7 ส.ค. 2021 เวลา 04:28 • ธุรกิจ
Super Worst Case Scenario คืออะไร
1. เราคงเคยได้ยินคำพูดว่า “Expect for the Best, Prepare for the Worst” หรือ คาดหวังว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในทางที่ดี แต่เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ทางที่แย่ที่สุดไว้ แต่คำว่า “แย่ที่สุด” มันคือแค่ไหนกัน?
2. ปรากฎการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในทุกด้าน ทั้งสังคม การเมือง สาธารณสุข เทคโนโลยี ไม่เว้นแม่แต่ศาสนาที่ญาติโยมไม่สามารถไปใส่บาตรที่วัดได้ตามปกติ แต่ผลกระทบด้านหนึ่งที่สำคัญคือด้านเศรษฐกิจและธุรกิจในทุกภาคส่วน
3. ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว การบิน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องการการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เติบโตมาต่อเนื่องมาหลายสิบปีคงนึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างไปอยู่ที่ 0 คือไม่มีลูกค้าเลยได้ เหตุการณ์หนักๆ ที่ผ่านมาในอดีต เช่น ซึนามิ, ไข้หวัดนก, หรือเหตุการณ์ประท้วงทางการเมือง ฯลฯ ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนี้ เรียกว่าโควิด-19 อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ขององค์กรธุรกิจทั้งหมด
4. ในทางธุรกิจ การพยากรณ์ (Forecast) เป็นสิ่งที่หลายองค์กรทำเป็นประจำทุกปี โดยอาจอยู่ในลักษณะของแผนกลยุทธุ์ แผนงบประมาณ หรือ แผนการดำเนินงาน เป็นต้น โดยเฉพาะฝ่ายการเงินจะมีการวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (Scenario Analysis) อยู่แล้ว เช่น ถ้าสถานการณ์ปกติ รายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าสถานการณ์ดีมาก กำไรจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าสถานการณ์เลวร้ายมาก กำไรจะเป็นเท่าไหร่ เป็นต้น ภาษาอังกฤษเรามักใช้คำว่า Base Case / Best Case / Worst Case Scenario
5. แต่ละสถานการณ์ ปกติ/ดีมาก/แย่มาก จะมีการตั้งสมมติฐานไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น สถานการณ์ปกติยอดขายจะโต 5% ถ้าสถานการณ์ดีมากยอดขายโต 20% ถ้าสถานการณ์แย่มากยอดขายติดลบ 10% เป็นต้น โดยอาจมีสมมติฐานที่หลากหลายกว่ายอดขายได้ก็ได้ เช่น ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ราคาขาย ฯลฯ
6. อย่างไรก็ตาม คำว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (worst case scenario) ที่เกือบทุกองค์กรทำไว้ จะเป็นการพยากรณ์อนาคตจากข้อมูลในอดีตภายใต้สมมติฐานว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ยังเหมือนเดิม ซึ่งจุดอ่อนของการพยากรณ์แบบ Forecast คือจะไม่แม่นยำเลยหากสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนในอดีต เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งโควิด19 คือหนึ่งในสถานการณ์นั้นที่มา Disrupt ทุกอย่างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เชื่อว่ามีองค์กรเพียงน้อยรายที่ตั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (worst case scenario) ไว้ในระดับรายได้เหลือ 0
7. เมื่อเราไม่ได้คิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ในระดับที่ “เลวร้ายที่สุดของที่สุด” จริงๆ ทำให้เราไม่มีแผนการรับมือ ไม่มีแผนการจัดการความเสี่ยง ไม่มีแนวทางการปรับธุรกิจหากรายได้ในช่องทางปกติเหลือ 0 ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนกันหน้างาน ซึ่งหลายองค์กรไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลย
ผู้อ่านอาจสงสัยว่าแล้วจะมีใครที่ไหนที่เตรียมการว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วยหรือ?
8. ผู้เขียนได้อ่านรายงานการมองอนาคตของสถาบันต่างประเทศแห่งหนึ่งที่ทำไว้เกือบ 20 ปีแล้ว สถาบันนี้มองอนาคตไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดโรคระบาดทั่วโลก แล้วคนที่ติดโรคแล้วจะไม่สามารถออกจากบ้านได้เลยตลอดชีวิต โควิด19 อาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็จริง แต่มีนักธุรกิจได้ใช้ประโยชน์จากการมองอนาคตนั้นคิดธุรกิจสำหรับคนที่ต้องอยู่บ้านตลอดไปเผื่อไว้แล้ว รวมถึง Business Model รูปแบบต่างๆ เผื่อไว้แล้วว่าต้องปรับเปลี่ยน Business Model อย่างไรบ้างหากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง
9. ดังนั้น บทเรียนจากโควิด19 รอบนี้ทำให้องค์กรในทุกระดับทั้งรัฐบาล สภาอุตสาหกรรม รวมถึงองค์กรธุรกิจต่างๆ ควรต้องปรับการคิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของที่สุด (Super Worst Case Scenario) โดยไม่พึ่งพิงข้อมูลในอดีต (Forecast) แต่ใช้การมองอนาคต (Foresight) แทน ตัวอย่างเช่น ถ้าโรคระบาดโควิด19 กลายพันธุ์และกลับมาระบาดใหม่อยู่เรื่อยๆ ทุก 6 เดือนต่อไปอีก 10 ปี เราต้องทำอย่างไร
หรือเป็นด้านอื่นก็ได้เช่น น้ำท่วมกรุงเทพ, ไม่มีไฟฟ้าใช้หลายปี, หรือเหตุการณ์หลุดโลกระดับมนุษย์ต่างดาวบุกโลก ซึ่งอาจฟังดูเหมือนบ้าแต่มีคนทำ Foresight Scenario เผื่อไว้แล้วจริงๆ นะ
10. อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เลวร้ายที่สุดของที่สุด (Super Worst Case Scenario) ควรตั้งอยู่บนหลักของ Foresight ไม่ใช่มโนเอาเองโดยไม่มีหลักอะไรเลย การ Foresight จึงไม่ใช่การเดามั่วแต่มีขั้นตอนการอย่างเป็นระบบ หากผู้อ่านสนใจไว้วันหลังจะมาเล่ากระบวนการ Foresight ให้ฟังนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
บทความโดย ดร.โสภณ แย้มกลิ่น
โฆษณา