Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดร.สุวิจักขณ์ ต้นสาระ รวมเรื่องสาระ
•
ติดตาม
2 ส.ค. 2021 เวลา 08:46 • ประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ในปีพศ. 2453 ในขณะนั้น พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ประทับอยู่ที่เชียงใหม่ แต่จำเป็นต้องเสด็จกลับ ด่วน
สยามนี้มีเรื่องเล่าตอนที่ 392
โดย ดร.สุวิจักขณ์ ภานุสรณ์ฐากูร
ก่อนที่ผมจะได้ด้วยเล่าเรื่อง เกี่ยวกับในวันวานให้ฟัง ผมขอเกริ่นนำเกี่ยว เรื่องของแฟนเพจ ที่ติดต่อเข้ามาเมื่อวานนี้ ใจความสำคัญนั้นพูดคุยกันถึงเรื่องของความรู้สึกประทับใจ ในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เรื่องเป็นเช่นนี้ครับ
ผู้ที่ติดต่อเข้ามา เป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าผมหลายปี เพราะตอนที่พี่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมเพิ่งอายุ 3 ขวบ
พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ได้มีโอกาสไปที่ตำหนักดาราภิรมย์ ซึ่งเป็นที่ประทับ ของพระราชชายาเจ้า พี่เขาถามผมว่าผมเคยไปหรือเปล่า ผมก็ตอบไปว่าเคยไปครั้งหนึ่ง
แต่ครั้งหนึ่งในความรู้สึกของผมนั้นมีความยาวนานในห้วงของเวลา ก็ตอบไม่ถูกครับ มันคล้าย ๆ ว่า เคยมาเห็นก่อนหน้านี้ แต่จำไม่ได้เพราะนานสุดกู่ ประมาณนั้น
ส่วนพี่ที่เล่าให้ฟัง เขาบอกว่าเกิดเหตุการณ์ "เดจาวู" ในที่ตำหนักดาราภิรมย์ คือเมื่อไปถึงก็ร้องไห้ยังไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เหมือนกับได้กลับไปใกล้ชิด ในสิ่งที่ตนเองนั้นคุ้นเคย
พี่เขาเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านั้น ไม่เคยรู้สึก หรือไม่เคยได้ยินประวัติเกี่ยวกับพระราชชายาเจ้ามาก่อนด้วยซ้ำ แต่ครั้งที่ได้ไป เยี่ยมชมตําหนักดาราภิรมย์ ทำให้รู้สึกรักในพระราชชายาเจ้าดารารัศมีอย่างบอกไม่ถูก
พี่เขาเป็นทหารเรือเก่า ยศตำแหน่งใหญ่โต พี่เขาบอกว่า มีความรู้สึกรัก และหวงแหนอย่างไรบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นครั้งแรก
ส่วนความรู้สึกเช่นนี้ ก็ยังคงมีกับ จอมพลเรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ด้วย
แหม... ผมเองก็อยากจะบอกว่า สำหรับเสด็จเตี่ยแล้ว ผมนั้นเป็นมากอยู่ เพราะเคยไปที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร พอไปถึงน้ำตาก็ร่วงเลย...ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ครับ รัก เทิดทูน ศรัทธาและความประทับใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ได้กับทุก ๆ คน และอาจจะมีการแตกต่างกัน ในส่วนของความรู้สึกนึกคิด ที่เรามีให้กับบุคคลไม่เหมือนกัน
ที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปได้ว่า เราประทับใจใน ประวัติของบุคคลเหล่านั้น หรือ...ประเด็นนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนครับ เพราะยังไม่มีบทพิสูจน์ที่แน่ชัด นั่นก็คือ "เราเคยได้อยู่ร่วมบุคคลเหล่านั้น"
บางคนมั่นใจในเรื่องนี้ สำหรับผมเองก็มั่นใจ เพียงแต่ว่าเราจะไม่พูดอะไร ที่ขาดน้ำหนักของหลักฐาน ที่มากเพียงพอ
กลับมาสู่เรื่องที่ผม อยากจะเล่าให้ฟัง ในส่วนของประวัติศาสตร์นะครับ หลังจากที่ พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรณคต
ซึ่งในบรรยากาศ ที่แสนเศร้านั้น หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัยดิศกุล พระธิดาใน พระยาดำรงราชานุภาพท่านได้บรรยายเอาไว้ ในบันทึกของท่าน ซึ่งฟังดูแล้ว ทำให้มองเห็นถึง บรรยากาศของประเทศที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด
ผมและทุกท่านในที่นี้เกิดไม่ทัน ในยุคนั้น แต่บรรยากาศที่เศร้าสลดเฉกเช่นเดียวกัน เราได้เคยประสบมาแล้วเช่นกัน ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช เสด็จสวรรคต...
