5 ส.ค. 2021 เวลา 05:12 • ประวัติศาสตร์
“บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ (Bobby Fischer)” อัจฉริยะหมากรุกผู้ล้มเหลว
“บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ (Bobby Fischer)” คืออัจฉริยะหมากรุก ผู้เคยก้าวสู่จุดสูงสุด สามารถไปเอาชนะคู่ต่อสู้ในเวทีระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้สหรัฐอเมริกา และโด่งดังไปทั่วโลก
หากแต่บั้นปลายของชีวิต เขากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
“บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ (Bobby Fischer)” เกิดในปีค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) ที่สหรัฐอเมริกา โดยมีพ่อแม่เป็นอัจฉริยะทั้งคู่
แม่ของเขาเป็นชาวยิวที่พูดได้ถึงหกภาษา และยังเรียนจบปริญญาเอกด้านเภสัชศาสตร์ โดยเชื่อกันว่า แม่ของเขานั้นแต่งงานแล้ว แต่แอบมีชู้ และตั้งท้องกับนักวิทยาศาสตร์ที่ปราดเปรื่องหากแต่มีความผิดปกติทางจิตคนหนึ่ง และนักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ ก็อาจจะเป็นพ่อของฟิชเชอร์
หากแต่ความผิดปกติทางจิตของผู้ซึ่งคาดว่าเป็นพ่อ และอาจส่งต่อทางพันธุกรรมมาถึงฟิชเชอร์ ก็ไม่ได้ทำให้ความชื่นชอบใน “หมากรุก” ของเขานั้นลดลงเลย ตรงข้าม กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ฟิชเชอร์เริ่มเล่นหมากรุกขณะมีอายุได้หกขวบ และฝีมือที่โดดเด่นของเขาก็ทำให้เขาได้เข้าแข่งขันครั้งแรกขณะมีอายุได้เก้าขวบ และได้เข้าเป็นสมาชิกชมรมหมากรุกแห่งนิวยอร์กขณะมีอายุ 11 ขวบ
ตั้งแต่นั้น ฟิชเชอร์ก็ทุ่มเทให้กับหมากรุกอย่างมาก อ่านหนังสือทุกเล่มเกี่ยวกับหมากรุก และตั้งเป้าว่าจะเป็นแชมป์หมากรุกระดับโลก
ในไม่ช้า ฟิชเชอร์ก็เอาชนะคู่ต่อสู้แทบทุกคนในสหรัฐอเมริกาได้ และเมื่ออายุได้ 13 ปี เขาก็เป็นแชมป์หมากรุกเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกา และลงแข่งกับนักหมากรุกที่มีฝีมือดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ฟิชเชอร์เอาชนะ “โดนัลด์ ไบรน์ (Donald Byrne)” หนึ่งในอัจฉริยะหมากรุก ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่ว
โดนัลด์ ไบรน์ (Donald Byrne)
ขณะมีอายุได้ 14 ปี ฟิชเชอร์ก็กลายเป็นแชมป์หมากรุกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา และเมื่ออายุ 15 ปี ก็ได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์หมากรุกที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย
ในเวลานี้ สหรัฐอเมริกาไม่เหลือความท้าทายอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ เขาต้องการจะไปแข่งขันในเวทีอื่นดูบ้าง โดยเฉพาะที่สหภาพโซเวียต
สหภาพโซเวียตนั้นเต็มไปด้วยนักหมากรุกฝีมือเยี่ยมมากมาย โดยในปีค.ศ.1958 (พ.ศ.2501) แม่ของฟิชเชอร์ได้เขียนจดหมายถึง “นีกีตา ครุชชอฟ (Nikita Khrushchev)” ผู้นำสหภาพโซเวียตในเวลานั้น ทำให้ครุชชอฟเชิญฟิชเชอร์ให้มาลงแข่งขันในสนามเยาวชนระดับโลก
หากแต่หมายเชิญก็มาถึงช้า และแม่ของเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเดินทาง ทำให้การลงแข่งขันของฟิชเชอร์ต้องเลื่อนออกไป
1
แต่แล้วในปีต่อมา โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์รายหนึ่ง ก็ได้มอบตั๋วเครื่องบินไปกลับรัสเซียให้ฟิชเชอร์
เมื่อมาถึงมอสโคว ฟิชเชอร์ก็เรียกร้อง ต้องการจะไปยังสมาคมหมากรุกเพื่อทำการแข่งขันทันที ซึ่งเขาก็ได้แข่งกับแชมป์หมากรุกเยาวชนถึงสองคน และเขาก็โค่นทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย
1
แต่ฟิชเชอร์ยังไม่พอใจ เขาไม่ได้ดีใจกับแค่การชนะคนอายุเท่าๆ กันได้เท่านั้น แต่เขาต้องการจะโค่นแชมป์โลก
นั่นคือ “มิเคล บอตวินนิก (Mikhail Botvinnik)”
มิเคล บอตวินนิก (Mikhail Botvinnik)
แต่สหภาพโซเวียตก็ได้ปฏิเสธคำขอของฟิชเชอร์ ทำให้ฟิชเชอร์โมโห และพูดดูถูกสหภาพโซเวียตต่อหน้าสื่อมวลชน ทำให้ในเวลาต่อมา สหภาพโซเวียตปฏิเสธวีซ่าของเขา
1
ขณะอายุ 16 ปี ฟิชเชอร์ก็ลาออกจากโรงเรียนเพื่อมามุ่งกับการเอาดีทางหมากรุก และเขาก็ทุ่มเทกับหมากรุกอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าเมื่อแม่ของเขาย้ายออกจากที่พักเพื่อไปฝึกงานเภสัช ฟิชเชอร์ก็แสดงออกว่าดีใจที่ได้อยู่คนเดียว
ฟิชเชอร์เริ่มเก็บตัว ออกห่างจากสังคม ในขณะเดียวกัน ฝีมือทางด้านหมากรุกของเขาก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถึงแม้จะมีฝีมือเข้าขั้นเทพ แต่เขาก็ยังคงแสดงการดูถูก มีความคิดเห็นลบอยู่เสมอ
ในปีค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) เขาได้ให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง โดยกล่าวว่า “ในวงการหมากรุกมีพวกยิวมากเกินไป”
ฟิชเชอร์ยังกล่าวอีกว่า
“พวกเขา (ชาวยิว) ทำให้หมากรุกดูไม่มีคลาส การแต่งตัวก็ไม่ดีนัก ผมถึงไม่ชอบพวกเขา”
นอกจากนั้น ฟิชเชอร์ยังกล่าวดูถูกผู้หญิงอีกด้วย โดยกล่าวว่า
“พวกผู้หญิงนั้นอ่อนแอ โง่เมื่อเทียบกับผู้ชาย พวกเธอไม่ควรจะเล่นหมากรุก ฝีมือของพวกเธอเหมือนพวกที่เพิ่งหัดเล่น”
แต่ถึงแม้จะมีทัศนคติที่ไม่ดี แต่ฝีมือของเขานั้นเข้าขั้นปรมาจารย์ โดยเขาชนะเลิศรายการในสหรัฐอเมริกาถึงแปดครั้ง และทำลายสถิติอีกหลายครั้ง
แปดปีต่อมา ฟิชเชอร์ได้แก้แค้นสหภาพโซเวียตโดยการโค่นปรมาจารย์หมากรุกของสหภาพโซเวียต รวมทั้งผู้เล่นชาวโซเวียตคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่พ่ายแพ้เขา
1
นักหมากรุกหลายคนอยากจะโค่นเขา บางรายถึงขั้นศึกษายุทธวิธีของเขาเพื่อจะเอาชนะ หากแต่ก็พ่ายแพ้เขาทุกราย
ความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของฟิชเชอร์นั้นมีเพียงครั้งเดียว นั่นคือพ่ายแพ้ต่อ “บอริส สแปสส์กี (Boris Spassky)” แชมป์โลกหมากรุก ในการแข่งขันที่เยอรมนี
หากแต่ชัยชนะที่ผ่านมาของฟิชเชอร์ ทำให้เขามีโอกาสแก้ตัว
บอริส สแปสส์กี (Boris Spassky)
ที่ผ่านมานั้น ความพ่ายแพ้ของนักหมากรุกชาวโซเวียตแต่ละคน ทำให้สหภาพโซเวียตหวั่นว่าชื่อเสียงทางด้านหมากรุกของสหภาพโซเวียตจะถูกทำลาย
หากแต่สแปสส์กีก็เหมือนจะเป็นตัวช่วยที่ดี สามารถเอาชนะฟิชเชอร์
2
การแก้ตัวอีกครั้ง การปะทะระหว่างฟิชเชอร์และสแปสส์กี เสมือนเป็นตัวแทนสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซึ่งในเวลานั้น สงครามเย็นกำลังระอุ
เกมแรกเริ่มต้นในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ.1972 (พ.ศ.2515) และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฟิชเชอร์อีกครั้ง
ฟิชเชอร์นั้นโทษว่าเป็นเพราะกล้อง โดยเขาอ้างว่าเขาได้ยินเสียงจากกล้อง ทำให้ไม่มีสมาธิ และขอให้นำกล้องออกไป ซึ่งก็ถูกปฏิเสธ ฟิชเชอร์จึงประท้วงด้วยการไม่มาแข่งในเกมที่สอง ทำให้สแปสส์กีนำไป 2-0
ฟิชเชอร์ยังคงยืนยันคำเดิม ขอให้ย้ายกล้องออกไป รวมทั้งย้ายไปแข่งยังห้องเล็กด้านหลัง ซึ่งในที่สุด ผู้จัดก็ยอมตามคำเรียกร้องของฟิชเชอร์
เมื่อทำตามที่เรียกร้อง ฟิชเชอร์ก็สามารถพลิกกลับมาเอาชนะ และเป็นการพลิกกลับที่ไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นที่สหภาพโซเวียตคิดว่ามีการเล่นตุกติก มีการตรวจสอบน้ำส้มที่สแปสส์กีดื่มว่ามีการวางยาหรือไม่ รวมทั้งเช็คเก้าอี้ และแสงต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในห้อง
2
เกมยังคงดำเนินต่อมาเรื่อยๆ และเมื่อมาถึงแมทช์ที่ 21 สแปสส์กีก็ต้องยอมแพ้ต่อฟิชเชอร์
ชัยชนะของฟิชเชอร์ เป็นการทำลายความภูมิใจของสหภาพโซเวียตอย่างยับเยิน และทำให้ฟิชเชอร์กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกัน
แต่เมื่อการแข่งขันจบลง ฟิชเชอร์ก็เลือกที่จะเก็บตัวเงียบ เขาปฏิเสธการให้สัมภาษณ์และแจกลายเซ็น รวมทั้งปฏิเสธข้อเสนอต่างๆ เลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษ
1
ในปีค.ศ.1992 (พ.ศ.2535) ฟิชเชอร์ได้ลงแข่งกับสแปสส์กีอีกครั้งในยูโกสลาเวีย และก็เอาชนะได้อีกครั้ง
หากแต่จากการแข่งครั้งนี้ ทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิดบทลงโทษทางการค้าของสหรัฐอเมริกาต่อยูโกสลาเวีย และจะถูกจับกุมเมื่อกลับมายังสหรัฐอเมริกา ฟิชเชอร์จึงไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้
3
ในปีค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) ฟิชเชอร์ได้ยื่นขอเป็นพลเมืองไอซ์แลนด์ ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติ และได้ใช้ช่วงเวลาท้ายๆ ของชีวิตในไอซ์แลนด์ไปจนเสียชีวิต
ฟิชเชอร์เสียชีวิตในปีค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) ด้วยอาการไตวาย โดยขณะนั้นเขามีอายุได้ 64 ปี ซึ่งเท่ากับจำนวนช่องในตารางหมากรุก
1
โฆษณา