2 ส.ค. 2021 เวลา 09:06 • ประวัติศาสตร์
ห่างหายกันไปซักพักกับการรีวิว เพราะแอดยุ่งม้ากกกเหลือเกิน ขอโทษทุกๆคนมากๆๆ ฮือออ🥺
วันนี้เลยคิดว่า มาเล่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคที่รุนแรงดีกว่า เพราะจากการระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่สร้างความเสียหาย และคร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลก แต่ทุกคนรู้มั้ยว่าา… โลกของเราก็เคยมีโรคระบาดที่รุนแรงมาก ๆ เกิดขึ้นมาแล้ว🦠🩸
วันนี้เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับ 2 โรคระบาดที่รุนแรงในประวัติศาสตร์โลก
ว่าแล้วก็ ไปดูกันเลยดีกว่า💨
2 โรคระบาดระดับโลก
1️⃣ Black Death หรือ กาฬโรค
ที่มาของรูป https://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=229027
เกิดจาก🗯: เชื้อแบคทีเรียจากสัตว์ฟันแทะ เช่น หมัดหนู🐭 และในสมัยก่อนระบบสาธารณสุขยังไม่ตระหนักถึงเรื่องสุขอนามัยเท่าปัจจุบัน จึงทำให้สภาพแวดล้อมแออัด เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
อาการ🗯: อาการจะขึ้นอยู่กับชนิดของกาฬโรค ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชนิด คือ กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง ผู้ป่วยจะหนาวสั่น บวมปวดบริเวณต่อมน้ำเหลือง
กาฬโรคโลหิตเป็นพิษ จะเกิดหลังจากกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง โดยหัวใจจะเต้นเร็ว หมดสติ อาจเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้☠️
กาฬโรคปอด พบน้อยสุด แต่อาการก็รุนแรงสุดเช่นกัน อาการจะเป็นไข้ ปวดบวม ไอมีเสมหะ จนจะเป็นเลือด หากไม่ได้รับการรักษา อาจเสียชีวิตได้ภายใน 3 วัน
และในขั้นสุดท้ายของการเป็นกาฬโรค ผู้ป่วยจะร่างกายกลายเป็นสีดำ⚫️ เพราะมีเลือดออกใต้ผิวหนัง รวมถึงอารมณ์ความหม่นหมองของคน ทำให้ชือ “Black Death”
การติดต่อ🗯: ถูกตัวหมัดที่มีเชื้อกัด หรือสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ อีกทั้งจากอากาศที่หายใจเอาละอองฝอยของคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อเข้าไป เรียกได้ว่า ติดต่อกันได้ง่ายมาก ๆ❗️
ความรุนแรง ความเสียหาย🗯: เกิดการระบาดหลายรอบ มีการประเมินผู้เสียชีวิตออกมาสูงถึง 75 - 200 ล้านคน‼️ ศพของผู้ที่เสียชีวิตถูกกองเนินทับกัน ทำให้เผาทำลายได้ยาก พอซากศพเริ่มเน่า เชื้อโรคก็กระจายลงพื้นดิน และแหล่งน้ำ ทำให้เชื้อกระจายไปไม่จบไม่สิ้น🦠
สงบได้จาก🗯: การแยกตัวผู้ป่วยออกจากผู้อื่น และให้ทีมแพทย์มารับไปรักษา นอกจากนี้ สมัยนั้น คนเริ่มเข้าใจว่าการแพร่ระบาดของโรคเกิดจากความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จึงมีการกักตัว และแยกกะลาสีและลูกเรือที่จะเข้ามาในเมืองเป็นเวลา 40 วัน เป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า Quarantine ที่มาจากคำว่า Quarantino ที่มาจากภาษาอิตาเลียน แปลว่า การกักตัวเป็นเวลา 40 วัน🛌
โรคที่ 2️⃣ Spanish Flu หรือ ไข้หวัดใหญ่สเปน
ที่มาของรูป https://www.scmp.com/lifestyle/health-wellness/article/2167590/what-deadly-1918-spanish-flu-outbreak-taught-us-and-how-we
เกิดจาก🗯: เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1
ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในสมัยช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 1☠️ และสเปนเป็นประเทศแรกที่ประกาศการแพร่ระบาด🔊 (เพราะเป็นประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม)
อาการ🗯: เริ่มจากเป็นไข้🌡 ไอ จาม คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้ที่ป่วย มีเลือดออกจากส่วนต่าง ๆ หายใจไม่ออก และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
การติดต่อ🗯: การไอ จาม และสาเหตุที่ทำให้มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เพราะทหารที่ติดเชื้อไวรัส เดินทางกลับบ้านเกิด และมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 500 ล้านคนทั่วโลก🌎
ความรุนแรง🗯: มีผู้เสียชีวิตประมาณ 50 ล้านคน ซึ่งมากกว่ายอดทหาร & พลเรือนที่เสียชีวิตจากสงครามถึง 3 เท่าเลยทีเดียว‼️
สงบได้จาก🗯: การเว้นระยะห่างทางสังคม (คุ้น ๆ มั้ย) การกักตัวอยู่บ้าน สวมหน้ากากอนามัย และปิดสถานที่ชุมชนต่าง ๆ เพราะในตอนนั้นยังไม่มีวัคซีนรักษา❌💉
จากโรคระบาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน ทำให้ได้หลาย ๆ ข้อคิดและข้อระวัง รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ ที่มีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ💡
แต่ใด ๆ ก็ตาม การจะกำจัดโรคระบาดให้หายไปได้นั้น อาศัยหลายปัจจัย นอกจากการทำงานของทีมแพทย์ ที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถแล้ว ยังต้องอาศัยถึงความร่วมมือของผู้คน และที่สำคัญ คือ กลยุทธ์การรับมือกับโรคระบาดของผู้นำ ว่าจะให้มีแนวทางไปทางไหน…
ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดจากการเปรียบเทียบในหลาย ๆ ประเทศ ที่เคยมีผู้ติดเชื้อมาก และค่อนไปทางวิกฤต แต่ในปัจจุบัน ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันเกือบจะปกติแล้ว (ไม่เหมือนประเทศไทย ที่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น😡)
เพราะฉะนั้น จากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในตอนนี้ ขอให้ทุกคน Stay Safe นะคะ✨
อ่านจบแล้ว คิดเห็นยังไงสามารถ comment กันได้น้า☺️ ที่สำคัญอย่าลืมกดติดตามเป็นกำลังใจให้ Medley Review ด้วยน้าา💖👍🏻
สามารถติดตามช่องทางอื่นของเมดเล่ย์รีวิว l Medley Review ได้ที่
โฆษณา