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวง สวรรนคต พระราชชายาเจ้าดารารัศมี จึงต้องเสด็จกลับ มาเพื่อถวายความไว้อาลัยอย่างที่สุด ต่อพระสวามี
ซึ่งการแสดงความอาลัยของชาว ล้านนานั้น มีความแตกต่างจากชาวกรุง หรือชาวจีน อยู่ไม่ใช่น้อยนั่นก็คือ
ถ้าเป็นชาวจีน หรือชาวกรุง ใช้การตัดผม โกนผม แสดงความรักและความอาลัย
สำหรับชาวล้านนา ใช้วิธีการปล่อยมวยผมที่เกล้าไว้ให้ยาว สยายลงมา นั่นจึงเป็นเรื่องแปลกตาอยู่ไม่ใช่น้อย สำหรับเหล่าคนในวัง ที่เห็นพระราชชายาเจ้า และ เหล่าข้าราชบริพารของพระองค์ แกะมวยผมออกเพื่อให้ผมที่ยาวนั้นสยายลงมา เป็นการถวายความอาลัยสูงสุด
ยังจำกันได้ใช่ไหมครับครั้งที่ พระราชชายาเจ้าจะเสด็จกลับ มาตุภูมิของตนเอง ได้ทำการแกะมวยผม สยายพระเกศาลงมาซับถูที่พระบาท ของพระสวามีมาแล้ว
ประเพณีนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นของฝ่ายเหนือเท่านั้น เพราะยังปรากฏว่า ครั้งเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษม ส่งเมียรัก
(มะเมี๊ย) ที่ประตูช้างเผือก มะเมี๊ยะก็สยายผมตัวเอง ลงเช็ดถูที่เท้าของผู้ที่เป็นสามีเช่นกัน...
อาจมีคำถามว่า...หลังจากที่ เสด็จ กลับมาร่วมในพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพแล้ว พระราชชายาเจ้าเสด็จกลับขึ้นเชียงใหม่...ตำหนักที่พระองค์เคยประทับนั้น มีผู้ใดมาประทับต่อหรือไม่ ตอบว่ามี
เป็นพระราชธิดาของรัชกาลที่ 4 พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ซึ่งประทับอยู่ที่ตำหนักในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งแต่เดิมเป็นของ พระราชชายาเจ้ารัศมี
โดยพระองค์เจ้าผู้มีชื่อนั้นได้ประทับอยู่ที่นั่นจน ถึงแก่พิราลัย ในสมัยรัชกาลที่ 9 พระองค์เจ้าท่านนั้น มีพระชนม์ ยืนยาวถึง 96 ปี...
ส่วนตำหนักนั้น ผมไม่แน่ใจว่ายังมีผู้ใดได้พำนักอาศัยต่อหรือไม่ แต่พระตำหนักยังคงอยู่ในพระบรมมหาราชวังจนเท่าทุกวันนี้...
รูปด้านล่างเป็นรูปของพระราชชายาเจ้า ดารารัศมี ในขณะที่พระองค์เริ่มมีพระชนม์มากขึ้น
รูปนี้มีหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัยดิศกุลพระธิดาในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ภาพต่อมาเป็นภาพของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ รูปการทำนา ที่ทุ่งพญาไท คือพระพุทธเจ้าหลวง ได้ทรงเสด็จมาทอดพระเนตร 2 วัน ก่อนเสด็จสวรรคต รูปต่อมาเป็นรูปการประชุม โดยมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร ในการพัฒนาประเทศ รูปของ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกำลังขับรถพร้อมด้วยพระธิดา และ รูปตำหนักที่ประทับของพระองค์
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย