2 ส.ค. 2021 เวลา 11:56 • นิยาย เรื่องสั้น
ผีเด็กนางรำ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมของเรา โดยโรงเรียนของเรานั้นเป็นโรงเรียนชื่อดังของจังหวัด มีหลายสาขาทั่วประเทศ ที่โรงเรียนของเราจะมีอาจารย์ที่เหมือนมีสัมผัสพิเศษอยู่หนึ่งคนเราขอสมมุตินามเขาว่า อาจารย์ โอ๊ต นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนจะชอบล้ออาจารย์คนนี้ลับหลัง ว่าเพี้ยนบ้าง งมงายบ้าง แต่สิ่งที่อาจารย์พูดแต่ละครั้งนั้น ล้วนแต่น่าขนลุก
เขาชอบทักว่าเห็นวิญญาณในโรงเรียนบ่อยๆ เขาบอกว่าที่ตั้งของโรงเรียนนี้อยู่ในที่ที่ไม่ดี เป็นทางผ่านของวิญญาณ และรวมถึงเรื่องอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน ที่จะต้องมีนักเรียน หรือครูในโรงเรียนเสียชีวิตเกือบทุกปี ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริง
อาจารย์โอ๊ตแกชอบเล่าให้เด็กๆในโรงเรียนฟังว่า
“ มีเด็กผู้หญิงมาอาศัยอยุ่กับพวกเรานะ เธอเป็นนางรำในหมู่บ้านไม่ไกลจากโรงเรียน แต่ถูกฆ่าถ่วงน้ำตายไปซะก่อน เธอตายไปสิบกว่าปีแล้ว เธอไม่มีที่ไป เลยมาขอพ่อปู่พวกเราอยู่
ถ้าใครเห็นเด็กผู้หญิงตามมุมต่างๆของโรงเรียนห้ามทักเด็ดขาดนะ อย่าหาว่าไม่เตือน”
อาจารย์โอ๊ตชอบพูดประมาณนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งนักเรียนหลายคนคงชินและขำๆว่าเพ้อเจ้อ แต่สำหรับคนที่กลัวผีมากๆจะไม่ตลกเลย
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราอยุ่ ม.6 ตอนเย็นวันศุกร์... โรงเรียนจะมีกิจกรรมช่วงเย็น เราจึงอยู่ทำกิจกรรมกับเพื่อนจนเลิกเย็นมากๆ ประมาณเกือบห้าโมงเย็น
เรากับเพื่อนกำลังจะเดินออกไปที่ หน้าประตูรั้วโรงเรียนเพื่อจะกลับบ้าน เราได้ยินเสียงคนชุลมุลข้างหลัง
พอหันไป เห็นอาจารย์สองคนพยุงเด็กผู้ชายมอต้น ในแขนมีผ้าพัน และเห็นเหมือนมีแผลตามใบหน้า และมีเลือดเปื้อนเสื้อนักเรียน พวกอาจารย์กำลังพานักเรียนคนนั้นขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไว เรากับเพื่อนคุยกันว่า เด็กมอต้นคงจะซุกซนตามประสาเด็กเลยเกิดอุบัติเหตุ เลยไม่ได้คิดอะไร และพวกเราก็กลับบ้านไป
ตอนเย็นของวันจันทร์….หลังจากหมดคาปเรียนวิชาสุดท้าย เรากับเพื่อนๆนั่งกันอยู่ตรงเกวียนหน้าตึกเรียน เพื่อรอปล่อยกลับบ้าน เราเห็นรุ่นน้องชื่อบอล เป็นรุ่นน้องเรา1ปี วิ่งตรงมาที่เกวียนที่พวกเรานั่งอยู่ ด้วยท่าทางแปลกๆ ในคอมีพระห้อยอยู่หลายเส้น จนเพื่อนๆเราล้อว่าจะไปบวชหรอ แต่ท่าทางของบอลนั้นไม่ตลกด้วย ทำหน้าจริงจังมาก และบอกพวกเราว่า
”พี่ๆ เจอพวกพี่ก็ดีแล้ว พี่รู้หรือป่าวพวกผมเกือบตาย เมื่อคืนวันศุกร์ เจอผีหลอก!!!”
พวกเราจากที่นั่งอยู่คนละทิศ ต้องมารวมตัวกระจุกเดียวกันตรงเกวียนที่เรานั่ง เราเร่งถามบอลว่าเกิดอะไรขึ้น
บอลได้เล่าเหตุการ์ณให้เราฟังว่า
ในวันศุกร์ที่ผ่านมาทางคณะโปงลางของโรงเรียน ซึ่งบอลก็เป็นหนึ่งในคณะนั้น ถูกส่งไปออกงานที่กรมทหารช่วงกลางคืน นี่เป็นครั้งแรกที่ทางโรงเรียนรับงานกลางคืน เพราะปกติจะรับงานช่วงกลางวัน แต่ครั้งนี้ทางโรงเรียนอนุมัติ เพราะเป็นงานใหญ่ของทางกรมทหาร และเป็นคืนวันศุกร์ เพราะเสาร์-อาทิตย์นักเรียนจะได้พักผ่อนได้ ดังนั้นช่วงเย็นของวันศุกร์ บอลกับเพื่อนๆในคณะโปงลาง ก็กำลังจัดอุปกรณ์ในห้องดนตรีไทย พร้อมขนขึ้นรถอาจารย์ยอด ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชมรมโปงลาง ในขณะที่บอลกำลังจะแบกของขึ้นรถ บอลก็ได้เห็นเด็กผู้ชายมอต้น ซึ่งอยู่ในชมรมโปงลางเหมือนกัน ขึ้นไปนั่งเล่นบนกลองไม้โบราณ ทันใดนั้นมีเสียงเตือนจากเพื่อนผู้หญิงในชมรมว่า
“น้อง อย่าขึ้นไปนั่งบนกลองนั้นนะ อาจารย์ยอดเคยบอกว่าของเก่าแก่ในห้องนี้มีใครคอยเฝ้าอยู่”
เด็กผู้ชายคนนั้นลบหลู่กลับว่า “ไร้สาระ อาจารย์ยอดท่าจะบ้าแระ ผีอะไรจะมาสิงในกลอง กลัวตายล่ะ!” พร้อมกับนั่งขย่มๆ
บอลจึงบอก เด็กผู้ชายมอต้นคนนั้นให้เลิกเล่น และลงมาช่วยขนของ เด็กมอต้นคนนั้นจึงลงมาช่วยขนของ และเดินนำหน้าบอลไป แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องดนตรีไทย ซึ่งจะเป็นประตูที่มีบานกระจกตรงกลาง เด็กมอต้นคนนั้นอยู่ๆก็หยุดเดิน และทิ้งของทุกอย่างลงกับพื้น และจู่ๆก็เอาตัวกระแทกเข้าไปที่ประตูจนกระจกแตก บาดแขนเป็นแผลลึก ส่วนใบหน้าก็มีลอยบาดเล็กน้อย แต่เลือดไหลตรงแขนเยอะมาก บอลตกใจรีบตระโกนเรียกอาจารย์ที่อยู่ในละแวกนั้น แล้วอาจารย์ก็นำผ้ามาพันแขนเพื่อห้ามเลือด และรีบพาลงไปขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาล (ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เราเห็นเมื่อเย็นวันศุกร์)
ส่วนประตูห้องดนตรีไทย ตรงกลางที่เป็นกระจกได้แตกเป็นรูใหญ่มากๆ อาจารย์จะให้ช่างเข้ามาซ่อมวันจันทร์ทีเดียว จึงปล่อยไว้แบบนั้น
บอลกับเพื่อนๆจึงขนของขึ้นรถปกติ และได้ออกเดินทางไปที่กรมทหาร เพื่อไปเล่นโปงลางในคืนนั้น ...
หลังจากเล่นโปงลางเสร็จ ทุกคนช่วยกันขนของกลับ ในคณะโปงลางที่ไปเล่นในงานนี้ มีประมาณ 20 กว่าคน หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้านเลย เพราะผู้ปกครองมารอรับที่งาน
ยกเว้นบอลและเพื่อนๆอีกประมาณ 5 คน รวมเป็น 6 คน หกคนนี้แบ่งเป็น ผู้หญิง 3 คนชื่อ พลอย,ฟ้า , เบญ และมีผู้ชายอีก 2 คนชื่อ แมน และ โก้ ที่จะต้องกลับมาโรงเรียน เพื่อนำของมาไว้ที่ห้องดนตรีไทยและอาจารย์ยอดจะไปส่งบอลกับเพื่อนๆที่บ้าน
บอลกับเพื่อนๆอีก 5 คน ได้ขึ้นมาบนรถบัส กลับไปที่โรงเรียนก่อน ซึ่งอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่บนรถนี้ทั้งหมด
ส่วนอาจารย์ยอดกำลังเคลียร์เรื่องบิลกับทางเจ้าหน้าที่ และจะขับรถตามมาที่โรงเรียนทีหลัง
ซึ่งให้บอลกับเพื่อนๆต้องขนของมาไว้ที่ห้องดนตรีไทยก่อน เมื่ออาจารย์มาแล้วจะได้รับกลับบ้านเลย ไม่ต้องเสียเวลา
รถบัสมาถึงโรงเรียนตอนประมาณสี่ทุ่ม โรงเรียนนี้ตั้งอยู่นอกตัวเมืองของจังหวัดมาค่อนข้างไกล บรรยากาศในตอนกลางคืนจึงเงียบสงัด เมื่อรถบัสจอดที้่หน้าประตูโรงเรียน แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู บอลเลยลงจากรถ เพื่อไปเช็คหายามว่าหายไปไหน บอลชะเง้อไปที่ป้อมยามหน้ารั้วก็ไม่มีใครอยู่ แต่ไฟในป้อมกลับเปิดทิ้งไว้ บอลมองเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศเงียบมาก ไฟที่เปิดก็สลัวและมีแค่บางมุม ทำให้ด้านในโรงเรียน มืดไปหมด บอลไม่มีเบอร์ติดต่อของลุงยาม บอลจึงตระโกนขึ้นไปบนรถ
“พวกมึงมีใครมีเบอร์ลุงยามบ้าง”
เสียงตอบกลับมาว่าไม่มีใครมี บอลจึงตระโกนเรียกให้ แมนลงมาจากรถ และปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนเป็นเพื่อน
บอลกับแมนปีนรั้วเข้ามาในโรงเรียน ในขณะที่รถบัสจอดอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับส่องไฟให้ทั้งสองคนเดินเข้าไป บอลกับแมน เดินมาถึงหน้าตึกหนึ่ง ซึ่งจะอยู่เยื้องทางเข้าของโรงเรียน บอลจะเขาไปดูห้องน้ำตึกหนึ่งก่อนว่าลุงยามมาเข้าห้องน้ำที่นี่หรือป่าว พอบอลกับแมนเลี้ยวเข้ามาหน้าตึกหนึ่ง แสงไฟรถก็ส่องมาไม่ถึงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความมืด และมีไฟตรงมุมตึกดวงหนึ่งที่สะท้อนมาจึงพอเห็นทางบ้าง
บอลกำลังจะเดินไปดูในห้องน้ำชั้นล่างตึกหนึ่ง ชึ่งห้องน้ำจะอยู่ท้ายตึก
ในระหวางที่กำลังเดินไปที่ท้ายตึก จะต้องผ่านห้องกระจกซึ่งเป็นห้องพักบรรดาอาจารย์ บอลก็ได้สะดุดตาในห้องนี้ บอลเห็นแสงไฟเปิดสลัวๆในห้องพักอาจารย์ และเห็นคนยืนหันหลังอยู่ในห้องกระจกตรงโต๊ะอาจารย์ เป็นผู้ชายใส่ชุดสีขาว บอลเลยคิดว่าเป็นอาจารย์เวรแน่นอน จึงรีบวิ่งเอาหน้าไปแนบกระจกเพื่อส่องดูเพื่อความแน่ใจ ทันใดนั้น ข้างในก็มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงไฟสลัวๆเหมือนที่เห็นเมื่อกี้ และไม่มีใครยืนอยู่เลย บอลขาแข็ง หน้าชา เพราะมั่นใจว่าตาไม่ฝาดแน่นอน บอลจึงบอกแมนทันทีว่า
“เมื่อกี้มึงเห็นไฟเปิดในห้องพักครูและเห็นคนยืนอยู่ป่ะ”
แมนซึ่งเป็นคนขี้กลัวมาก จึงด่ากลับว่า “เฮ้ย ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น” แมนบอกบอลว่าเห็นไฟปิดมืดอยู่ตั้งแต่แรก ไม่มีแสงไฟอะไรเลย
แต่บอลยืนยันว่าไม่ได้ล้อเล่น แมนกลัวมาก จึงรีบชวนบอลกลับไปที่หน้าโรงเรียน
ทันใดนั้น บอลกับแมนได้ยินเสียงรถมอไซค์ขับผ่านถนนในโรงเรียน ซึ่งวิ่งออกมาจากหลังโรงเรียน
ซึ่งเป็นรถของลุงยามนั้นเอง บอลกับแมนดีใจรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน ลุงยามบอกว่า ขอโทษที่ไม่ได้มาเปิด เพราะแกลืมว่าคืนนี้พวกนักเรียนต้องกลับ เอาของมาไว้ พอนึกขึ้นได้ก็รีบมาเปิดให้ ลุงยามบอกว่าเมื่อกี้ไปนั่งอยู่บ้านพัก หลังโรงเรียนกับอาจารย์เวร กำลังนั่งปรับทุกข์กันอยู่
ลุงเปิดประตูเสร็จ ลุงขออนุญาติกลับไปที่หลังโรงเรียน และฝากบอลล็อคประตูรั้วก่อนกลับด้วย
รถบัสได้เข้ามาในโรงเรียน เลี้ยวเข้ามาที่หน้าตึกหนึ่ง และจอดอยู่ท้ายตึก เพราะห้องดนตรีไทยอยู่ท้ายตึกหนึ่งชั้นที่สอง บอลและเพื่อนๆช่วยกันขนของและเครื่องดนตรีขึ้นไปไว้บนห้องดนตรีไทย จากนั้นรถบัสขับออกไปจากโรงเรียน เหลือแต่บอลและเพื่อนๆที่อยู่ในห้องดนตรีไทย เพื่อรออาจารย์ยอดมารับกลับบ้าน
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องดนตรีไทย โดยเปิดไฟในห้อง และต่างคนต่างกระจายไปคนละมุม
ฟ้ากับเบญอยุ่อีกมุมของห้องกำลังอ่านหนังสือและคุยกัน มีพลอยคนเดียวที่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่หลังห้องตรงกลองไม้โบราณ
ส่วนบอล แมนและโก้ก็นั่งคุยกันตรงโต๊ะอาจารย์ในห้อง แมนเซ้าซี้ให้บอลเล่าเรื่องที่เห็นผู้ชายยืนอยุ่ในห้องพักครูให้ทุกคนฟัง แต่บอลไม่เล่า เพราะกลัวทุกคนกลัว และบรรยากาศตอนนี้ก็วังเวงอีกด้วย
ในขณะที่ต่างกลุ่มต่างคุยกันในห้อง จากนั้นไม่นาน อยู่ๆ พลอยที่นั่งอยู่หลังห้องคนเดียว ได้พูดออกมาว่า
“พวกเมิง เงียบหน่อย เสียงใครร้องให้วะ?”
ทุกคนที่ได้ยินเสียงพลอยทัก ก็รีบมารวมตัวกันตรงหลังห้องแบบไมได้นัดหมาย
“เสียงใคร ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย” บอลบอก พลอยถามทุกคนว่าได้ยินหรือป่าว แต่ไม่มีใครได้ยินยกเว้นพลอย “เนี่ย เห็นมั๊ย เมิง กูยังได้ยินเสียงอยู่เลย”
ทุกคนเงียบ ค่อยๆใช้หูฟังเสียงนั้นที่พลอยบอก แต่เสียงกลับเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด
ทุกคนเริ่มใจไม่ดี บอลเลยถามว่า ได้ยินเสียงมาจากไหน พลอยตอบว่าเสียงดังมาจากในห้องนี้ ที่เราอยู่
ทุกคนกลัวมาก เสียวสันหลังกันหมด เพราะทุกคนรู้นิสัยพลอยดี ว่าพลอยไม่มีนิสัยขี้แกล้งเลย เป็นคนตรง พูดจริง พลอยเริ่มตัวสั่น เพราะเธอเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงคน เพราะไม่มีใครได้ยินนอกจากเธอ บอลจึงบอกทุกคนให้ใจเย็นๆ บอลจึงโทรหาอาจารณ์ยอดว่าให้รีบมา เพราะทุกคนต้องการกลับบ้าน
แต่อาจารณ์ยอดบอกว่าเพิ่งเคลียร์กับทางงานเสร็จ อยู่ระหว่างทางแล้ว กำลังจะรีบตามเข้าไป
พอคุยโทรศัพท์กับอาจารย์ยอดเสร็จ พลอยก็บอกว่า “พวกเมิง เสียงเงียบไปแล้ว”
ทุกคนเลยพยายามปลอบใจตัวเองคิดว่าพลอยหูแว่ว พลอยบอกว่าคอแห้ง บอลจึงจะเดินไปหยิบน้ำตรงโต๊ะอาจารย์มาให้ ตอนที่บอลกำลังจะเดินไปโต๊ะอาจารย์ อยู่ๆพลอยก็พูดขึ้นเสียงดังว่า
“พวกเมิง! ใครหัวเราะวะ? กูได้ยินเสียงหัวเราะ”
บอลรีบคว้าน้ำ แล้วกระโดดไปที่หลังห้องไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอย่างไว
“เฮ้ย อีกแล้วหรอ? เสียงมาจากไหน?” เพื่อนในกลุ่มถาม
พลอยบอกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ มาจากข้างนอกห้อง ทุกคนหันไปที่ข้างนอกห้อง ตรงประตูห้องดนตรีไทย ที่มีรูกระจกแตกใหญ่มากตรงกลาง จากการที่เด็กมอต้นเอาตัวไปชนเมื่อตอนเย็น
จึงทำให้ทุกคนเห็นความมืดจากทางเดินข้างนอกห้อง ผ่านทางรูกระจกแตกนั่น
ทันใดนั้น พลอยก็กรี๊ดเสียงดังลั่น และหลับตา ตัวสั่น และตระโกนเสียงดังว่า
“กูเห็นผู้หญิงเอาหัวโผล่เข้ามาจากรูกระจกนั่น ตามันโตมาก มันจ้องหน้ากูด้วย!”
ทุกคนอุทานเสียงหลง “เฮ้ยยยยยย!!” และไม่กล้าที่จะหันไปมองรูกระจกใหญ่ตรงกลางประตู ทุกคนนั่งหันหลังให้ประตู และกลัวมากๆ พลอยหลับตานั่งตัวสั่นบอกไม่กล้าลืมตา แล้วพลอยก็บอกเสียงดังว่า
“กูได้ยินเสียงหัวเราะ ดังจากประตู มันเริ่มใกล้เข้ามาหาพวกเราแล้ว”
พลอยได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะลอยเข้ามาจากประตู และค่อยๆดังขึ้นมาจาก หลังห้องที่พวกเขานั่งจุกกันอยู่ พลอยไม่กล้าลืมตา เพราะถ้าลืมตาต้องเห็นแน่ๆ เพราะเธอสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้ามาในห้อง และพลอยรู้สึกตลอดเวลาว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจ้องเธออยู่
อาการพลอยเริ่มแย่ลง ตัวสั่น และเริ่มนั่งไม่ไหว จึงเอนตัวไปข้างหลังและนอนพิงกับกระเป๋าเป้
ทุกคนช่วยกันดูอาการของพลอย ทุกคนเริ่มจะสติแตก เหมือนจะร้องให้ บอลจึงกำลังจะโทรหาอาจารย์ยอดอีกครั้ง แต่ในขณะนั้น บอลได้ยินเสียงรถมาจอดข้างล่าง และได้ยินเสียงประตูรถปิด และได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินลงจากรถ บอลดีใจตระโกนบอกเพื่อน “พวกเมิง อาจารย์ยอดมาแล้ว!!!”
ทุกคนสะดุ้งตกใจกับเสียงบอล บอลจึงรีบวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อความอุ่นใจ ทันใดนั้น บอลแทบช็อค เพราะเมื่อมองลงไปด้านล่างไม่มีแม้แต่รถมาจอดสักคัน มีแต่ความว่างเปล่า ท่ามกลางความมืดสนิท ทุกคนยืนยันกับบอลว่า ไม่มีใครได้ยินเสียงรถมาจอดเลยสักคน ในตอนนั้นบอลคิดว่าเจอดีเข้าแล้ว ตั้งแต่ที่เห็นผู้ชายยืนในห้องพักครูข้างล่าง บอลรู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า ในขณะนั้น พลอยตัวสั่นขึ้นมาก และยังคงหลับตาอยู่ และพลอยก็พูดขึ้นว่า “เสียงหัวเราะมันเงียบไปแล้ว มันน่าจะไปแล้ว”
พลอยค่อยๆลืมตาขึ้น เพื่อนๆเห็นพลอยลืมตาขึ้นและพลอยก็กรี๊ดเสียงดังทันที พร้อมกับรีบลุกขึ้น
และพุ่งกระโจนตัววิ่งออกไปข้างนอกห้องดนตรีไทยอย่างไม่คิดชีวิต ทุกคนตกใจมากและวิ่งตามพลอยออกไปข้างนอกห้องกันทุกคน พลอยเกาะอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องดนตรีไทย ตัวสั่นไปหมดทั้งตัว และร้องให้ออกมา ทุกคนวิ่งตามไปยืนกระจุกอยู่กับพลอย
ทุกคนยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินหน้าห้องดนตรีไทย ซึ่งพลอยคิดว่ายังอุ่นใจกว่าอยู่ในห้องนั้น
ทันใดนั้น พลอยก็กรี๊ดอีกรอบ พร้อมหันสายตามองไปทางสุดทางเดินของตึก ที่เป็นห้อง ของผอ.
และพลอยก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างตึก ทุกคนรีบวิ่งตามลงมาข้างล่าง บอลมองตามไปที่ห้อง ผอ. จนสุดตึก ก็ไม่เห็นมีอะไร ทุกคนวิ่งตามมาอยุ่กับพลอย พลอยร้องให้ปากสั่นเหมือนจะพูดไม่ออก ทุกคนพยายามถามว่าเป็นอะไร จนพักนึงพลอยที่เริ่มตั้งสติได้ ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า
รอบแรกที่กรี๊ดในห้องดนตรีไทย ที่ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ คิดว่าคงไปแล้ว จึงลืมตาขึ้นมา
พลอยบอกว่า ตอนลืมตาขึ้นมา พลอยเห็นเด็กผู้หญิงผมยาวยืนคร่อมตรงหัวและก้มหน้ามามองพลอย ดวงตาถลึงโตมาก
พลอยจึงรีบวิ่งออกไปข้างนอกห้องแบบไม่คิดชีวิต และตอนกรี๊ดรอบสองที่ข้างนอกห้อง พลอยเล่าว่า
ตอนนั้นไม่กล้าหันไปมองตรงห้องดนตรีไทยในฝั่งที่หนีมา เลยหันไปตรงอีกฝั่งที่เป็นห้อง ผอ. แทน
ในตอนนั้น พลอยก็เห็นเงาสะท้อนประตูกระจกห้อง ผอ. เห็นเป็นคนแก่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ใส่ชุดขาวหลายคน ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตามทางเดินระเบียง และเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืน ตาถลึงอยู่ข้างหลัง
ทุกคนฟังแล้วแทบช็อค ขนหัวลุกและกลัวมากๆ ในขณะนั้น บอลได้พยายามโทรหาอาจารย์ยอด ตลอด
จนอาจารย์เริ่มดุว่าโทรบ่อยเกินไป
ผ่านไปไม่กี่นาที อาจารย์ยอดก็มาถึง อาจารย์ได้ขับรถเข้ามาข้างใน และจอดที่หน้าตึกตรงที่ทุกคนยืนอยุ่ เห็นทุกคนยืนทำหน้าตาตื่น แล้วทุกคนก็รีบเล่าให้อาจารย์ฟังจนเสียงตีกัน
อาจารย์จึงบอกให้ทุกคนหยุดเพราะฟังไม่รู้เรื่อง บอลจึงเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์ยอดฟัง
ด้วยความที่อาจารย์เชื่อเรื่องนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจารย์จึงบอกทุกคนว่า จะพากลับบ้านเลยตอนนี้
อาจารย์รีบเปิดประตูรถ ตอนนั้นอาจารย์มองขึ้นไปด้านบนตรงห้องดนตรีไทย และอาจารย์ยอดก็ตระโกนเสียงดังว่า
“พวกเมิงลงมากันหมดแล้วแน่หรอ?!!!”
