4 ส.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เฮือกสุดท้ายมาถึงแล้ว ]
หลังฤดูกาล 2010/11 ปิดฉากลงเรียบร้อย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดูจะผิดหวังไม่น้อยที่ต้องเสียท่าให้บาร์เซโลน่าในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง ซ้ำร้อยเมื่อ 2 ปีก่อนจนได้
1
คนระดับนี้ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ย่อมพอมองเห็นแล้วว่าเกิดความผิดพลาดจากตรงไหนและจำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วน
1
ในแนวรับคือหนึ่งในจุดที่ต้องมาปะผุกันใหม่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ โรยราไปมากอายุ 33 ปีแล้ว อยู่ในช่วงท้ายของการค้าแข้ง
เนมานย่า วิดิช ก็กำลังแตะหลักสาม อีกทั้งการใช้ร่างกายอย่างสิ้นเปลือง จัดหนักเสมอแบบไม่ยั้ง นั่นยิ่งทำให้อายุการใช้งานหดสั้นลงอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องนี้ เฟอร์กี้ เตรียมพร้อมแก้ปัญหามาสักระยะหนึ่งแล้ว ซัมเมอร์ปี 2010 จึงไปเซ็นสัญญาคว้า คริส สมอลลิ่ง เซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งมาช่วยอุดหลังบ้านให้แน่น โดยตกลงกับฟูแล่มตั้งแต่ต้นปี 2010 ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดีไม่น่าจะเพียงพอ เพราะคู่ปราการหลังตัวกลางต่างต้องปลดระวางในอีกไม่นาน
ฉะนั้นจึงยอมจ่ายถึง 16.5 ล้านปอนด์ให้แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เพื่อแลกกับ ฟิล โจนส์ แข้งวัยเพียง 19 ปี ซึ่งเล่นได้ครอบคลุมทั้งเซ็นเตอร์แบ็ก แบ็กขวาหรือกระทั่งมิดฟิลด์ตัวรับ
"เขาเป็นนักเตะที่มีความเร็วและแข็งแกร่ง อีกทั้งกล้าหาญเข้าปะทะเพื่อเอาบอลมาครองให้ได้"
เฟอร์กี้ เคยให้เหตุผลถึงการเซ็นสัญญา โจนส์ เพราะเกิดคำถามไม่น้อยว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันและทำไมจึงยอมจ่ายค่าตัวสูงลิบ
อย่างไรก็ดีถ้าใครติดตามเกมมาอย่างต่อเนื่องจะเห็นว่า โจนส์ ฉายแววน่าสนใจจริงๆ โดดเด่นมากในสีเสื้อกุหลาบไฟ
นอกเหนือว่าฝีเท้าเจ๋งเกินวัย จิตใจอันห้าวหาญ รูปร่างยังยอดเยี่ยมอีกด้วย มีคุณสมบัติของนักกีฬาแทบจะครบครัน
ว่ากันว่าการมาของ โจนส์ อาจมีส่วนทำให้ ราฟาแอล วาราน ตัดสินใจเลือกไปเล่นให้เรอัล มาดริด เพราะไม่ต้องดิ้นรนแย่งตำแหน่งตัวจริงมากเกินไป
หลังย้ายมาแค่เดือนเศษๆ โจนส์ มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ภายใต้การคุมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ อีกต่างหาก
แม้เกมอุ่นเครื่องดังกล่าวที่เวมบลีย์จะยกเลิกไป เพราะมีเหตุก่อการร้ายที่ลอนดอน แต่นั่นคือสัญญาณเตือนว่า โจนส์ พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กแถวหน้าของพรีเมียร์ลีกในอนาคตอันใกล้
