เจ้าดารารัศมีเมื่อมีพระชนม์มากขึ้น
สยามนี้มีเรื่องเล่าตอนที่ 393
โดย ดร.สุวิจักขณ์ ภานุสรณ์ฐากูร
ขอเกริ่นกันก่อนนะครับ ได้นำเสนอเรื่องราวของ พระราชชายาเจ้าดารารัศมีต่อเนื่องกันหลายวัน โดยไม่ได้เว้นไปทำประวัติเรื่องอื่น ๆ เลย
แต่กระนั้นวันนี้ขณะที่ผมกำลังเดินทางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ไม่ได้เห็นเขามานานแล้ว คิดถึงอยู่เหมือนกัน...
ตอนที่เจอกันครั้งหลังสุดเขาบวชเป็นพระอยู่ที่ วังน้อย อยุธยา เขามี ความน่าสนใจหลายอย่าง อันเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายวงศ์ของเขา
เมื่อนึกถึงเขาขึ้นมา จึงอยากจะนำเอาเรื่องของประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับตระกูลของเขามาเล่าสู่กันฟัง
อย่างที่เรารู้กัน พระพุทธเจ้าหลวงทรงมี เจ้าจอมมารดาหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น ชื่อว่าเจ้าจอมมารดา"โหมด"
และเจ้าจอมมารดาองค์นี้เอง ที่เป็น มารดาของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผมเกริ่นไว้เท่านี้ก่อนครับ หลังจากเสร็จจากบทความ พระราชชายาเจ้าแล้ว ผมจะนำเรื่องของเพื่อนผมมาเล่าสู่กันฟัง...ดังนั้นเรามาต่อเนื่องกันเลยนะครับ ในเรื่องของพระราชชายาเจ้า
ในแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชชายาเจ้าได้เสด็จกลับ เชียงใหม่เพื่อเป็น การประทับอยู่อย่างถาวร
เนื่องจากเป็นการประทับอย่างถาวร ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 จึงทรงปลูกสร้างที่ประทับให้ โดยมีชื่อเรียกว่า "ตำหนัก ดาราภิรมย์" อยู่ตรงอำเภอแม่ริม
ผมเองได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม ตำหนักแห่งนี้มาแล้ว เป็นอาคารไม้สองชั้น ด้านล่างเป็นใต้ถุนเปิดโล่ง ด้านบนเป็นที่ประทับ (ห้ามถ่ายรูป)
สถานที่แห่งนั้นเก็บรวบรวมเรื่องราว เกี่ยวกับ พระราชชายาเจ้าเอาไว้ อย่างเช่นข้าวของเครื่องใช้ และรูปภาพเก่า รวมถึงของสะสม ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ของพระราชชายาด้วย
ซึ่งตรงนี้ผมจะกลับมา คุยให้ฟังในตอนท้าย ขอเล่าเรื่อง ต่อจากเมื่อกี้ก่อน...
แม่พระองค์จะประทับอยู่ที่เชียงใหม่ แต่พระองค์ก็จะเสด็จมาเยี่ยมพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ทุกปี โดยใช้เวลาคราวละเป็นเดือน ในมาประทับที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะประทับที่วังดอกไม้บ้าง วังสระปทุมบ้าง
นอกเหนือจากการ เสด็จมาเยี่ยมเยียนแล้ว พระองค์ก็ยังทูลเชิญ เหล่าพระราชวงศ์ ขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน...
ผมเคยได้นำเอา รูปภาพสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และ พระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จเยี่ยมเชียงใหม่มาให้ชมกันแล้ว
ซึ่งในครั้งนั้น พระราชชายาเจ้าดารารัศมี และเหล่าราชวงศ์ทางเหนือ ได้มารับเสด็จ พระองค์ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ด้วย
โดยในครั้งนั้น ทางเชียงใหม่ได้จัดให้มีการนำช้าง มารับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมกับพระราชินีด้วย โดยพระองค์ได้ทรงนั่ง บนหลังช้าง เสด็จพระราชดำเนินเป็นทางยาว โดยมีข้าราชบริพาร ประชาชนชาวเชียงใหม่ รอรับเสด็จอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนมาก
และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ ได้มีการรำฟ้อน ทั้งชายและหญิง เพื่อเป็นการต้อนรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างสมพระเกียรติ
ส่วนผู้ที่รำฟ้อนนั้น ก็คือเหล่าเชื้อพระวงศ์ทางเหนือแทบทั้งนั้น
นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึง ความเคารพความรัก อีกทั้งความจงรักภักดี ที่ชาวล้านนามีต่อพระเจ้าอยู่หัว
ในวันเวลานั้น พระราชชายาเจ้าดารารัศมีมีอายุใกล้จะ 60 แล้ว พระองค์มีสุขภาพที่ไม่ค่อยดีนัก พระองค์ ประชวรเป็นโรคปอด
และด้วยโรคภัที่เบียดเบียนพระองค์อยู่นั้นทำให้ เจ้าแก้วนวรัฐซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดา ทรงให้พระองค์ย้ายจาก ตำหนักดาราภิรมย์ที่แม่ริม เข้ามาพักรักษาตัว ที่คุ้มรินแก้วซึ่งอยู่ในเขตเมือง เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง ไปเยี่ยมเยียนของเหล่าประยูรญาติ และการเดินทางของแพทย์
เรื่องการประชวรของ พระราชชายาเจ้านี้ เป็นมาตั้งแต่แผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงให้แพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญที่สุดในเรื่องโรคนั้น ๆ ขึ้นมาทำการถวายการรักษา
โดยเราจะสังเกตเห็นว่าพระองค์นั้นมีพระวรกายที่ซูบผอม ผิดจากตอนที่พระองค์ ทรงมีพระชนม์น้อยอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 พลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ และเราประยูรญาติ ได้ซื้อเครื่องฉายเอกซเรย์ เพื่อจะวิเคราะห์ อาการของโรคมาจากต่างประเทศ...
แต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้อย่างเต็มที่ อันนี้ผมเข้าใจว่าคงเป็นเพราะวิทยาการในสมัยก่อนนั้น ไม่เอื้ออำนวยอย่างที่สุด ก็เป็นไปได้
วันที่ 9 ธันวาคม พศ 2476 ส่งได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบ ที่คลุมดินแก้ว โดยมี สิริพระชนมายุ 60 ปี
เหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่สุดประทับใจมาก เพราะเป็นเหตุการณ์นำเอา โอวาทสั่งไว้ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี มาเล่าสู่กันฟัง
อีกทั้งเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งจะได้กล่าวถึง" ของบางอย่าง" ที่พระองค์ได้ทรงเก็บไว้ เหนือหัวนอน ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น พบกันในตอนหน้าครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
