3 ส.ค. 2021 เวลา 14:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
#รีวิว Shutter Island
ความจริง อาจไม่ใช่สิ่งที่เลือกรับรู้ได้
1
ช่วงนี้หากจะหาหนังสักเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาดูสักเรื่อง ขอแนะนำเรื่อง Shutter Island สุดตัวเลยครับ ผมดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกในโรงหนังราว 10 ปีก่อนกับเพื่อน ดูจบแล้วเดินออกมาจากโรงหนังยังถกเถียงด้วยความงุนงงสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
ตอนนี้เห็นหนังเรื่องนี้ใน Netflix เลยลองดูอีกรอบจนกระจ่าง แล้วก็ดูไปอีกสองรอบจนตระหนักถึงความละเอียดอ่อนพิถีพิถันจนอดไม่ได้ที่ต้องนำมาเล่า
จากตรงนี้เป็นต้นไปผมจะสปอยล์แบบหมดเปลือก ท่านใดยังไม่ได้ดูผมวิงวอนให้ไปดูกันนะครับ แล้วค่อยมาอ่านกัน
ระหว่างภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินไป มีจุดต่างๆมากมายที่ชวนให้เราสับสนว่า Teddy Daniels ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องนั้นบ้าหรือไม่กันแน่ (บางคนดูจนจบแล้วก็ยังสับสน) กล่าวคือ การกระทำต่างๆของพระเอกล้วนถูกตีความได้เป็น 2 แง่ ตัวอย่างเช่น
ที่มา : Paramount
ตอนที่พระเอกขึ้นมาบนเกาะแล้วผู้คุมถือปืนด้วยท่าทีที่หวาดระแวงนั้นเกิดจาก
ทางเลือก 1 พระเอกเป็นคนนอก และในเกาะเกิดคดีขึ้นเลยเครียด
ทางเลือก 2 พระเอกเป็นบ้า ทุกคนที่ต้องเล่นละครไปกับพระเอกรู้สึกเกร็งกับการรับบทบาทร่วมกับคนบ้า
ที่มา : Paramount
ตอนที่พระเอกจะหยุดการสืบสวนเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจาก Dr. Cawley ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้ ลูกน้องพระเอกหันไปมองผู้อำนวยการด้วยสายตาค้อน
ทางเลือก 1 ลูกน้องพระเอกไม่พอใจที่ผอ.ไม่ให้ความร่วมมือ
ทางเลือก 2 คุณหมอชีฮานที่คอยดูแลพระเอกกันไปมองหัวหน้าซึ่งเป็น ผอ. ประมาณว่า "เนี่ย ซวยละไง"
หนังเรื่องนี้เหมือนต้องการจะบอกเราว่า แม้ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่มันกลับถูกรับรู้ได้ 2 แง่อย่างแตกต่างกันสุดขั้วไปพร้อมๆกันได้
ฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ผอ. เล่าให้พระเอกฟังว่าผู้ป่วยบางคนสร้างความจริงในเวอร์ชันของตนเองขึ้นมา เขามองว่าจิตแพทย์ พยาบาลและผู้ป่วยรอบๆเป็นคนส่งนม บุรุษไปรษณีย์ ฯลฯ พระเอก งง ว่า มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร เพราะการอยู่ในรพ.บ้า มันเป็นอะไรที่ชัดเจนมาก ยังไงก็ต้องรู้จนได้ว่าสิ่งที่ตนเองคิดมันไม่จริง
ที่มา : Paramount
ผอ. ตอบกลับสั้นๆ อย่างรวดเร็ว ด้วยประโยคที่ถ้าไม่ฟังให้ดีอาจจะปล่อยผ่านว่า " ความจริงนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ป่วย(หรือคนบางคน)เลือกจะรับรู้ได้"
ถ้าพระเอกเป็นบ้า คำกล่าวนี้เป็นเหมือนการตอกหน้าพระเอกและบอกใบ้ให้พระเอกรู้ว่า พระเอกก็เป็นแค่คนที่กำลังเล่นเป็นนักสืบและคนอื่นๆพากันสวมบทบาทตามน้ำ แน่นอนว่าในตอนนั้นพระเอกก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรนัก เพราะเขาทำหน้าเหมือนกับว่าเอ้อ ผู้ป่วยทางจิตที่รับรู้ความจริงไม่ได้นี่น่าสงสารเนอะ
แต่ก็นั่นแหละครับ
พอดูหนังจบแล้วลองมองตัวเราให้ดีว่าความจริงที่เรายึดถืออยู่อาจจะมีมุมมองอื่นที่จริงพอๆกัน แต่เราไม่เคยมองอยู่ก็ได้ และถ้าเราไม่ลองมองไม่มุมนั้นดูบ้าง ใครจะรับประกันให้เราได้ล่ะว่า เราไม่ได้เป็นคนบ้า ที่คนอื่นพากันเล่นละครตามน้ำไปกับเรา
ปล. หนังเรื่องนี้มีอีกจุดที่น่าสนใจเพราะตัวละครพูดถึงสองสามครั้ง
นั่นคือ เรื่องความรุนแรง หากสนใจจะมาเขียนเล่าให้ฟังอีกครับ
โฆษณา