คาเปลโล่ เคยตอบคำถามนักข่าวถึงเหตุผลที่ใส่ชื่อ โจนส์ เพราะเข้าบอลแม่นมาก ชิงจังหวะเล่นเก่งด้วย มีสายตาการอ่านเกมที่เฉียบขาด
ฟังดูอาจเป็นเรื่องตลก แต่ผู้จัดการทีมมากมายที่ได้ร่วมงานกับ โจนส์ ต่างชื่นชมด้วยกันทั้งสิ้น
แต่อุปสรรคที่ฉุดไม่ให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็นคืออาการบาดเจ็บนี่แหล่ะ
การบาดเจ็บแบบถี่ยิบ ไม่ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องหยุดพัฒนาการที่ควรจะมีของเขาอย่างน่าเสียบดายมากๆ
โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งมารับงานถัดจาก หลุยส์ ฟานกัล ยังยอมรับเลยว่าชื่นชอบ โจนส์ ด้วยคุณสมบัติแข็งแกร่งดุดัน ทุ่มเทเต็มสูบ ไม่กลัวบาดเจ็บ ทำอย่างไรก็ได้สามารถป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงคุกคามง่ายๆ
โจนส์ เคยได้รับความไว้วางใจจาก มูรินโญ่ จนสามารถยึดตัวจริงร่วมกับ มาร์กอส โรโฮ ได้อย่างมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้อาการบาดเจ็บอยู่ดี
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เขายังไม่เข้าใจร่างกายตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องบุบสลายง่ายนาดนี้ ไม่อาจยืนระยะได้เลย
"ผมงงกับร่างกายตัวเองจริงๆนะ ผมต้องการลงเล่นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจฝืนไปต่อได้"
เขาเคยเปิดใจไว้ด้วยประโยคดังกล่าว มันเป็นการตัดพ้อด้วยความท้อแท้ แต่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องกัดฟันลุกขึ้นมาสู่อีกครั้ง
ต้นปี 2019 แมนฯยูไนเต็ดทำเซอร์ไพรส์ยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้ โจนส์ หลังจากที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาทำงานแทน มูรินโญ่ ได้เพียงไม่กี่เดือน
หลายคนไม่เข้าใจว่าในเมื่อนักเตะเจ็บง่าย ทำไมต้องยืดสัญญาออกไปอีก เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุเปล่าๆ
อย่างไรก็ดี โซลชา คือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลัง ด้วยความต้องการจะเก็บนักเตะที่ซื่อสัตย์อยู่กับทีมมายาวนานไว้เป็นแกน
1
อีกทั้งยังมั่นใจว่า โจนส์ ยังไปต่อได้อีก อายุไม่ได้มากเกิน มีโอกาสกลับมาแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ ถ้าเอาชนะอาการเดี้ยงสำเร็จ
ดิ แอธเลติกสื่อดังอ้างว่าบนโต๊ะเจรจาสัญญาฉบับใหม่วันนั้น ผู้บริหารคนหนึ่งพูดว่าหากต่อขยายออกไปจะทำให้ โจนส์ อยู่ครบ 10 ปีแน่นอน ทางสโมสรจะจัดเทสติโมเนี่ยล แมตช์ให้ด้วยตามธรรมเนียม
"แล้วใครจะมาดูเกมนั้นบ้างล่ะ?" -- โจนส์ พูดประโยคนี้ไว้ ซึ่งเราเดาได้สองอย่างคือเล่นมุกตลกแก้เขินหรือบางทีอาจกลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
