8 ส.ค. 2021 เวลา 00:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
ความแตกต่างระหว่าง เงินหยวนดิจิทัล เงินบาทดิจิทัล Bitcoin Libra และระบบการชำระเงินดิจิทัล
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในโลกการเงินมากมาย ตั้งแต่การมีระบบการชำระเงินทางดิจิทัลต่างๆ ทั้ง PromptPay, True wallet, Line Pay หรือการมีเงินดิจิทัลสกุลคริปโตใหม่ๆอย่าง Bitcoin หรือล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศออกเงินหยวนดิจิทัลและจะเริ่มทดลองใช้กันในบางเมือง จนหลายคนเกิดข้อสงสัยว่า แล้วระบบเหล่านี้ต่างกันอย่างไร ระหว่างเงินหยวน เงินหยวนดิจทัล Bitcoin หรือ Alipay วันนี้เลยอยากมาสรุปในแต่เรื่องให้เข้าใจง่ายๆจากมุมมองของนักเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินอยู่บ้างดังนี้
2
สกุลเงินปกติ (Normal currency) คือ สกุลเงินทั่วไปเช่น เงินบาท เงินดอลล่าร์ เงินหยวร ที่มีการออกมาโดยธนาคารกลางของรัฐในรูปของธนบัตรหรือเหรียญ สามารถทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนได้ในลักษณะการใช้เงินสดหรือรูปแบบออนไลน์ผ่าน Digital Payment แต่ก็ต้องมีการโยกย้ายธนบัตรที่เป็น Physical นั้นจริงไปยังผู้รับทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การชำระเงินออนไลน์ ผู้ซื้อก็ต้องมีการจ่ายเงินสดไปให้ผู้ให้บริการออนไลน์ และผู้รับเงินก็จะมีเงินสดที่ได้รับมาจริง ๆ โดยธนบัตรหรือเหรียญก็จะเป็นตัวระบุว่าเงินอยู่ที่ใคร
2
สกุลเงินดิจิทัล (Digital currency) คือ สกุลเงินที่ต้องทำธุรกรรมแบบออนไลน์เท่านั้น ผ่าน Digital payment แต่เนื่องจากไม่มีธนบัตรหรือเหรียญที่สามารถระบุว่าเงินอยู่ที่ใคร ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจ่ายเงินซ้ำกันอย่างผิดพลาด จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง Blockchain ที่ช่วยเก็บบัญชีธุรกรรมทั้งหมดและจะได้ทราบว่าเงินดิจิทัลนี้อยู่ที่ไหน ใครเป็นเจ้าของและสามารถติดตามได้
การชำระเงินดิจิทัล (Digital payment) อย่าง PromptPay, True Wallet หรือ Alipay คือ การทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ ซึ่งอาจชำระเงินเป็นเงินสกุลปกติหรือเงินสกุลดิจิทัลก็ได้ ถ้าเป็นเงินสกุลปกติก็ต้องมีการโอนย้ายธนบัตรหรือเหรียญกันจริงโดยทางตรงหรือทางอ้อม เช่นผ่ านสถาบันการเงิน แต่ถ้าเป็นเงินสกุลดิจิทัลก็อาจใช้เทคโนโลยีอย่าง Blockchain ช่วยติดตามธุรกรรมทางการเงิน ข้อดีของการชำระเงินดิจิทัลคิอการลดการบริหารการจัดการเงินสด สามารถทำธุรกรรมได้ด้วยรวดเร็วขึ้น และสามารถทำจากที่ใด ๆ ก็ได้ผ่านระบบออนไลน์
การออกสกุลเงินทั่วไป รัฐบาลของแต่ละประเทศจะเป็นผู้ออกโดยต้องมีหลักทรัพย์เช่นทองคำค้ำประกัน และพิมพ์เป็นธนบัตรออกมาเพื่อให้สามารถทำธุรกรรมได้ มีการรับรองตามกฎหมายและมีอัตราแลกเปลี่ยนทีชัดเจน ตามสถานเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และหากประเทศใดมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง ก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลเงินมีความน่าเชื่อถืมีความผันผวนน้อยและหลายๆประเทศอยากใช้ในการแลกเปลี่ยน
เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางหรือที่เรียกว่า Central Bank Digital Currency (CBDC) อย่างเงินหยวนดิจิทัล (DECP) ไม่ใช่สกุลเงินใหม่และมีกฎหมายรองรับ มีหลักการเช่นเดียวกับการออกธนบัตรทั่วไป รัฐบาลต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่แทนที่จะออกมาเป็นธนบัตรหรือเหรียญ แต่จะออกมาในรูปของดิจิทัลที่สามารถทำธุรกรรมแบบออนไลน์ได้เท่านั้น โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับเงินที่เป็นธนบัตรในสกุลเดียวกัน เช่น 1 หยวนดิจิทัล ก็จะค่าเท่ากับ 1 หยวน ประโยชน์ คือ ช่วยทำให้ลดการบริหารเงินสดและทำธุรกรรมได้ง่ายชึ้นผ่านออนไลน์
ธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีแผนการใช้ CBDC ทีเป็นเงินบาทดิจิทัลแทนเงินสด โดยได้เริ่มมีโครงการนำร่องที่ทางบริษัทปูนต์ซิเมนต์ไทย (SCG) ได้เข้าร่วมทดสอบ การใช้เงินบาทดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างคู่ค้าในซัพพลายเชน เริ่มทดสอบและพัฒนาระบบในเดือน ก.ค.2563
2
และก็ยังมี “โครงการอินทนนท์” เมื่อปี 2561 ที่ทำร่วมกับ 8 ธนาคาร ในการทดลองนำ CBDC มาใช้ในการชำระเงินล็อตใหญ่ๆ (WHOLESALE) โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางคือ ธปท.แทนที่ระบบปัจจุบันที่ทำโดย ธปท.ที่เรียกว่าระบบ “บาทเนต” (BAHTNET)
เงินสกุลดิจิทัลที่เป็น Cryptocurrency เช่น BitCoin จะแตกต่างกับ เงินสกุลทั่วไปที่ออกโดยรัฐบาลกลาง เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับตลาดมีความแปรปวนสูง มีจุดประสงค์เพื่อจะออกมาแทนที่เงินสกุลปกติ และส่วนใหญ่ไม่มีกฎหมายรองรับให้ชำระเงินได้ตามกฎหมาย
เงินสกุลดิจิทัลที่เรียกว่า Stable coin อย่าง Libra จะแตกต่างกับเงิน Cryptocurrency เช่น Bitcoin ตรงที่มีหน่วยงานที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในการออกเงินดิจิทัลมา มีอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอน แต่ก็อาจยังไม่มีกฎหมายรองรับ แต่อาจที่ใช้ชำระเงินออนไลน์ผ่านร้านค้าหรือหน่วยงานต่างๆที่ยอมรับเงินสกุลนี้ได้
การที่รัฐบาลจีนออกเงินหยวนดิจิทัลมาก็ทำให้เป็นการลดใช้ธนบัตร เกิดความคล่องตัวขึ้น แม้แต่เดิมมีระบบการชำระเงินดิจิทัลที่ใช้อย่างแพร่หลายเช่นระบบ Alipay, Wechat pay แต่ในทางอ้อมก็ยังต้องมีการโอนและเคลื่อนย้ายธนบัตรอยู่ดี
การออกเงินหยวนดิจิทัลในขั้นต้นก็ยังเป็นแค่การทดลองใช้ และคงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกันอย่างชว้าง การออกนโยบายเงินหยวนดิจิทีลส่วนหนึ่งก็อาจต้องการทำให้เกิดความคล่องตัวมาขึ้น มีการใช้จ่ายระหว่างประเทศได้ง่ายขึ้นในอนาคตและรัฐบาลจีนก็อยากจะลดการพึ่งพาสกุลเงินอื่นๆโดยเฉพาะเงินดอลล่าร์สหรัฐ
ติดตามสตอรี่ดี ๆ จาก The Story Thailand ได้ตามช่องทางเหล่านี้
#TheStoryThailand #เดอะสตอรี่ไทยแลนด์ #สตอรี่ดีๆ
โฆษณา