#โอลิกปิกสัมพันธ์
โดย มิสมาต้า
ลูกหลานไปได้ไกล นายขนมต้มสบายใจ
พเยาว์ พูนธรัตน์ อายุ 19 ปี เหรียญทองแดงรุ่นไลท์ฟลายเวท ที่มอนทรีออล ปี 1976
ทวี อัมพรมหา อายุ 24 ปี เหรียญเงินรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท ที่ลอสแองเจลิส ปี 1984
ผจญ มูลสัน อายุ 20 ปี เหรียญทองแดงรุ่นแบนตัมเวท ที่กรุงโซล ปี 1988
อาคม เฉ่งไล้ อายุ 22 ปี เหรียญทองแดงรุ่นเวลเตอร์เวท ที่บาร์เซโลน่า ปี 1992
สมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 23 ปี เหรียญทองรุ่นเฟเธอร์เวท ที่แอตแลนตา ปี 1996
วิชัย ราชานนท์ อายุ 28 ปี เหรียญทองแดงรุ่นแบนตัมเวท ที่แอตแลนตา ปี 1996
วิจารณ์ พลฤทธิ์ อายุ 24 ปี เหรียญทองรุ่นฟลายเวท ที่ซิดนีย์ ปี 2000
ทองชัย ทองบุราณ อายุ 26 ปี เหรียญทองแดงรุ่นไลท์มิดเดิลเวท ที่ซิดนีย์ ปี 2000
มนัส บุญจำนงค์ อายุ 24 ปี เหรียญทองรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท ที่เอเธนส์ ปี 2004
วรพจน์ เพชรขุ้ม อายุ 23 ปี เหรียญเงินรุ่นแบนตัมเวท ที่เอเธนส์ ปี 2004
สุริยา ปราสาทหินพิมาย อายุ 24 ปี เหรียญทองแดงรุ่นมิดเดิลเวท ที่เอเธนส์ ปี 2004
สมจิตร จงจอหอ อายุ 33 ปี เหรียญทองรุ่นฟลายเวท ที่ปักกิ่ง ปี 2008
มนัส บุญจำนงค์ อายุ 28 ปี เหรียญเงินรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท ที่ปักกิ่ง ปี 2008
แก้ว พงษ์ประยูร อายุ 32 ปี เหรียญเงินรุ่นไลท์ฟลายเวท ที่ลอนดอน ปี 2012
และ สุดาพร สีสอนดี อายุ 29 ปี ที่รอลุ้นเหรียญรางวัลในรุ่นไลท์เวท ที่โตเกียว ปี 2021
รวมได้เหรียญทั้งหมด 13 คน จาก 14 เหรียญรางวัล
แบ่งเป็น 4 เหรียญทอง , 4 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง
จากรุ่นไลท์ฟลายเวท จำนวน 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง
จากรุ่นฟลายเวท จำนวน 2 เหรียญทอง
จากรุ่นแบนตัมเวท จำนวน 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง
จากรุ่นเฟเธอร์เวท จำนวน 1 เหรียญทอง
จากรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท จำนวน 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน
จากรุ่นเวลเตอร์เวท จำนวน 1 เหรียญทองแดง
จากรุ่นไลท์มิดเดิลเวท จำนวน 1 เหรียญทองแดง
จากรุ่นมิดเดิลเวท จำนวน 1 เหรียญทองแดง
โดย พเยาว์ พูนธรัตน์ เป็นนักชกในรุ่นที่มีน้ำหนักตัวเบาที่สุดในรุ่นไลท์ฟลายเวท ที่พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม แล้วยังเป็นนักชกที่อายุน้อยที่สุดของประเทศไทยที่ได้เหรียญรางวัล
ซึ่งปัจจุบันวีรบุรุษท่านแรกของเราได้เสียชีวิตไปแล้ว ท่านจึงเป็นนักชกเหรียญรางวัลเพียงคนเดียวที่ได้จากพวกเราไป
