2 ส.ค. 2021 เวลา 10:12 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Blood Red Sky (Thriller / 2021) : เป็นหนัง Original Netflix เรื่องแรก ที่เราอยากเอ่ยชมได้อย่างเต็มปากสักที
ในช่วงแรกที่ดูหนังเรื่องนี้ ต้องยอมรับก่อนว่าเราไม่เคยดู Trailer หรือไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวหนังมากนัก เรารู้แค่เรื่องย่อจาก Description บน Netflix เพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับตัวหนังเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ดู
Blood Red Sky (Thriller / 2021
เทคนิคการเล่าเรื่องของหนังนั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากไปกว่าหนังแวมไพร์ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งตัวหนังจะโฟกัสไปที่คู่แม่ลูก คู่หนึ่งที่คนแม่ดันมีอาการป่วยแปลกประหลาด และก็ดันบังเอิญโดยสารไปในเที่ยวบินที่มีการโดนปล้นพอดี โดยเรื่องราวจะถูกเล่าไปเรื่อย ๆ ก่อนจะมีการทยอยตัดสลับกับที่มา และปูมหลังต่าง ๆ ของแม่ลูกคู่นี้ว่าต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างก่อนที่จะเป็นแบบในทุกวันนี้
คู่แม่ลูก คู่หลักในการดำเนินเรื่อง
ซึ่งแม้ว่าในช่วงต้นเรื่อง โดยส่วนตัวเรามองว่าอาจจะมีความอืดนิดหน่อย แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มจุดติดแล้ว ก็ทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความตื่นเต้น และความลุ้นระทึกในทุกนาทีของหนังได้หมดเลย ซึ่งหากพูดกันตามตรง ก็อาจจะต้องบอกว่า ด้วย Setting และ Story บนสถานที่ปิดแบบนี้ ยังไงมันก็ต้องบีบให้เกิดความระทึก และตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ความฉลาดของหนังก็คือ การใช้การตัดสลับไปที่ปูมหลังของคู่แม่ลูกนั้น ที่เป็นเหมือนการผ่อนคันเร่งลงเล็กน้อย เพื่อตัดอารมณ์ให้พอได้พักหายใจหายคอบ้าง
สถานการณ์บนเครื่องบินที่เกิดในเรื่อง
และในพาร์ทปูมหลังที่ตัดอารมณ์นี่แหละ คือทีเด็ดที่ทำให้การกลับมาเล่าเรื่องปัจจุบัน ยิ่งระทึก และตื่นเต้นขึ้น เพราะการที่ให้เราได้ไปเห็นชะตากรรมของตัวคุณแม่ ก็ยิ่งทำให้เราเกิดความรู้สึก สงสาร และดูน่าเอาใจช่วย ชนิดที่ว่า เป็นเวรกรรมอะไรของคู่แม่ลูกคู่นี้ ที่ต้องมาเจอสิ่ง ๆ นี้ ซึ่งมันยิ่งตอกย้ำในเรื่องของ “แรงจูงใจ” “ความสัมพันธ์ของตัวละคร” “คาแรคเตอร์ของตัวละคร” และ “ความเห็นอกเห็นใจจนอยากเอาใจช่วย” ให้แข็งแรงขึ้นเป็นอย่างมาก
หนึ่งในเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่คนเป็นแม่ต้องเผชิญ
กฏเหล็กสำหรับหนังสยองขวัญข้อเดียวสำหรับเราที่สำคัญมากที่สุด ที่เรามักจะบอกกับทุกคนอย่างเป็นประจำ ก็คือ “ตัวละครต้องทำให้เห็นเห็นว่าเขา หรือเธอน่าเอาใจช่วยให้รอดไปได้” ซึ่งถ้าในส่วนนี้สามารถทำออกมาได้แข็งแรงมากเท่าไหร่ การที่เราจะมองข้ามสิ่งต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อเรื่อง ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ มันสามารถทำออกมาได้ถึง และทำให้เราอยากที่จะเอาใจช่วยบรรดาตัวละครหลักเป็นอย่างมากอีกด้วย และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่มากพอที่ทำให้เราพอมองข้ามแผลเล็ก ๆ ประปรายตามทางของหนังไปได้อย่างสนิทใจ
นอกจากคู่แม่ลูก ก็ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่น่าเอาใจช่วย
และด้วยการปูความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยเฉพาะตัวแม่ลูกมาได้อย่างแน่น และน่าสนใจ จึงยิ่งทำให้ทุกการตัดสินใจในหนัง ที่ควรจะดูโง่ กลับน่าเชื่อถือ ซึ่งจากเดิมที่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวละครพลาดอะไรโง่ ๆ มากอยู่แล้ว และแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างโง่มาก ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากตัวละครลูก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ขัดใจในการดูเลยสักนิด เพราะที่ปูมา มันทำให้เรารู้ว่าตัวลูกรักแม่เขามากขนาดไหน และคนส่วนใหญ่ ถ้ารักใครในเลเวลขนาดนี้ ก็พร้อมที่จะทำอะไรโง่ ๆ เพื่อช่วยคนที่รักทั้งนั้น และเมื่อบวกกับการที่เขาเป็นเด็ก มันก็ยิ่งมองว่าสมเหตุสมผลได้อย่างดีอีกด้วย
และไม่ว่าจะทั้งกฏเหล็กอย่างตัวละครที่ต้องน่าเชียร์ และเรื่องของความสัมพันธ์ที่ต้องปูมาให้แน่น และน่าเชื่อถือ เมื่อทั้ง 2 สิ่งนี้ผสานกัน (ไหนจะยังมีคาแรคเตอร์ที่ชัด และ แรงจูงใจที่สมเหตุสมผลอีก) จึงยิ่งทำให้ทุกการกระทำของพวกตัวละคร มันดูสอดคล้องกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปูมาตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องได้ ชนิดที่ว่า อ้อ สุดท้ายมันมาบรรจบแบบนี้นี่เอง
หนึ่งในตัวละครเด็กที่มักตัดสินใจอะไรโง่ ๆ แต่ก็สมเหตุสมผล
ซึ่งสำหรับส่วนที่เราแอบเสียดายนั้น ความจริงก็มีอยู่ แม้เราจะมองว่าเป็นเรื่องรองสำหรับเรา แต่ถ้าไม่พูดถึงก็ไม่ได้ ซึ่งก็คืองานด้านเทคนิคทั่วไปนั่นเอง ซึ่งหากว่ากันตามตรง งานด้านเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นงานภาพ หรืองานเสียง Soundtrack มันค่อนข้างธรรมดามาก ซึ่งไม่มีอะไรที่หวือหวา หรือว่าเซอร์ไพร์สจนเราจดจำได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว มันก็อาจจะเหมาะแหละกับการทำหนังย่อยง่าย แต่สำหรับเราที่ค่อนข้างดูหนังอะไรทำนองนี้มาเยอะ เราก็ค่อนข้างอยากให้มีอะไรที่น่าจดจำในส่วนนี้บ้าง ซึ่งหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกหนังซอมบี้เกรดบี โดยปกติแล้ว ก็จะพอมีงานมุมภาพ หรือการทดลองด้านภาพ (หรือเน้นให้เลือดสาดออกมาดูสวย ๆ แหยะ ๆ) ออกมากันทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นอะไรทางด้านเทคนิคเลย เราก็ไม่ได้ติ หรือว่าอะไรหรอก
งานเทคนิคที่แทบไม่ได้มีอะไรหวือหวาเท่าที่ควร
สุดท้ายนี้ หากใครเป็นแฟนแนวหนังซอมบี้ ปีศาจ หรือแวมไพร์ แบบที่เราชอบ (ส่วนตัวจะชอบซอมบี้เป็นส่วนใหญ่) เราค่อนข้างอยากจะ Recommend หนังเรื่องนี้ให้คุณได้ดู เพราะเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ มันค่อนข้างมีหัวจิตหัวใจ จนทำให้เราระทึกไปกับหนังได้ดีจริง ๆ และเราค่อนข้างมั่นใจว่าหนังจากเยอรมันเรื่องนี้ จะทำให้คุณลุ้นเอาใจช่วยตัวละครได้ยันวินาทีสุดท้ายของเรื่องแน่นอน
#imsarnreview
โฆษณา