5 ส.ค. 2021 เวลา 06:01 • ปรัชญา
เคยสงสัยไหมว่า คนเราจูบกันเพื่ออะไร? หลายๆ คนคงบอกก็เพื่อแสดงความรักไง บางคนคงบอกก็มันฟินดีออก แต่เราเคยคิดไหมการจูบประกบปาก ใช้ลิ้นพัวพันกันไปมา (Lip-on-Lip Kissing) มันเป็นธรรมชาติที่มีแต่กำเนิดเลยไหม? การจูบมันคือธรรมชาติ คือภาษาของความรักของมนุษย์แต่แรกเลยจริงไหม? เรามารู้จักการจูบให้มากขึ้นกัน
SPECTROSCOPE: คนเราจูบกันไปทำไม?
.
จากการศึกษา “การจูบเชิงโรแมนติกเป็นการกระทำร่วมสากลของมนุษย์หรือไม่” (Is the romantic - Sexual Kiss a near human universal) ของนักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ‘William R.Jankowiak’ ได้เผยข้อมูลใหม่ว่า การจูบกันเนี่ยไม่ใช่ภาษารักที่มนุษย์ทุกคนนะ ที่จะสามารถเข้าใจร่วมกันได้ว่ามันงดงามและโรแมนติก เขาพบว่ามีแค่ 46% จาก 146 วัฒนธรรมเท่านั้น ที่คนจูบกันเพื่อสื่อสารถึงความโรแมนติก
จูบแล้วได้อะไร?
ในกลุ่มสังคมล่าสัตว์หลายกลุ่มตั้งแต่อดีต ไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับความต้องการในการจูบเลย แต่ร่องรอยที่พอมีตอนนี้คือจากคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู (ประมาณ 3,500 ปีก่อน) บรรยายไว้ว่า การจูบคือ “การสูดลมหายใจของวิญญาณซึ่งกันและกัน” ซึ่งการจูบนั้นในบางชนเผ่าเชื่อด้วยว่า “การจูบมันน่าขยะแขยง” ด้วยซ้ำ
โรคที่ติดต่อผ่านน้ำลายมีมากมาย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนในอดีตกังวลและถือเป็นสิ่งน่าขยะแขยง เช่น โรคจูบ (Kissing Disease) จาก เอ็บสไตบาร์ไวรัส (EBV) เชื้อที่ถูกขับออกมากับน้ำลาย ทำให้เกิดโรค Infectious Mononucleosis มีอาการ ไข้ เจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองด้วย หรือ โรคอื่นอีกมากมาย ที่รู้จักกันดีก็ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี หรือ โรค HIV (ซึ่งโรคสุดท้ายนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความเชื่อที่ผิด HIV ไม่ได้ติดต่อทางน้ำลายได้จริง)
“การจูบ มันเป็นเพียงผลผลิตจากสังคมตะวันตกที่ถูกส่งทอดเป็นรุ่นต่อรุ่น” - ‘William R. Jankowiak’ บอกว่าการจูบไม่เคยมีมาก่อนในบรรพบุรุษของมนุษย์เลยในฐานะภาษาสื่อรัก มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
แล้วสัตว์อื่นๆ จูบกันหรือเปล่า? - สำหรับสัตว์อื่นๆ นั้นไม่พบการจูบหรือการแลกน้ำลายกันเพื่อแสดงซึ่งความรัก แต่สัตว์ต่าง ๆ จะใช้วิธีดมกลิ่นสูดเอา ‘ฟีโรโมน’ เพื่อจะได้รู้ว่า คู่ของมันนั้นสมบูรณ์พอที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยหรือยัง เช่น แมงมุมเพศผู้นั้นจะดมกลิ่นแมงมุมเพศเมีย เพื่อตรวจสอบว่ามีฟีโรโมนเยอะหรือไม่ และจะผสมพันธุ์กันต่อเมื่อถ้าฟีโรโมนไม่เยอะไป เพราะถ้าเยอะไปเมื่อไหร่มันจะโดนเขมือบเป็นอาหารแทน
มีเพียงแค่มนุษย์และลิงชิมแปมซี (Chimpanzee) ที่จูบกัน สำหรับลิงชิมแปนซีนั้นจะมีการจูบและกอดกันเพื่อเป็นการสงบศึกหลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างกันและกัน (ไม่ใช่จูบเพื่อบอกรักเชิงชู้สาว) แถมยังจะถูกพบมากกว่าในลิงเพศผู้ด้วยกันเองมากกว่าในเพศผู้และเมีย
“การจูบในมนุษยสัมพันธ์กับเรื่องการดมกลิ่น” ในงานศึกษาของ ‘Rafael Wlodarski’ นักวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม (Behaviour Data Scienticst) จากกลุ่มวิจัยสังคมและวิวัฒนาการทางระบบประสาท (Social and Evolutionary Neuroscience Research Group (SENRG) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
ในปี 2013 ที่สอบถามคน 100 คนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการจูบพวกเขาตอบว่า ‘กลิ่น’ มีความสำคัญสูงที่สุด เพราะว่า การจูบนั้นจะทำให้คนเราสามารถดมฟีโรโมนของคู่เราได้ดีที่สุด เพื่อให้รู้ว่าคู่เรานั้นเหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหน การจูบก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เราสามารถดมกลิ่นของคู่เราได้ดีมากขึ้น เพื่อหาคู่ที่เหมาะสมกับตัวเอง
มีการศึกษาไว้แล้วในปี 1995 พบว่า ผู้หญิง (เพศทางชีววิทยา) มักจะเลือกคบผู้ชายที่มีกลิ่นแตกต่างจากตัวของเธอเอง โดยการจูบเป็นทางที่จะทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายมียีนที่แตกต่างจากเราไหม ถ้าหากคู่รักมีเซ็กส์กับคนที่มียีนใกล้เคียงกับตัวเองก็จะทำให้มีเด็กที่ไม่สมบูรณ์เท่ากับคนที่ยีนต่างกัน
ทำไม ‘จูบ’ ถึงมาจากสังคมตะวันตก ?
ในโบสถ์คริสเตียนช่วงก่อนศตวรรษที่ 13 นั้น ชาวคริสต์นั้นจะมีการทักทายกันด้วย “จูบแห่งสันติ” (Osculum Pacis) หรือเรียกว่า “จูบศักดิ์สิทธิ์” (Holy Kiss) ซึ่งมีความเชื่อว่ามันช่วยถ่ายโอนวิญญาณระหว่างคนสองคน ซึ่งทำให้การจูบนั้น ช่วยให้เกิดความผูกพันระหว่างสมาชิกในโบสถ์และทำให้ผู้คนในชุมชนสนิทสนมกันมากขึ้น หรือ วัฒนธรรมโรมันเองก็เคยใช้วิธีจูบเป็นการปฏิสัมพันธ์ทักทายกันและกัน เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้นและยังใช้เป็นวิธีในการปิดสัญญาทางธุรกิจอีกด้วย หากจูบก็จะถือว่าสัญญานั้นเสร็จสมบูรณ์
และก่อนในช่วงศตวรรษที่ 15 นิกายโปรแตสแตนท์ได้มีการนำเรื่องของการจูบออกจากวิธีการทักทายของชาวคริสต์ ต่อมาจนถึงยุคร่วมสมัย การจูบเพื่อทักทายก็ไม่ได้มีบทบาทมากนักแล้ว และการจูบก็ถูกเปลี่ยนไปสู่ขั้นตอนสำคัญของพิธีแต่งงาน เพื่อเป็นการทำให้คำมั่นสัญญาสมบูรณ์ และ ชาวคาทอลิกจะมีธรรมเนียมจูบแหวนของ บิชอป เพราะถือว่าแหวนเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจจากพระเจ้าที่ส่งมาถึงตัวบิชอปเอง
สุดท้ายก็คงจะพูดได้ว่า การจูบคือสิ่งประดิษฐ์หนึ่งทางกระบวนการของสังคมผ่านรสนิยมและค่านิยมในสังคมตั้งขึ้น และปัจจุบันมันก็กลายเป็นสิ่งปกติในพฤติกรรมของเราไปแล้ว
Content by Phattaradon Werachainarong
Graphic by Napaschon Boontham
.
อ้างอิง
Anthrosurce.onlinelibray : http://bit.ly/373V7xz
People.howstuffworks : http://bit.ly/2QhkRke
#Spectrum #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
โฆษณา