ทุกคนตกใจมาก บอลตอบกลับอาจารย์ว่า “ลงมากันหมดแล้วดิอาจารย์!! ก็พวกผมอยู่นี่กันหมดทั้งหกคน”
อาจารย์เปลี่ยนสีหน้า ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบอกว่าต้องขึ้นไปปิดไฟนะ เปิดไว้ไม่ได้
ตอนนั้นที่ทุกคนวิ่งหนีลงมา ไม่มีใครปิดไฟ และทิ้งกระเป๋ากันไว้ข้างบนห้องหมดเลย
อาจารย์จึงเดินนำไป ทุกคนก็เลยเดินตาม ยกเว้นพลอยที่ไม่กล้าขึ้นไป
จึงนั่งรออยู่ในรถอาจารย์ยอดข้างล่าง โดยมีฟ้ากับเบญอยุ่เป็นเพื่อน ส่วนพวกผู้ชายขึ้นไปข้างบนทั้งหมด บอลเห็นสีหน้าอาจารย์ดูไม่ค่อยสู้ดี แต่เหมือนอาจารย์ข่มความกลัวไว้ พอบอลเข้าไปในห้องดนตรี ทุกคนก็รีบคว้ากระเป๋าของตัวเอง รวมถึงของสาวๆไปด้วย และพอกดปุ่มปิดไฟในห้อง ทุกคนก็รีบวิ่งลงมาข้างล่างแบบไม่คิดชีวิต
อาจารย์ยอดพาทุกคนขึ้นรถ ต้องขอบอกก่อนว่ารถอาจารย์ยอด เป็นรถกระบะ ไม่มีแคปที่นั่งหน้า
ดังนั้นทุกคนจึงต้องนั่งหลังกระบะ มีแค่พลอยคนเดียวที่นั่งด้านหน้าคนขับกับอาจารย์
อาจารย์รีบขับรถออกมาอย่างไว เพื่อให้พ้นประตูรั้ว บอลลงมาปิดประตูรั้ว เพราะต้องล็อคกุญแจให้ลุงยาม ในขณะที่บอลกำลังล็อคประตูรั้ว บอลก็ต้องตกใจเสียงแตรรถของอาจารย์ ซึ่งอาจารย์บีบแตรดังมากๆ บอลจึงรีบวิ่งขึ้นท้ายกระบะ และอาจารย์ยอดก็รีบขับรถออกไป ในขณะที่อยู่บนรถ บอลหันไปมองหน้ารถ เห็นพลอยนั่งร้องให้อยู่ บอลเลยคุยกับทุกคนว่า
“พลอยมันเป็นอะไรอีกแล้วว่ะ?”
ทุกคนเลยพยายามมองไปที่พลอย เห็นพลอยหันมามองและร้องให้ และสังเกตว่าตัวสั่นเหมือนเดิม
ในขณะนั้น โก้ก็ร้องเสียงดังว่า “ใครมาดึงผมกูวะ?!!!!!!!”
ทุกคนที่นั่งหลังกระบะตกใจเสียงโก้ ที่ร้องอุทานออกมาดังลั่น
โก้บอกอีกแล้ว เหมือนมีมือมากระตุกปลายผม พอหันไปไม่มีใคร สักพักกระตุกแบบเดิมแต่แรงขึ้น
ทุกคนเริ่มกลัวจนตัวสั่น บวกกับอากาศหนาวตอนกลางคืนที่นั่งอยู่ท้ายกระบะ พร้อมลมกลางคืนที่พัดเย็นมากและบรรยากาศรอบๆเป็นป่า จึงทำให้ทางนั้นเงียบ และมีเพียงไฟถนนที่ส่องแบบสลัวๆ
โก้เริ่มจะร้องให้ ทุกคนเริ่มนั่งกระจุกกันที่เดียว โก้นั่งเอาหลังพิงตรงด้านหน้าคนขับ และนั่งหลับตา
ทุกคนรีบมากระจุกที่โก้ ทันใดนั้นฟ้าก็ทักขึ้นว่า “พวกเมิงได้กลิ่นเหมือนธูปมั๊ยวะ!?”
ตอนนั้นแมนกลัวมาก
เบญจึงตอบกลับว่า “ได้กลิ่น แต่ไม่ใช่กลิ่นธูปวะ เป็นกลิ่นเน่าๆ เหมือน….”
เท่านั้นแหละ ทุกคนเริ่มบอกให้เบญหยุดพูด และเริ่มจะร้องให้กัน
เพราะในท้ายกระบะไม่มีใครได้กลิ่นเลย นอกจากฟ้าและเบญที่ได้กลิ่นกันคนละแบบ
ในขณะที่ทุกคนอยู่บนรถ ทุกคนสังเกตว่า อาจารย์ยอดขับรถเลยซอยเข้าบ้านของฟ้า
ซึ่งบ้านฟ้าเป็นจุดแรกที่ที่อาจารย์จะต้องมาส่ง แต่อาจารย์ขับเลยไป
อาจารย์ได้ขับรถไปในทางเข้าตัวเมืองของจังหวัด พอทุกคนเห็นแสงสีเสียงเห็นผู้คนข้างทาง ก็เริ่มที่จะอุ่นใจ
อาจารย์จึงไปจอดรถหน้าเซเว่นก่อนเข้าตัวเมือง และทุกคนรีบวิ่งกรูเข้าไปในเซเว่น
และกระจุกอยู่ที่เดียวกัน จากนั้นอาจารย์ยอดจึงรีบเล่าให้ฟังรัวๆว่า
“ในโรงเรียนเมื่อกี๊ ที่กูทักว่า ลงมากันหมดแล้วหรือยัง กูเห็นเด็กผู้หญิง
น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกะพวกเมิง ยืนรำอยู่ตรงหน้าต่างห้องดนตรีไทย!”
ทุกคนฟังแล้วขนหัวลุก และอุทาน “เฮ้ยยยย” อาจารย์เล่าต่อว่า
“กูเลยพาพวกเมิงรีบออกมาจากตรงนั้น แต่พวกเมิงดันไม่ปิดไฟไง เลยทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้พวกเมิงเดินขึ้นไปปิดไฟ” และอาจารย์เล่าต่อว่า
“พอมาถึงหน้ารั้ว ที่กูบีบแตร เมื่อกี้ไอเจ้าพลอย มันตระโกนเสียงดัง บอกกูว่า อาจารย์ มันตามมา!!!”
พลอยนั่งหน้ากับอาจารย์ เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้น เดินตามมากำลังจะมาถึงตรงรั้วที่บอลกำลังล็อคประตูอยู่
บอลฟังแล้วขนลุกมาก เพราะในตอนนั้นบอลยืนอยู่ข้างล่างคนเดียว หารู้ไม่ ว่ามีใครกำลังเดินมาหาตรงนั้น อาจารย์เล่าต่อว่า “ระหว่างทางที่กำลังจะออกรถ ไอ้เจ้าพลอยมันพูดเสียงดังว่า มันนั่งอยุ่หลังกระบะแล้ว นั่งข้างโก้ และทำตาถลึงจ้องมาที่พลอยตลอดเวลา” อาจารย์จึงรีบออกรถ และถามพลอยตลอดทางว่ามันยังตามมาอยุ่ไหม แต่พลอยไม่กล้าหันไป เพราะพลอยพูดอย่างเดียวว่า
“มันจ้องตาหนู หนูไม่กล้าหันไปมองหน้ามัน!!”
อาจารย์กลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก เลยขับรถพาเข้าเมือง อาจารย์บอกว่า
“ไม่กล้าเข้าไปส่งซอยบ้านไอ้ฟ้าตอนนั้น ซอยมันหลอน มีวัดดูร้างๆอยู่ข้างทางด้วย”
อาจารย์ยอมรับว่าที่ขับเข้ามาในเมือง เพราะตอนนั้นกลัวมาก ทำอะไรไม่ถูก
บอลเลยเล่าให้อาจารย์ฟังต่อว่า ตอนขับมา โก้มีคนมาดึงผม ฟ้ากับเบญก็ได้กลิ่นแปลกๆ
อาจารย์เลยถามพลอยว่า ยังเห็นมันตามมาอีกไหม พลอยบอกไม่เห็นมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เลี้ยวเข้าเมืองมา อาจารย์จึงพูดติดตลกว่า
“สงสัยผีจะกลัวแสงสีเสียงแน่เลยวะ พวกเมิงกลับเองละกันนะ 555 ทางเข้าบ้านแต่ละคนมันน่ากลัว”
อาจารย์ยอดปล่อยมุข ทุกคนก็เริ่มผ่อนคลาย และเลือกซื้อของในเซเว่น คิดเงิน และขึ้นรถ
อาจารย์ก็ขับวนกลับไปเพื่อไปส่งทุกคนที่บ้าน
ในขณะที่ทุกคนอยุ่บนรถอาจารย์ อยู่ๆอาจารย์ก็ขับไปอีกทาง และขับตรงไปที่วัดตรงชานเมือง
เป็นวัดที่มีพระอาจารย์ จากที่วัดนี้เคยไปสอนที่โรงเรียนผมด้วย
ทุกคนเลยงงว่า อ่าว อาจารย์ขับรถมาที่นี่ทำไม บอลเลยสังเกตมองที่พลอย ที่นั่งหน้ากับอาจารย์
และแล้วอาการเดิมก็กลับมา คือนั่งตัวสั่นเหมือนเดิม อาจารย์ขับเข้ามาในเขตวัด ทุกคนรีบลงมาจากรถ พลอยยืนร้องให้อยู่เหมือนเดิม
อาจารย์รีบเข้าไปหาลุงแก่ๆที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งในวัด และอาจารย์ขอพบพระ…..
เป็นพระองค์ที่เคยมาโรงเรียนบ่อยๆ และท่านเหมือนจะรับรู้เรื่องลี้ลับ เห็นอาจารย์โอ๊ตชอบพูดบ่อยๆว่า
พระท่านนี้รู้หลายเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนเรา ในตอนนั้นอาจารย์ยอดก็บอกพวกเราว่า
“บาปก็บาปวะ มาปลุกพระกลางดึก คือไม่ไหวแล้ว!!”
อาจารย์เล่าว่า ตอนขับรถออกมา พลอยกรี๊ดอีกครั้ง และเล่าให้อาจารย์ฟังว่า หันไปมองตรงกระบะหลัง
เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้น นั่งตรงข้างหน้าทุกคนที่กระบะหลัง และเอานิ้วชี้มาที่พลอย พร้อมกับถลึงตาใส่
พลอยบอกรอบนี้ไม่เหมือนรอบที่แล้ว เพราะรอบนี้ตาที่ถลึงออกมา มันโตจนเกือบจะ ถลนออกมานอกเบ้า
อาจารย์จึงต้องขับมาที่วัด
พระอาจารย์ท่านนี้ลงมาเชิญให้ทุกคนขึ้นไปบนศาลา จอมเล่าว่า ท่านให้ทุกคนสวดมนต์
และท่านได้นำสายสิญจน์ให้ทุกคนสวม และให้ทุกคนได้น้ำมนตร์ ท่านบอกคร่าวๆว่า
ไม่เป็นอะไรหรอก เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก ท่านหันมามองหน้าพลอยและพูดกับพลอยว่า
ครั้งหน้าให้ระวังนะโยม การไม่คิดหรือไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่การลบหลู่
ทุกคนงง และพยายามถามท่าน ว่าท่านรู้อะไรบ้าง แต่ท่านไม่ตอบ และให้ทุกคนสงบสติอารมณ์และกลับบ้าน ทุกคนเลยคุยกับพลอยว่า เมิงไปทำอะไรมาหรือป่าววะ วันนี้ลองคิดดิ แต่ถามพลอยยังไง
พลอยก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่เงียบและซึม ไม่พูด และไม่ยอมคุยกับใครเลย ตั้งแต่เข้าวัด
ตอนทุกคนลงมาข้างล่างกำลังจะขึ้นรถ ทุกคนอุ่นใจขึ้นเพราะมีสายสิญจน์อยุ่กับตัวแล้ว
บอลหันไปมอง ตรงพระอาจารย์ที่เดินลงมาส่งข้างล่าง บอลเห็นพระอาจารย์ยืนคุยคนเดียวที่หน้าศาลา
พร้อมหันมามองพวกบอลที่กำลังเดินกลับไปขึ้นรถ บอลบอกว่าเป็นภาพที่หลอนมาก เหมือนกับฉากในหนังผีเลย
และบอลกับเพื่อนๆก็ขึ้นรถกระบะ กลับบ้านกันในคืนนั้น ตลอดทางกลับบ้านไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
แต่บรรยากาศพาวังเวง เพราะยิ่งดึก ยิ่งหนาว และยิ่งเงียบ เพราะทางกลับบ้านแต่ละคนอยู่นอกเมืองกันทั้งนั้น บอลเล่าว่า ตอนไปส่งพลอย เหมือนอาจารย์จะโทรหาพ่อพลอยก่อนว่ากำลังจะถึง
พอถึงหน้าบ้าน พ่อพลอยก็มายืนรอรับที่หน้าบ้านเลย พลอยเดินเงียบกลับเข้าไปในบ้าน ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน ไม่แม้แต่จะหันมาบอกลาเพื่อนๆ และไม่หันกลับมามองรถเลยสักนิด
ทุกคนสงสัยและคุยกันตลอดทางว่า พลอยไปทำอะไรไว้วันนี้ ไปลบหลู่อะไรมา ทำไมพระอาจารย์ถึงทักพลอยแปลกๆ และเหมือนพลอยจะรู้ตัว เพราะพลอยไม่ท้วงกลับเลย กลับเงียบนิ่งเฉย
อาจารย์เริ่มขับรถส่งทุกคนเกือบครบ บ้านของบอลกับโก้ จะอยู่ท้ายๆ แต่บ้านบอลถึงก่อนโก้
ตอนนี้ทุกคนลงจากรถหดแล้ว เหลือแค่บอลกับโก้ ทั้งสองรีบขอไปนั่งเบียดตรงข้างหน้ากับอาจารย์
เพราะไม่กล้านั่งหลังกันสองคน พอถึงบ้านบอล บอลก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ไม่กล้าหันกลับมามองที่รถ กลัวว่าผีจะตามมา บอลเคาะประตูเสียงดังมากๆ รัวๆแรงๆพร้อมตระโกนให้พ่อมาเปิด
จนพ่อบอลลงมาและพูดเสียงดังว่า
“รู้แล้วๆ เคาะอะไรนักหนาวะ!”
