2 ส.ค. 2021 เวลา 16:33 • ท่องเที่ยว
ความสุขมหาศาล ในร้านหนังสือเล็กๆ ;)
ระหว่างการทำสิ่งที่ชอบเป็นอาชีพหรือทำอาชีพที่ไม่ชอบแต่เงินเดือนสูง คุณจะเลือกอะไร ?
คุณเอ๋ - อริยา ไพฑูรย์
โดยเฉลี่ยแล้วคนเอเชียใช้เวลามากกว่า1ใน3ของชีวิตในการทำงาน เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำสิ่งที่ชอบเป็นอาชีพทุกวัน มันจะกลายเป็นความน่าเบื่อไหมนะ
ในบทความนี้ฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณเอ๋-อริยา ไพฑูรย์” เจ้าของร้านหนังสือเล็กๆ ผู้มีอาชีพอยู่ในแวดวงหนังสือมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เป็นอดีตบก.สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน และฟรีแลนซ์แปลหนังสือ ปัจจุบันเปิดร้านหนังสือเล็กๆแสนอบอุ่น แล้วแกจะเคยรู้สึกเบื่ออาชีพที่มาเป็นเส้นเดียวตลอดแบบนี้หรือไม่นะ ไปหาคำตอบกันเลยในบทสัมภาษณ์นี้!
เปิดโลกแห่งจินตนาการ
ร้านหนังสือเล็กๆ ณ ถนนนะหริ่ง
ณ ย่านเมืองเก่าสงขลา บ้านเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสหลังสีเขียวอ่อนที่เต็มไปด้วยกองหนังสือนั้น ดึงดูดความสนใจผู้คนให้เข้ามาทำความรู้จักร้านหนังสืออิสระของคนขี้อายผู้หลงรักจินตนาการเรื่องราวของเด็ก ผู้นั้นคือพี่เอ๋ อริยา ไพฑูรย์
รับ Book Passport* ท่องเข้าสู่โลกแห่งจินตนการกัน!
*Book Passport (หนังสือเดินทางร้านหนังสือ) ทำหน้าที่เป็นหนังสือบันทึกการเดินทางในการไปเยือนร้านหนังสืออิสระต่าง ๆ ที่ร่วมอยู่ใน“โครงการวัฒนธรรมร้านหนังสือ”จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิวิชาหนังสือ
ซึ่งแต่ละเดือนก็จะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลในทุกเดือนที่เราซื้อหนังสือ จากร้านหนังสืออิสระที่ร่วมกับทางโครงการ และมีรางวัลใหญ่ทุก 6 เดือน ซึ่งกิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป
กองหนังสือในร้านถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย ไม่ได้เป็นระเบียบเป๊ะ เป็นคำใบ้บอกตัวตนความเป็นคนสบายๆของพี่เอ๋ และยังมีของสะสมโมเดลเหล่าตัวละครจากหนังสือ ทำหน้าที่คอยดึงดูดความสนใจหนูน้อยในชุมชนสงขลา
รายละเอียดเล็กๆที่จะรอให้เราสังเกตและหัวใจพองโต ;)
ทุกส่วนประกอบในร้านนี้ใช้ความชอบของพี่เอ๋เป็นมาตราฐาน อย่างหนังสือที่จะเข้ามาขายในร้านแกจะกลั่นกรองด้วยคำถามว่า
" เรามีเวลาพอ จะอ่านไหม และถ้าเล่มไหนที่รู้สึกว่าต่อให้มีเวลาเยอะเราก็ไม่อ่าน อันนี้ก็จะไม่เอาเข้ามา " เพราะงั้นแกถึงรู้จักหนังสือทุกเล่มในร้านเป็นอย่างดีและแนะนำหนังสือให้ลูกค้าได้อย่างจริงใจ นักเดินทางหลายคนมักได้รับความประทับใจไม่มากก็น้อยที่ได้เจอหนังสือแปลกหน้าที่หาซื้อไม่ได้ในร้านหนังสือตามห้างทั่วไป เกิดเป็นเสียงบอกต่อๆกันว่าที่แห่งนี้มีหนังสือหายาก!
คุณเอ๋ไม่ถือสา!
พี่เอ๋ชอบที่จะให้ลูกค้าทำตัวตามสบาย อยากรื้ออะไร รื้อได้เลย “ถ้าเขารื้อแสดงว่าเขาอยากจะหาอะไรที่มันตรงกับเขา บางทีเขาอาจจะอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งเลยรื้อหาแต่เขาอาจจะเจอเล่มที่ไม่เคยคิดว่ามีมาก่อนหรืออยากได้มาก่อน เหมือนได้อะไรมากกว่าที่คาดไว้กลับไป ตรงนี้แหละคือการได้เลือกหนังสือในร้านเอง”
ไม่ได้มีไว้ขายแต่อยากอยู่ในร้านด้วย:)
ร้านหนังสืออบอุ่นหัวใจแห่งนี้คือตัวแทนของความชอบและตัวตนคนขี้อายอย่างพี่เอ๋ ความเรียบง่ายในการทำตามใจนี้แหละคือเสน่ห์ที่ชวนให้ทุกคนได้ตกหลุมรักที่แห่งนี้
ความท้าทายใหม่ในเส้นทางเดิม
รูปคู่กับหนังสือคุณภาพที่อยากให้ทุกคนอ่าน
เส้นทางอาชีพของพี่เอ๋คลุกคลีอยู่หนังสือมาเกือบจะทั้งชีวิต ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเด็ก แกรักการอ่านเพราะคุณพ่ออ่านให้ฟัง พอโตขึ้นได้ทำงานเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการอยู่ที่สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน ถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่แกเริ่มรู้สึกเบื่อกรุงเทพ ใจนึกอยากย้ายไปต่างจังหวัดใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ แกจึงตัดสินใจออกมาทำฟรีแลนซ์และมาปักหลักเปิดร้านหนังสือเล็กๆที่สงขลา
ปัจจุบันพี่เอ๋เปิดร้านตั้งแต่14.00ถึง19.00 ช่วงเช้าแกทำงานฟรีแลนซ์แปลหนังสือ เรียกได้ว่าพี่เอ๋ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่กับหนังสือ
ความเบื่อถือเป็นความท้าทายของชีวิตอีกแบบหนึ่งหรือไม่ นี่เป็นคำถามที่เราสงสัยอยู่ไม่น้อย
พี่เอ๋บอกกอย่างยิ้มๆว่า “การทำหนังสือแต่ละเล่มเนี่ยมันเหมือนกับงานซ้ำๆทุกวัน แต่จริงๆหนังสือมันเปลี่ยน เราไม่ได้ edit หนังสือเล่มเดิมทุกวัน หนังสือที่เปลี่ยนไปแต่ละวันนั่นแหละ ให้เรื่องราวมุมมองใหม่กับเราเสมอ
มีคนถามเหมือนกันว่าเบื่อไหมก็บอกถ้าเบื่อจริงๆก็ไม่เบื่อนะ แต่บางวันอาจขี้เกียจบ้าง ในเจ้าชายน้อยยังบอกว่าคนเรามันก็มีบางวันที่ขี้เกียจบ้างเลย
ทุกอย่างในชีวิตอาจจะไม่ได้ดั่งใจคิดไปหมด เหมือนการได้เลือกทำอาชีพที่ชอบ มันก็ยังมีเรื่องสำคัญที่พี่เอ๋ต้องทำถึงจะไม่ชอบก็ตามอย่างเรื่องการจัดการเงินและบัญชี ความรู้สึกเหนื่อยที่ทำให้รู้สึกไม่อยากทำในบางวัน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของชีวิต เพราะอย่างน้อยพี่เอ๋ก็ยังมีความสุขในสิ่งที่ทำ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการอ่านหนังสือ
:^)
เชื่อว่าในโรงเรียนคงไม่เคยมีครูแนะแนวหรือผู้ใหญ่คนไหนแนะนำให้เด็กๆที่ลองเปิดร้านหนังสือถ้าเป็นชอบการอ่าน อาจเป็นเพราะไม่มีเด็กคนไหนคลั่งไคล้การอ่านจนโดดเด่นออกมาในวิชารักการอ่าน ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น พี่เอ๋มองว่า
“การอ่านไม่ควรจะเป็นเรื่องบังคับ มันจะทำให้เด็กรู้สึกว่าการอ่านเป็นเรื่องน่าเบื่อ เมื่อก่อนตอนที่พี่เรียน มีวิชาการอ่านและวิจารณ์หนังสือ มันจะมีคำถามคำตอบเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือว่าคนนี้ชื่ออะไรอะไรแบบนี้ ซึ่งตรงนี้มันไม่เป็นประโยชน์กับเด็กเลย การอ่านมันควรจะอ่านด้วยความสนุกก่อนอันดับแรก”
ความสงสาร vs ความเห็นอกเห็นใจ
เซ็ตหนังสือสุดเท่ ;)
อย่างที่พี่เอ๋บอกไว้หนังสือไม่ได้ให้แค่ความสนุกที่หมายถึงเสียงหัวเราะ แต่เป็นความเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาสาระ และสิ่งสำคัญที่สุดที่หนังสือให้กับทุกคนคือความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ มันเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าแค่ความรู้สึกสงสาร หนังสือสามารถอธิบายความรู้สึกที่ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเอง คงจินตนาการไม่ออกว่าคนๆนั้นจะรู้สึกอย่างไร ตรงนี้เองที่หนังสือสามารถอธิบายความรู้สึกลึกๆและการกระทำของตัวละครได้มากกว่าภาพยนตร์
ทุกคนสามารถรักการอ่านได้
เหล่าหนังสือที่จัดวางด้วยสไตล์เอ๋เก๋
พี่เอ๋มองว่าเด็กทุกคนควรได้อ่านหนังสือแต่ไม่ได้เริ่มต้นที่การบังคับให้อ่าน อาจจะเริ่มคุณครูหรือผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อแม่แนะนำให้เด็กคนหนึ่งได้รู้จักกับหนังสือที่เขาอาจจะชอบ พอเขาอ่านแล้วรู้สึกสนุก เด็กจะรักการอ่านเอง
ชีวิต อาชีพ และความสุข
ไว้พบกันใหม่
ความสุขในแต่ละวันของใครหลายคนอาจหล่นหายไปกับการไล่ตามสิ่งที่อยากจะมี บทสัมภาษณ์อันเรียบง่ายนี้เตือนให้เรารู้จักความสุขเล็กๆ ทบทวนถึงความชอบที่ถูกเก็บไว้หลายครั้งซึ่งไม่ถูกนำไปใช้พร้อมกับอาชีพที่เราทำ กว่าจะรู้ตัวว่าชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะทำสิ่งที่ชอบได้ทั้งหมด เวลาก็ล่วงเลยไปหลายปีแล้ว
เพราะฉะนั้นเราควรที่จะได้ทำอาชีพที่ชอบ อย่างน้อยสักช่วงเวลาในชีวิตที่เรารู้สึกอยากทำมัน ข้าพเจ้าขอให้คุณเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเชื่อ และใช้ชีวิตในแบบที่คุณอยากจะให้มันเป็น
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ (◍•ᴗ•◍)✧*。
โฆษณา