🚗⚡️🌳🌳🌳 ขับรถยนต์ไฟฟ้า ลด CO2 มากกว่าปลูกต้นไม้ จริงหรือ?
ผมเห็นข้อความที่บอกว่าขับรถยนต์ไฟฟ้า 1 ปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 200 ต้น เพราะสามารถลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2,250 กิโลกรัม
จะเท่าหรือไม่นั้น ความจริงมีปัจจัยประกอบหลายอย่างครับ และผมเห็นด้วยนะครับกับคำกล่าวนี้ ในสภาวะที่กำหนดไว้อย่างถูกต้อง
อันดับแรกมาดูกันก่อนครับว่าต้นไม้ 1 ต้นช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างไร?
ด้วยกระบวนการสังเคระห์แสงของต้นไม้ จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ และต้นไม้จะเก็บคาร์บอนฯเหล่านั้นไว้ภายในต้น ตามส่วนประกอบต่างๆครับ หากไม่มีการตัดต้นไม้ทิ้งไป ก๊าซคาร์บอนฯก็จะยังคงกักเก็บไว้ในต้นไม้
โดยเฉลี่ยต้นไม้ 1 ต้นจะเก็บกักก๊าซคาร์บอนฯไว้ 9-15 กิโลกรัมต่อปีครับ
มาดูที่รถยนต์กันบ้าง โดยเฉลี่ยรถยนต์นั่ง 1 คัน เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,500 ซีซี จะผลิตก๊าซคาร์บอนฯออกมา ประมาณ 200 กรัมต่อกิโลเมตร จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ก๊าซที่ปล่อยออกมาหากยิ่งขับขี่นานก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณก๊าซ
ถ้าคิดว่ารถยนต์โดยเฉลี่ย 1 ปีจะขับที่ 20,000 กิโลเมตร ดังนั้นจะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทั้งสิ้น 4,000 กิโลกรัมต่อปี และหากจะให้ต้นไม้มาดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถคันนี้ให้หมดใน 1 ปี ก็ต้องมีต้นไม้ประมาณ 267 ต้นขึ้นไป ถึงจะเพียงพอ
สรุปแล้วจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะพูดได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า 1 คันเทียบเท่าการปลูกต้นไม้มากกว่า 200 ต้นต่อปีครับ
แต่!!! อันนี้คืออุดมคตินะครับ เรายังไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยที่มาของไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพราะหากไฟฟ้ามาจากโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน ก็จะก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนฯในกระบวนการชาร์จด้วย
แต่!!! ก็อย่าคิดมากครับ เรื่องการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ผมเชื่อว่าสัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิลจะลดลงเรื่อยๆอย่างแน่นอน และโรงไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจะเกิดมากขึ้น
การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรเสียก็ดีกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแน่นอนครับ อาจจะยังไม่เท่าต้นไม้ 200 กว่าต้น แต่ก็คงเป็นต้นไม้ไม่ต่ำกว่า 100 ต้นหรอกครับ ผมคิดว่านะ^^
#evboy #electriccar #zev #co2 #futurecar
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
