1 ส.ค. 2021 เวลา 12:30 • ท่องเที่ยว
กักตัวอย่างไรให้มีความสุขในประเทศไทย
สิ่งที่เจอเนื่องจากเดินทางมาจากปากีสถาน เมืองการาจีเพื่อที่จะมาประเทศไทย
พอมาถึงจุดเช็คอินเจ้าหน้าที่ที่สนามบินเมืองการาจีก็ถามหา COE ใบจองตั๋ว วัคซีนโควิด
ขณะที่เช็คอินแล้วเรียบร้อยโชคดีที่ไม่เช็คน้ำหนักเรา จริง ๆ แล้วน้ำหนักเราเกินมาประมาณสี่กิโลเกือบเสียตังค์หละสิ...อิอิ
ก่อนหน้านี้ ตอนเข้าสนามบิน เขาเอ็กซเรย์กระเป๋ามีกระเป๋าหนึ่งใบที่มีปัญหาเจ้าหน้าที่ขอตรวจเพราะในจอเอกซเรย์เห็นเป็นกลมกลม เหมือนลูกระเบิดขนาดบอมเมืองที่โรชิม่าได้
แต่ในใจเราตื่นเต้นนิดหน่อย ถึงอย่างไร เราก็ไม่ได้ขนอะไรผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่หน้าเครียดมาเปิดกระเป๋า แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็ต้องส่ายหน้าเพราะว่าสิ่งที่เจอคือโคมไฟที่ทำจากเกลือสีชมพู...ฮ่าฮ่าฮ่า..เพื่อช่วยในการนอนหลับและสุขภาพให้ดีขึ้น เฮ้อเราโล่งใจไปหนึ่งเปราะแล้ว
การเดินทางผ่านกรุงโดฮาเราต้องอยู่ที่โดฮาถึง 15 ชั่วโมง
เอาละ..ตอนนี้ ถึงสนามบินที่กรุงโดฮาเราเดินไปแล้วก็เดินมานั่งหลับ แล้วก็เดินไปเดินมาไปกินข้าวไปดูของ Shopping ได้รองเท้าบอสของสามีมาหนึ่งคู่ กางเกงในสามตัว เพราะของที่มีอยู่มันเก่าเต็มที รองเท้าใช้มา 10 ปี ส่วนกางเกงในก็เก่ายืดแล้ว เรียกขึ้นเครื่อง หลับสบายบนเครื่องเพราะผู้โดยสารน้อย แต่พอถึงกรุงเทพนี่สิต้องมีเอกสารเยอะแยะเลย
ตอนที่ลงเครื่องบินเราต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อนเพราะว่าปวดฉี่แถมปวดอึกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า ทำให้เราสองคนเป็นคนสุดท้ายในการที่จะต้องไปทำเอกสารเพื่อที่จะเตรียมตัวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง มันเป็นการตรวจและกรอกเอกสารซึ่งค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะว่านั่นคือการตรวจเอกสารผลโควิด 72 ชั่วโมงว่าไม่พบเชื้อโควิด ทางเจ้าหน้าที่ให้เรากรอกเอกสารอีกแล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้กรอกเอกสารอีก ตรงนี้กินเวลานานพอสมควร
เอกสารของข้าพเจ้าได้ทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ของผู้ร่วมเดินทางกลับไม่ได้ถูกการกรอกอะไรเลย เลยต้องย้อนกลับมากรอกอีกเพราะเนื่องจากว่าคุณท่านนั่งเป็นบอสอยู่ทำให้เด็กเด็กที่เข้ามาบริการไม่กล้าเข้าใกล้ สุดท้ายเราสองคนเป็นผู้โดยสารสองคนสุดท้ายที่ทำเสร็จหลังสุด
แต่เนื่องจากเราเป็นคนไทยจึงทำให้มีช่องทางเฉพาะคนไทยจึงสะดวกขึ้นคนมาแยะ
เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองให้ความร่วมมือบริการดีมาก เราไปรับกระเป๋าตรงสายพานซึ่งบริเวณสายพานเจ้าหน้าที่ได้เตรียมรถเข็นวางเรียงรายไว้ให้เรียบร้อยซึ่ง ทำให้ประทับใจในการบริการอย่างมากความสะอาดของสนามบินให้ 100 เต็ม 100
หลังจากนั้นเราเดินออกมาก็มีเคาน์เตอร์วางน้ำไว้บอกว่าฟรี เป็นสิ่งที่คนไทยได้เห็นถึงความลำบากของคนที่เดินทางมาว่าต้องหิวน้ำ ข้าพเจ้าเดินไปหยิบน้ำหนึ่งขวดเพื่อที่จะใช้ดื่มระหว่างเดินทางต่อ ยังไม่จบนะ ด่านศุลกากรเลือกตรวจกระเป๋าคนไทย ฝรั่งผ่านสบาย สงสัยเจ้าหน้าที่ขี้เกียจพูดอังกฤษ เราเป็นคนไทยหน้าซื่อ ๆ เซ่อ ๆ เลยเจอเรียกตรวจกระเป๋าอีก ผ่านละ ขั้นต่อไปขึ้นรถเข้าโรงแรม เจ้าหน้าที่หนึ่งคนเดินมาถามเราว่า ชื่ออะไร ซึ่งข้าพเจ้าเห็นรายชื่อของข้าพเจ้าในกระดาษและมีโรงแรมเอาไว้ เจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์บอกคนขับรถให้เตรียมไว้ นั่นคือระบบการจองโรงแรมที่พักในเมืองไทยได้มีการเตรียมการไว้เป็น ระบบ อย่างดี
นั่นคือการประสานงานของทางโรงแรมและทางสนามบินรวมถึงต้องทราบเวลาที่เครื่องบินลงที่เมืองไทย และรถที่มารับเป็นผู้หญิงขับ โดยเป็นรถแวนขนาดเล็ก พนักงานได้สเปรย์กระเป๋าด้วยแอลกอฮอฆ่าเชื้อ ถ้าสเปรย์คนได้ เขาคงสเปรย์ไปแล้ว และพนักงานชายอีกคนยกกระเป๋าขึ้นรถ และเราก็นั่งรถไปที่โรงแรม รถมีที่กั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร เชื้อโควิดคงทะลุที่กั้นไปไม่ได้ความรู้สึกเหมือนเราเป็น วีไอพี มาก มาก
กักตัวอย่างไรให้รอด เข้าเรื่องละ คือ ควรเตรียมสิ่งต่อไปนี้ไปด้วย ถ้าโรงแรมไม่เตรียมให้ 1. รองเท้าแตะ เราไม่รู้พื้นโรงแรมสะอาดไหม ใส่รองเท้าแตะสะดวกมาก 2. ชาม โรงแรมที่อยู่ไม่มีจาน ชาม มีชาม เราเอาแช่มาม่าได้ ใส่ microwave (บางโรงแรมมีให้) ก็ได้ 3. ช้อน ใช้ช้อนเหล็กกินอร่อย กว่าช้อนพลาสติกที่โรงแรมให้ 4. แปรงสีฟัน/ยาสีฟัน/ dental floss มันเป็นที่เราต้องมีอยู่แล้ว ต้องเตรียมไว้ 5. ที่กวาด/ถูพื้นพกพา 15 วัน จะไม่มีใครเข้ามาทำความสะอาดห้อง ดังนั้น ต้องทำความสะอาดเอง 6. น้ำยาล้างจาน/scotch brite 7. เสบียงทานนิดหน่อยสำหรับวันแรก
8. เงินไทยธนบัตรย่อย กรณีฝากโรงแรมซื้อของทาน 9. คู่สมรส กรณีแก้เหงา แต่จะเสียเงินค่าห้องเพิ่ม 10. ผ้าเช็ดตัว กรณีไม่กล้าใช้ของโรงแรม 11.cutter กรรไกร 12. หน้ากากอนามัย 13. กระดาษ tissue กระดาษเปียก 14. ผงซักฟอก ไว้ซักผ้า 15. ที่แขวนเสื้อ 16. เชือกตากผ้า 17. TV stick เอาไว้ดู youtube 18. ที่กระโดดเชือก เอาไว้ออกกำลังกาย
โฆษณา