงไม่มีอะไรดีขึ้นมีแต่ถอยลงไปใกล้คลอง ท้ายที่สุดก็ลงคลอง!!!
นั่นจึงเป็นเหตุให้ผมลุกขึ้นมาทำอะไรหลาย ๆ อย่างในขณะที่ผม work from home เพราะผมเป็นคนที่ อยู่ไม่ค่อยติดที่ แล้วก็ไม่ชอบที่จะอยู่เฉย ๆ
ดังนั้นอะไรที่ผมชอบ ผมเอามาทำทั้งหมดในตอนนี้เพราะผมมีเวลา และหนึ่งในเรื่องที่ผมชอบ ใช่ครับเรื่องของการวาดรูป ส่วนเรื่องของการเขียนบทความ ผมเขียนเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
นอกจาก สองเรื่องดังกล่าวแล้ว วันก่อนผมได้ลงรูปของตนเองว่า ก่อนเกิดโควิค กับขณะที่เกิด covid ต้องเวิร์คฟอร์มโฮมนั้น ผมดูแลตัวเองอย่างไร...
ซึ่งนับเป็นเรื่องดีสำหรับผมมากเพราะผมได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ทุกวัน คนอ้วนเหมือนท้อง 8 เดือน มาจนปรากฏเป็นรูปร่างที่น่าพอใจ แต่ผมจะยังไม่โชว์ให้ใครเห็นจนกว่าผมจะภูมิใจในตัวเองมากกว่านี้
จากประโยคข้างต้นนี้ ผมขอบอกว่า"ผมไม่อวดความสำเร็จกับใครทั้งนั้น" เพราะคนที่ประสบความสำเร็จมากกับผมมีมากมายนัก แต่ผมกำลังจะบอกว่าผมได้อะไรจากการออกกำลังกายมากกว่า
ผมเป็นคนที่แบกน้ำหนักตัวไว้เยอะในช่วงหลังทำให้ผมเหนื่อยง่ายเดินนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว อีกทั้งเจ็บหน้าอก เคยไปหาหมอ หมอก็แปลกใจว่าเป็นการที่ไม่ค่อยได้พบ แต่ไม่กล้าฟันธงลงไปว่าเป็นโรคหัวใจ
โดยหมออยากจะให้ผมมีเวลาออกกำลังกาย ผมเองก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ที่บ่ายเบี่ยนเหตุผลง่าย ๆ คือขี้เกียจเล่นเอง แต่พอช่วงนี้มีเวลาผมเห็นว่า เลิกให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นกับตนเองได้แล้ว ผมจึงเริ่มกลับมาออกกำลังกายอย่างจริงจัง ซึ่งตอนแรกยอมรับว่าเหนื่อยจะขาดใจ เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือนครับ
ผมแคล้วคล่องว่องไวมากกว่าแต่ก่อน ที่สำคัญผมวิ่งลู่ที่บ้านโดยที่ผมไม่มีอาการเจ็บหน้าอก เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้หลายปี
นั่นเป็นเหตุให้ผมจัดหนักกับตัวเองเหมือนคนที่ไม่กล้าจะวิ่งเพราะกลัวเจ็บ แต่พอวิ่งได้จึงวิ่งอย่างเต็มที่ ใครเคยดูหนังเรื่อง forrest gump บ้าง ใช่ครับเหมือนผมเลยตอนนี้ พอวิ่งได้ก็วิ่งเต็มที่เลย
ครับผมหวังว่าคงจะให้ของขวัญในวันเกิดผมปีนี้ด้วยสิ่งที่ผมทำให้กับตนเอง แล้วเรามาลองดูกันครับว่าผมจะให้ของขวัญแบบไหนกับตัวเอง
นอกจากเรื่องของการออกกำลังกายแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงอ่านหนังสือ ซึ่งมีอยู่เป็นตั้งครับ อ่านไปเรื่อย ๆเพราะคนเราจำเป็นต้องเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้ทุกวัน ความรู้เหล่านี้หากไม่อ่าน ควรจะฟังซึ่งมีแหล่งข้อมูลมากมาย ในสื่อออนไลน์ ฟังข่าวเรื่องโควิดแล้วถ้ามันเครียด ก็ไปฟังอย่างอื่นบ้างนะครับ
ผมเป็นคนที่ ชอบทางด้านภาษา และ 2 ภาษาที่ผมใช้อยู่ คือภาษาจีนกับภาษาอังกฤษ ใช่ครับช่วงนี้ได้เวลาทบทวน เพราะไม่พูดไม่เขียนมันก็อาจลืมกันได้
ครับ เพราะผมทำตัวไม่ว่างเท่านั้นแหละผมก็มีเรื่องให้ไม่ว่างได้ตลอดทั้งวัน แล้วพอทำอะไรมันไปเพลินๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ มันก็ทำให้เราลืมเรื่องราวคิดเครียดไปได้
ตรงนี้ผมเข้าใจว่าสถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันจึงไม่สามารถเอาผมเป็นบรรทัดฐานได้ ผมเพียงแต่เล่าสู่กันฟังออกมาเป็นบทความว่า...
ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผมวางท่าทีอย่างไรกับมัน และคงปฏิบัติตัวอย่างไรในขณะที่ สถานการณ์ยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ผมหวังใจลึก ๆ ว่าทุกอย่างกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
อีกเรื่องหนึ่งครับ มันเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะส่งต่อไปยังหัวข้อที่ 3 ผมยังคงทำบุญอยู่ทุกวันเลยไปทำบุญกับหลวงตา ที่วัดเกาะตะเคียน ซึ่งก่อนจะไปทำบุญตอนเช้า ผมจะนั่งสมาธิก่อน ทำใจให้สบาย ๆ คิดไปในทางดี ๆ เมื่อออกจากสมาธิแล้วจึงไปทำบุญ ตอนเย็นต้องสวดมนต์ทุกวัน ผมยังคงทำอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่นอกบ้านในขณะที่ไปทำงาน ก็ต้องสวดมนต์
ส่วนตอนก่อนนอน ผมชอบร้องเพลงครับ ผมเคยส่งเพลงเข้าไปใน หน้า Facebook ให้ทุกคนได้ฟังอยู่เหมือนกันการร้องเพลงมันก็เป็นการระบายอารมณ์และความรู้สึกได้ดี ผมไม่ได้มี คาราโอเกะ แต่ผมร้องโดยการโหลดโปรแกรมร้องเพลงมาร้อง ซึ่งใน
โปรแกรมนี้มันก็เป็น Social ของคนชอบร้องเพลง ดังนั้นแล้วผมจึงมีคู่ร้องเพลงอยู่บ่อย ๆ รวมถึง ร้องเดี่ยว แน่นอน ถ้าเราร้องเพราะก็จะมีคนเข้ามาฟัง ให้คำชมให้กำลังใจ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ในขณะที่เรา กำลัง อยู่ไหนบรรยากาศของความตึงเครียด ลองดูครับมันมีทางออกอยู่มาก และมันอาจจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ตรงกับจริตของเรา
เรื่องสุดท้ายเรื่องที่ 3 จากรูปที่ผม นำมาให้ชมกัน เป็นรูปที่ผมวาดเองจะเห็นว่าผมนำรูปที่วาดเสร็จแล้ว ขึ้นมาให้ชมดูก่อน หลังจากนั้นจึงตามด้วย รูปที่วาดไปแล้วบางส่วน ไล่ไปเรื่อย ๆจนกระทั่ง หลังสุดจะเป็นแผ่นที่ลงมือร่างรูปภาพด้วยดินสอ คือ กลับไปหาจุดเริ่มต้น
นั่นแหละครับที่ผมบอก การนั่งสมาธิทำให้เราได้หันกลับไป มองดูจุดเริ่มต้นของเราได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เราเริ่มต้นจากความว่างครับ ว่างเหมือนอย่างรูปภาพที่ผมวาดเลย คือเริ่มจากกระดาษเปล่า ๆ แล้วเราก็ค่อย ๆ แต่งเติมสีสันมันลงไป จนกระทั่งสำเร็จเป็นรูปภาพ
ผมอยากให้ทุกคนลองย้อนกลับไปดูชีวิตของตนเองว่ามันเริ่มต้นมาอย่างไร เราผ่านอะไรมาบ้าง ผมว่า ในขณะที่เรากำลังเผชิญปัญหา ซึ่งผมเชื่อว่า มันคงไม่ใช่เป็นปัญหาแรก เริ่มเดิมทีสำหรับชีวิต
ผมว่าทุกท่านผ่านบททดสอบ สำหรับชีวิตมามากกว่า 1 บททดสอบอย่างแน่นอน แต่เราก็ผ่านบททดสอบแล้วนั้นมาได้ ซึ่งวันนี้มีบททดสอบที่เกิดขึ้นอีก เราก็ยังคงจะต้องผ่านมันไปได้เช่นเดียวกัน เหมือนอย่างที่เราเคยทำได้มาก่อน ผ่านได้มาก่อน
ทั้งหมดนี้เป็นการมองอย่างโลกกระทัดที่เรียกว่าโลกียะ แต่ถ้าจะมองอย่างโลกุตระ มันไปไกลยิ่งกว่านั้นอีก เพราะว่าชีวิตของเราเริ่มต้นจากความว่าง มันไม่มีอะไรมาก่อนเลย ทุกอย่างค่อย ๆ มาแต่งมาเติมเอาทีหลัง
เราสามารถดำเนินความรู้สึกของเรากลับไปอยู่บนความว่างที่เป็นพื้นฐาน ผมคิดว่าเราจะมีกำลังใจ เราจะมีพลังงาน เราจะมีความสดชื่นกลับคืนมาสู่ชีวิตได้ ซึ่งในทุกวันนี้ กับวันคืนที่เต็มเปี่ยมไปด้วย เรื่องราวมากมายมันไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย แต่ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นสถานแห่งจิต ที่ทุกคนจะต้องไปให้ถึงให้ได้
ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราลองหาเวลามองย้อนกลับไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในอดีต ว่าเราสามารถผ่านมันมาได้ ในขณะเดียวกัน ด้วยความรู้ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น จะทำให้เรารู้ว่าความว่างนั้น สำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน และเราควรเข้าถึงภาวะเช่นนั้น
นี่จะเป็น โอกาสในวิกฤติที่เกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น...
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย