6 ส.ค. 2021 เวลา 00:09 • ไลฟ์สไตล์
❄️เด็กๆติดหิมะกลางป่าที่หนาวเย็น ไม่มีอาหาร แต่รอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ!❄️
ปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2006 ครอบครัว Kim 4 คน คือ พ่อ James แม่ Kati กับลูกสาว2 คน Penelope อายุ 4 ปี กับ Sabine อายุ 7 เดือน ออกเดินทางจาก Seattle เพื่อไปยังเมือง Portland รัฐ Oregon
ครอบครัว James และ Kati Kim กับลูกสาว 2 คน Penelope กับ Sabine ภาพจาก https://abcnews.go.com/2020/kati-kim-tells-heart-wrenching-story-family-ended/story?id=12884927
ทั้งครอบครัวมักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เส้นทางถนนจะผ่านเข้าไปในป่าระหว่างหุบเขา และมีทางแยกย่อยสำหรับรถเข้าไปขนท่อนไม้ใหญ่ในป่า ซึ่งควรจะปิดประตูกั้นไว้ในฤดูหนาว
แต่มีคนเปิดประตูนี้ทิ้งไว้ และรถของครอบครัวKim ก็เลี้ยวเข้าไป เพราะคิดว่าเป็นทางลัดที่จะไปถึงเมือง Portland ได้
ยิ่งขับรถไปทางก็ยิ่งแคบลงๆ พวกเขาไม่รู้ว่าทางนี้เป็นทางที่นำลึกเข้าไปหุบเขา จนเมื่อตัดสินใจจะถอยกลับก็ทำไม่ได้แล้ว พวกเขาต้องนอนอยู่ในรถเป็นเวลา 5 คืน จนน้ำมันหมด และทุกคนหนาวเหน็บ
James ตัดสินใจออกเดินไปหาคนมาช่วยเหลือ แล้วเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
แม่และลูก 2 คน ต้องกอดกันหาความอบอุ่น ลูกๆกินขนมปังกรอบที่มีติดรถมาเพียงเล็กน้อยจนหมดไปแล้ว เด็กๆจะรอดไหม?
Penelope อายุ 4 ปี และ Sabine อายุ 7 เดือน ภาพจาก https://abcnews.go.com/2020/slideshow/kati-kim-daughters-survived-days-stranded-freezing-wilderness-12869992
โชคยังดีค่ะที่Sabine ลูกสาวคนเล็กอายุ 7 เดือน ยังกินนมแม่อยู่ Kimจึงมีน้ำนมแม่ให้ลูกคนเล็กดูดได้ตลอดเวลาและยังแบ่งให้พี่สาวคนโตได้ด้วย
ลูกทั้งสองประทังชีวิตด้วยน้ำนมจากอกแม่ ตลอดเวลา 9 วัน ที่ติดอยู่ท่ามกลางหิมะ! กว่าจะมีผู้เข้าไปช่วยออกมาได้
ทุกคนประหลาดใจมากที่เด็กๆทั้งสองคนยังอยู่ในสภาพค่อนข้างดีทีเดียว
Kati อุ้ม ลูกคนเล็กไว้แนบอก บนเฮลิคอปเตอร์ที่มาช่วยนำทั้ง 3 คนออกจากป่า
❤️นมแม่ ช่วยชีวิตเด็ก 2 คนนี้ไว้ได้ ในภาวะฉุกเฉินวิกฤติที่ไม่มีใครคาดคิดนี้❤️
1
ในช่วงวิกฤต เช่น น้ำท่วมใหญ่ ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีทางออกไปซื้อนมผง แม่ที่ให้นมลูกเอง มีเสบียงอยู่กับตัว ให้ลูกมากินได้เมื่อต้องการ
1
ไม่มีช่วงเวลาไหนที่นมแม่จะมีคุณค่าโดดเด่น เหมือนในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้อีกแล้ว
“❤️นมแม่กู้วิกฤติ ช่วยชีวิตเด็ก”❤️
ไม่ว่าจะเป็นภาวะน้ำท่วม พายุฝน แผ่นดินไหว นมแม่ได้ช่วยชีวิตเด็กๆของเราไว้ได้มากมาย
ในการแพร่ระบาดหนักของโรคโควิด19 ยุคปัจจุบันนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ
☀️แม่ที่ให้ลูกกินนมแม่อยู่ ควรที่จะคงการให้นมแม่ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ เราไม่รู้ว่าโรคระบาดจะหายไปหรือไม่ หรือจะหายไปเมื่อไร
💥เสริมภูมิต้านทานลูกด้วยนมแม่ เปรียบกับได้ให้วัคซีนแก่ลูกทุกๆวัน💥
☀️แม่ที่เพิ่งคลอดลูกในช่วงนี้ พยายามให้ลูกได้ดูดนมแม่เร็วที่สุดหลังคลอด ดูดนมแม่บ่อยๆ และดูดได้ถูกต้องเพื่อให้น้ำนมแม่ผลิตออกมาได้พอเพียง
🌟ถ้าแม่ที่ให้นมแม่อยู่เป็นโควิด จะมีเชื้อไวรัสนี้ในน้ำนมหรือไม่?🌟
จากการนำน้ำนมของแม่ที่เป็นโควิดไปตรวจ ยังไม่มีรายงานว่าพบเชื้อไวรัสในน้ำนมแม่
ดังนั้น ลูกที่กินนมแม่จะไม่ได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางน้ำนม
แต่ไวัสโควิดอยู่ในละอองฝอยของน้ำลาย น้ำมูกที่ออกมากับลมหายใจของแม่ ดังนั้น แม่จึงต้อง
-ใส่หน้ากากอนามัย ปิดทั้งปากและจมูก ตลอดเวลาที่อยู่กับลูก
-ล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังอุ้มลูก
-ทำความสะอาดพื้นห้อง พื้นโต๊ะ ผิวของเล่นเครื่องใช้ที่อาจจะมีละอองฝอยจากแม่ไปเกาะติดอยู่
ในน้ำนมแม่มีสารภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดต่างๆที่แม่เคยเป็น ดังนั้น ในน้ำนมแม่ที่เป็นโควิด ก็น่าจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อนี้ส่งผ่านไปให้ลูกทางน้ำนมแม่ได้ด้วย
ร่วมกับ เซลล์ที่ช่วยจับกินเชื้อโรค ช่วยปกป้องทารกที่กินนมแม่ให้รอดพ้นจากการโจมตีของเชื้อโรคต่างๆ
🌟ถ้าแม่ป่วยมากจนไม่สามารถดูแลและให้นมแม่จากเต้าได้ จะทำอย่างไร?🌟
-แม่ปั๊มนมแม่ หรือบีบเก็บน้ำนมมาให้ลูกได้ โดยต้องรักษาสุขอนามัย ล้างมือก่อนปั๊มนม ทำความสะอาด และนึ่งเครื่องปั๊มนมก่อนนำมาใช้งาน
-เมื่อแม่อาการดีขึ้น กลับมาให้ลูกดูดนมแม่จากเต้าได้อีก
-ถ้าแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ พิจารณาให้นมแม่จากธนาคารน้ำนมแม่(ถ้ามี) หรือให้นมผสมไปก่อน รอให้แม่ดีขึ้นจึงกลับมาให้นมแม่ได้ใหม่
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
🔺น้ำนมแม่ คือ วัคซีนชนิดแรกของลูก
🔺น้ำนมแม่ คือ สื่อประสานใจแม่ลูก
🔺น้ำนมแม่ ไม่ต้องซื้อหา นำพาฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ
ให้ทุกคนในแต่ละครอบครัวผ่านพ้นโรคระบาดนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัยค่ะ
พญ ศิริพัฒนา ศิริธนารัตนกุล กุมารแพทย์
อ้างอิง
โฆษณา