พอพ่อบอลเปิดประตู บอลรีบวิ่งขึ้นห้องนอนทันที พร้อมกับนำพระที่มีอยู่แล้วในห้องห้อยคอ
และนอนบนเตียงพร้อมคลุมโปง น้ำไม่อาบ นอนสั่นทั้งคืน และก็นี่คือเหตุการณ์ในคืนวันศุกร์ทั้งหมดก็จบลง
บอลเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้พวกเราฟัง ซึ่งพวกเราฟังกันอยุ่ตรงเกวียน ก็พากันขนหัวลุก
และไม่มีทางที่บอลจะโกหกได้ เพราะดูท่าทางบอลเหมือนเพิ่งจะฟื้นไข้ ดูสั่นๆ ดูเหมือนคนวิตกจริต
เป็นเหมือนอาการคนโดนผีหลอกจริงๆ
บอลเล่าต่อว่า หลังจากที่กลับมาคืนนั้น วันอาทิตย์ฟ้าได้โทรมาหาบอล
บอกว่าพลอยเข้าโรงพยาบาลเป็นไข้จับสั่น ตอนนี้อาการหนักมาก
บอลเลยบอกพวกเราว่า เย็นนี้เลิกเรียนจะไปเยี่ยมพลอยกัน
เย็นวันนั้นพวกเราหลอนกันมาก เวลากลับบ้านหันไปมองตรงตึกหนึ่ง
ห้องดนตรีไทยที่อยู่ท้ายสุด ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่มองมา สิ่งที่บอลเล่าติดตามากๆ จนเก็บไปคิด และพวกเราก็อยากรู้ว่าพลอยไปลบหลู่อะไรไว้ ทำไมวิญญาณเด็กผู้หญิงคนนั้นถึงได้ดูอาฆาตพลอยขนาดนั้น
และที่อาจารย์โอ๊ตเคยเตือนว่า ถ้าเห็นเด็กผู้หญิงในโรงเรียนห้ามทักเด็ดขาด หรือว่าพลอยจะเคยไปทักเด็กผู้หญิงคนนั้น เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปริศนา
เรื่องเล่านี้ถูกเล่าต่อๆกันทั่วโรงเรียน จึงทำให้ห้องดนตรีไทย ดังมากในช่วงนั้นค่ะ
พวกเราจึงสืบกับบอลตลอดอยู่หลายสัปดาห์ และในที่สุดเราก็ได้รู้แล้วว่า พลอยไปทำอะไรไว้
หลังจากพลอยออกจากโรงพยาบาล และอาการดีขึ้นแล้ว บอลกับเพื่อนก็หาจังหวะถามพลอยว่าเกิดอะไรขึ้น พลอยจึงเล่าให้ฟังว่า ในวันศุกร์ที่เกิดเหตุช่วงเที่ยงๆ หลังจากพักกลางวันเสร็จ
พลอยนัดกับรุ่นน้องมอต้นไปเตรียมของในห้องดนตรีไทย เพื่อที่จะขนไปงานตอนเย็นในวันนั้น
พลอยได้ยินรุ่นน้องคุยกัน เรื่องวิญญาณเด็กผู้หญิงในโรงเรียนที่อาจารย์โอ๊ตเคยบอก ที่เป็นข่าวลือ
ด้วยความที่พลอยไม่เชื่อ และคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จึงไม่สนใจ
ตอนที่พลอยเตรียมของเสร็จแล้ว พลอยเห็นพวกรุ่นน้องเล่นผีเหรียญกันท้ายห้อง และไม่ค่อยช่วยพลอยขนของ มัวแต่เล่น พลอยจึงหงุดหงิด และคิดจะแกล้งพวกรุ่นน้อง พลอยจึงเดินไปขอเล่นด้วย พลอยเล่าว่า ตลอดเวลาที่เล่น พลอยแกล้งเลื่อนเหรียญเองตลอด และพลอยสร้างเรื่อง ถามคำถามเป็นตุเป็นตะ ว่ากำลังคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ เช่น คุณถูกฆ่าที่แม่น้ำหลังโรงเรียนใช่ไหม พลอยก็เป็นคนเลื่อนเหรียญไปที่ ใช่ คุณมาอยู่ที่โรงเรียนนี้ใช่หรือไม่ พลอยก็เลื่อนเหรียญไปที่ ใช่ และพลอยยังสร้างเรื่องหลอกเด็กอีก โดยเลื่อนเหรียญไปที่ตัวอักษรเป็นคำว่า กูจะตามพวกไปทุกที่ และ กูจะเอาพวกมึงไปอยุ่ด้วย
จนพวกเด็กมอต้นกลัว และเลิกเล่น แบบวงแตก ทำให้พลอยสะใจมากที่แกล้งเด็กพวกนี้ ได้สำเร็จ
พลอยเล่าต่อว่า คาบบ่ายวันนั้น ได้กลิ่นฉุนของควันธูปแรงมาก จนถามเพื่อนๆในห้อง เพื่อนๆก็ไม่มีใครได้กลิ่น พลอยคิดว่าเป็นภูมิแพ้ ที่แพ้ฝุ่น เลยทำให้มีอาการนี้ จึงไม่ได้คิดอะไร
ตกเย็น ตอนที่กำลังขนของไปขึ้นรถ พลอยกับเพื่อนเข้ามาในห้องดนตรีไทย
เพื่อนๆในชมรมก็พูดกันว่า อาจารย์โอ๊ตเคยเล่าว่า วิญญาณเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นนางรำมาก่อน
เธอจึงชอบมาอยู่ในห้องนี้ มาดูนักเรียนซ้อมรำ หรือเล่นดนตรีไทย
พลอยฟังแล้วก็ขำ บอกเพื่อนในชมรมว่า"ไร้สาระ! ผีอะไรชอบมองคนเล่นดนตรี?
งั้นผีบ้านผีเรือน ผีเจ้าที่ก็ต้องแห่กันมาดูด้วยสิ ไม่ใช่แค่ผีเด็ก"
และพลอยหันไปเห็นประตูกระจกที่แตกที่เด็กมอต้นไปชน พลอยก็ยังพูดต่อว่า
"อย่าบอกนะว่า นี่ก็เป็นฝีมือผี?"
"ผีไฮเทคมาก ทะลุกระจก ทำเด็กเลือดออก อย่างกับหนังฝรั่ง"
พลอยพูดประมาณนี้ จนเพื่อนๆเตือนว่าถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่
บอลเล่าว่า รุ้เรื่องมาเท่านี้ ที่พลอยเล่าให้ฟัง และบอลได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่า
ตอนพลอยพักฟื้นที่บ้าน พลอยจะต้องให้แม่มานอนด้วยตลอด เพราะยังขวัญผวาที่เห็นผี คืนแรก พลอยฝันว่า เห็นคนแก่เดินถือมีด เข้ามาในห้องนอน เดินมาถามพลอยตรงปลายเตียง ว่า อยากตายไหม? พลอยตอบว่า ไม่อยาก จากนั้น คนแก่ก็ได้เดินเลี้ยวหายไปตรงกำแพง และจากนั้นเห็นคนแก่ถือมีดคนเดิม เดินเข้ามาในห้องนอน เดินตรงมาจากข้างหน้า และถามคำถามเดิม อยากตายไหม?
พลอยตอบคำเดิม ว่าไม่อยาก และพลอยก็เห็นคนแก่ถือมีดคนเดิม เดินตรงมาจากข้างหน้า และถามวนแบบนี้อยุ่หลายครั้ง จนพลอยโมโห ตระโกนไปว่า กูไม่อยาก!!
พลอยบอกคนแก่หายไปทันที กลายเป็นผู้ชายตัวดำ ร่างใหญ่ ถือขวาน
โผล่ออกมาจากประตู ลำตัวสูงจนติดเพดาน มองพลอยทำถลึงตาโต ย่ำมาด้วยความเร็ว และจะเอาขวานสับหน้าพลอย จนพลอยตกใจตื่นขึ้นมา แม่พลอยบอกว่า ตอนนอนอยู่ข้างๆ เมื่อกี้พลอยนอนละเมอ ฮัมเพลงตรงลำคอ เป็นเสียงเอื้อนๆ เหมือนเพลงไทยเดิม แม่มองพลอยอยู่นาน แต่ไม่กล้าปลุก เห็นหลับอยุ่ จนเห็นพลอยสะดุ้งตื่นขึ้นมาเอง
พลอยเล่าต่อว่า คืนที่สอง พลอยตื่นขึ้นมาตอนดึก แต่คืนนั้นไม่ได้ฝันอะไร
แม่ของพลอยก็นอนอยุ่ข้างๆ พลอยลืมตาเห็น ผู้ชายผมสั้น ยืนหันข้างอยู่ที่ปลายเท้าตรงเตียง ตรงฝั่งซ้าย แต่พลอยเห็นไม่ชัด แต่ดูออกว่าชุดสีขาวทั้งตัว ผมสั้นออกแนวทรงที่คนสมัยนี้ไม่ตัดกัน และมองไม่เห็นหน้า
พลอยตกใจมาก เพราะว่าพ่อของพลอยไม่ได้ไว้ผมทรงนั้น รูปร่างก็ไม่ใช่แบบนั้น พลอยพยายามสะกิดแม่ จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็ค่อยๆเลื่อนไปทางขวาช้าๆ และอยู่ๆก็มีผู้ชายคนนี้โผล่มาจากฝั่งขวา กลายเป็นผู้ชายสองตน ที่รุปร่างทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะๆ เลื่อนสวนทางกันช้าๆตรงปลายเตียง พลอยมั่นใจว่าไม่ได้เป็นการเดินอย่างแน่นอน เหมือนเขาลอยอยุ่ และเลื่อนไปมาทั้งสองตน พลอยรีบสะกิดแม่ เพราะตอนนั้นอาการเดิมกลับมา คือกลัวมาก และเริ่มสั่น แม่พลอยตื่นขึ้นมา พลอยเอาหน้ามุดตรงหมอน นอนคว่ำ บอกแม่ให้เปิดไฟให้หน่อย พอแม่เปิดไฟ พลอยหันกลับไปมอง ไม่มีอะไรอยุ่ในห้อง พลอยเล่าให้แม่และพ่อฟัง ทุกคนยืนยันว่าในบ้านไม่มีใครเข้ามา
จากนั้น แม่ของพลอยเห็นท่าไม่ดี จึงพาลูกไปทำบุญ และไปหาท่านอาจารย์คนหนึ่ง ท่านได้ทักพลอยว่า ช่วงนี้ดวงตกอยุ่แล้ว และยิ่งไปลบหลู่อะไรมา ทำให้เจอวิญญาณ พอเห็นวิญญาณ จิตก็จะหลุด พอจิตหลุดก็ยิ่งทำให้ดวงตกเข้าไปอีก จนทำให้เป็นใบเบิกทาง ให้เจ้ากรรมนายเวรตามมา ถึงในตอนนี้
พลอยจึงต้องทำบุญครั้งใหญ่ และไปปฏิบัติธรรม ต่อชะตา
--- หลังจากนั้นเราก็เห็นเดือนอีกทีก็ตอนจบ ม.6 เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปล่อยให้มันเงียบหายไปตามกาลเวลา
ส่วนเรื่องวิญญาณเด็กผู้หญิงคนนั้น พวกเราไม่เคยเจอค่ะ เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ยังเล่าต่อๆกันมาจนถึงทุกวันนี้
โฆษณา