ส่วน สมจิตร จงจอหอ เป็นนักชกที่มีอายุมากที่สุดที่ได้เหรียญทอง และเหรียญรางวัล
และ สุริยา ปราสาทหินพิมาย เป็นนักชกที่มีน้ำหนักตัวมากที่สุดในรุ่นมิดเดิลเวท ที่พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 75 กิโลกรัม
ส่วนนักชกที่ได้เหรียญรางวัลที่มีคุณค่ารวมสูงที่สุด คือในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท ที่ได้ไป 1 เหรียญทอง กับ 2 เหรียญเงิน
มนัส บุญจำนงค์ เป็นนักชกไทยคนเดียวที่ได้ 2 เหรียญรางวัล
เมื่อแบ่งบ้านเกิดของนักชกไทยทุกคนออกเป็นภูมิภาค ก็มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ภาคใต้ 3 คน (พเยาว์ , อาคม , วรพจน์)
ภาคเหนือ 3 คน (ผจญ , วิจารณ์ , แก้ว)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 คน (สมรักษ์ , วิชัย , พรชัย , สุริยา , สมจิตร)
ภาคตะวันออก 1 คน (ทวี)
ภาคตะวันตก 1 คน (มนัส)
ตอนนี้คอหมัดมวยชาวไทยต่างตั้งใจรอคอยด้วยความหวังว่า สุดาพร สีสอนดี จะก้าวไปให้ไกลจนถึงที่สุด
วันนี่เธอสามารถหยุด 9 ปีที่ไร้เหรียญรางวัลให้กับสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยได้ด้วยพลังกำปั้น และความขยันอดทนของเธอ
เธอช่วยเพิ่มตัวเลขของเหรียญรางวัลให้ประเทศไทยได้ในอันดับตารางรวม
วันนี้เธอระบายน้ำตาออกมาทุกหยาดหยดด้วยการเป็นวีรสตรีนักชกมวยสากลสมัครเล่นคนแรกของประเทศไทยที่กำลังรอได้รับเหรียญรางวัล ซึ่งมันคงจะดีมากๆ ถ้าหากว่าเธอจะไปไกลจนได้ยืนบนโพเดียมตำแหน่งเหรียญทอง
เพราะนอกจากเงินรางวัลอัดฉีดจากทุกภาคส่วนที่จะตามมา เธอยังเป็นสตรีผู้สร้างเกียรติยศศักดิ์ศรีของทีมมวยหญิงด้วยความมุ่งมั่น จนทีมมวยหญิงของไทยจะไม่ได้เป็นแค่ทีมที่เน้นไปหาประสบการณ์ในเวทีโลกอีกต่อไป
แล้วไม่ว่าท้ายที่สุดเธอจะได้เหรียญใดมาครอบครอง แต่เธอคือผู้ชนะตัวจริง เธอชนะความยากลำบากในวัยเด็ก เธอชนะความยากลำบากในช่วงเก็บตัว และ เธอสามารถชนะใจตนเองในวันที่เคยท้อแท้ได้จนหมดสิ้น
ในการแข่งขันกีฬารูปแบบของทัวร์นาเมนต์ระยะสั้นที่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ จนบางครั้งคนมีฝีมืออันเป็นตัวเต็งอาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน
แต่สำหรับ สุดาพร สอนดี ที่มีทั้งฝีมือ มีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน มีวินัย ไม่ย่อท้อ ในตอนนี้ขอเพียงเธอรักษาทุกอย่างเอาไว้ให้ได้ในทุกการชก
จากนั้นก็เหลือเพียงการภาวนาให้วาสนาถึง เหรียญทองอาจเป็นของเธอ
อดีตไม่สำคัญ แต่ปัจจุบัน สุดาพร สีสอนดี คือวีรสตรีในตำนานของพวกเรา
#PlayNowThailand #khelnow #OlympicGames2020 #สุดาพรสีสอนดี
- 5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