เขาไม่ใช่ผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ดัง บางครั้งทำเหวอเฟอะฟะ แอ็กติ้งทางสีหน้าก็เป็นที่ตลกขบขันอีกด้วย ไม่นับบาดเจ็บแบบสัปดาห์เว้นสัปดาห์
แค่สโมสรให้โอกาสขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว โจนส์ ตกเป็นข่าวว่าจะถูกปล่อยตัวมาตลอด แต่ก็ยังได้อยู่มาเรื่อยๆ
แน่นอนว่าแมนฯยูไนเต็ดต้องได้รับข้อเสนอ เพียงแต่ไม่อาจได้บทสรุปหรือตกลงกันได้ตามความพอใจทั้งสองฝ่าย
ส่วนเอเจ้นต์ของนักเตะก็คงได้คุยกับทีมอื่นเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม โจนส์ เองก็เลือกจะอยู่ต่อ
ด้วยความหวังที่ยังพอหลงเหลือบ้าง แม้จะดูริบหรี่ก็ตาม
นัดล่าสุดที่ ฟิล โจนส์ ลงเล่นให้แมนฯยูไนเต็ดคือศึกเอฟเอคัพบุกไปเยือนทรานเมีบร์ โรเวอร์สทีมต่ำชั้นกว่ามาก ก่อนจะปูพรมถล่มราบคาบ 6-0 โดยที่ โจนส์ ทำประตูที่ 4 อีกด้วย
1
ช่วงนั้นมีสัญญาณที่ดี ได้ลงเล่น 3 เกมติดต่อกันแล้ว แต่พอหลังจากยำคู่แข่งครึ่งโหล วังวนเดิมก็เวียนมาอีกจนได้
และคราวนี้มาแบบหนักหน่วง ไม่ปล่อยให้โงหัวกันเลยทีเดียว เพราะตราบวันนั้นจนวันนี้ปาเข้าไปกว่า 1 ปีครึ่ง โจนส์ ยังไม่ได้ลงเล่นอีกเลย
ปัญหาที่หัวเข่ามันเรื้อรังฝังรากลึก ต่อให้ได้แพทย์มือดีมาเยียวยารักษา ก็ไม่อาจทำให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เมื่อบวกกับการใช้ร่างกายมาอย่างหนัก จึงทรุดแบบสองเท่าตัวเลยทีเดียว
ล่าสุด โจนส์ บินไปเก็บตัวที่สกอตแลนด์ด้วย เขายังเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆอย่างดี ด้วยมิตรไมตรีและความทุ่มเทซึ่งแสดงให้เห็นเสมอมา
แต่การมาของ ราฟาแอล วาราน ส่งผลให้ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กแน่นเอี้ยดเหลือเกิน โจนส์ แทบจะกลายเป็นตัวเลือกลำดับ 6 หรือ 7 เลยด้วยซ้ำ
สัญญาที่ยังเหลืออีก 2 ปี ส่งผลให้แมนฯยูไนเต็ดอาจต้องผ่องถ่ายออกไปเพื่อลดรายจ่ายและสร้างความสมดุล
ทว่าสื่ออย่างเดลี่ เมลรายงานว่าไม่มีสักข้อเสนอเดียวในซัมเมอร์นี้เพื่อดึง โจนส์ ไปร่วมทีมด้วย
พูดง่ายๆคือต่อให้อยากขาย ก็ไม่มีทีมไหนอยากได้ อาจเพราะค่าจ้างอยู่ในเรตสูง 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ขยับไปที่อื่นก็จ่ายลำบาก ไม่มีใครอยากเสี่ยง
แต่ในมุมของ โจนส์ แล้วคงหดหู่เศร้าใจไม่น้อย จากกองหลังดาวรุ่งอนาคตไกล ที่เล่นได้หลากหลายในตำแหน่งตัวรับ อีกทั้งแพสชั่นมาเต็ม ทุ่มเททุกหยาดเหงื่อ กลับต้องมาตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้
1
ในวัย 29 ปี โจนส์ ยังเชื่อว่าเหลือเวลาให้พิสูจน์ตัวเองอีกสักครั้ง มันอาจเป็นเฮือกสุดท้าย
ถ้ายื้อไม่ไหวจริงๆแล้ว ต่อให้ไม่อยากยอมแพ้ แต่ก็คงต้องยอมอยู่ดีนั่นแหล่ะ ไม่มีทางเลือกอื่นดีกว่าอีกแล้ว
1
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา