8 ส.ค. 2021 เวลา 02:41
COP26 คืออะไร ทำไมต้องรู้ ใครไม่รู้เปิดแอร์จะยิ่งไม่เย็นนะ 😅
ช่วงนี้กระแสแอร์ไม่เย็น เรียกได้ว่าเป็น Talk of the town ซึ่ง ดบสท.ไม่ได้แปลกใจเลย นั้นก็เป็นเพราะปี2020ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุด(เสมอกับปี 2016) อันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
และถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง ดบสท.เชื่อว่า จะมีอีกหลายคนต้องได้รับผลกระทบจากแอร์ที่ไม่เย็นเพิ่มขึ้นเรื่อยแน่ๆ และสิ่งนึงที่เราเริ่มทำได้ก็คือ การทำความรู้จัก COP26 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปี 2021 นี้
COP26 คือการประชุมของสหประชาชาติ(UN) เกี่ยวกับเรื่องสภาวะโลกร้อน ครั้งที่ 26 ซึ่งการประชุมในครั้งก่อนๆ ที่สำคัญช่วงที่ผ่านมาก็คือครั้งที่ 21 ในปี 2015 ที่ทำให้เกิดสนธิสัญญาปารีส(Paris Agreement) ที่ทุกประเทศร่วมกันตั้งเป้าหมายที่จะไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงเกิน 2 องศาเซลเซียส และจะยิ่งดีถ้าจะสามารถยับยั้งไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพราะถ้าเราทำไม่ได้ ก็ขอบอกเลยว่า สู่ขิตค่ะลูกสาว เพราะโลกเราจะร้อนจนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลจะสูงขึ้นจนกรุงเทพเมืองสวรรค์ของเราจะกลายเป็น Landmark ใหม่ของนักประดำน้ำ ลูกหลานเหลนโหลนของเราคงต้องอัปเปหิตัวเองขึ้นเหนือหนีน้ำท่วมใหญ่เป็นแน่ และงานวิจัยก็ออกมายืนยันว่า ประเทศไทยติดอันดับ 1ใน 10ประเทศ ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากสภาวะโลกร้อน!
2
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ผลกระทบที่จะเกิด มันไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆ อาหารการกินทุกสิ่งอย่าง การเป็นอยู่ มันคงจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะฉะนั้น นานาประเทศจึงเริ่มจริงจังมากๆ กับการร่วมมือในครั้งนี้ โดยเฉพาะ COP26 เพราะถือเป็นการประชุมเพื่อโชว์ Action plan ที่แต่ละประเทศจะทำเพื่อให้ได้บรรลุเป้าหมายที่เคยร่วมกันตั้งไว้ใน Paris Agreement
ยกตัวอย่าง EU ที่ออกร่างกฎหมาย เพื่อจะไปแถลงใน COP26 นั้นก็คือร่าง "Fit for 55" ที่ตั้งใจจะลดการปล่อยก๊าซของเสียลงถึง 55% ภายในปี 2030 เทียบกับปี 1990 ซึ่งถือว่าล้ำหน้ามากๆ เพราะจากเดิมเคยตั้งไว้แค่ 40% โดยร่างอันนี้เนี่ย จะครอบคลุมบูรณาการทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและความมั่นคงของประเทศเลยทีเดียว
และขอบอกเลยว่าร่างกฎหมายของ EU ต้องสะเทือนไปทั้งโลกแน่ๆ นันก็เป็นเพราะทั้งจีน และเมกาเองต่างก็ต้องการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม และอะไรที่ EU ประกาศว่าจะทำ ทางมหาอำนาจอย่างจีนกับเมกา ก็คงขอแสดงศักยภาพของตัวเองแข่งขันกันเต็มที่แน่ๆ
การฟาดฟันด้านสิ่งแวดล้อมนี้ เราคงจะได้เห็นนโยบายกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่ที่จะทะยอยออกมา ในลักษณะภาษีคาร์บอน ซึ่งอาจจะเก็บบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงๆ หรือภาษีคาร์บอนระหว่างประเทศที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่มีมาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ไม่ดี และนี้แหละคือสิ่งที่ไทยต้องระวัง เพราะประเทศเราพึ่งพาการส่งออกถึง 70%ของ GDP แต่ถ้าเราถูกเก็บภาษีคาร์บอนไปละก็ ของของเราจะดูแพงกว่าคนอื่นไปเลยทันที ทำให้ขายของได้น้อยลงไปอีก และดูจากสภาวะตอนนี้ที่ประเทศพังพินาศไปด้วยการบริหารและการจัดการขั้นเทพของรัฐบาลลุงตู่ ที่กระทืบเศรษฐกิจไทยจนอยู่อันดับรั้งท้ายสุดไปแล้ว การเพิกเฉยต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมอาจจะเป็นอีกหนึ่งดอกที่จะมาตอกฝาโลงให้ประเทศไทยสู่ขิตไปแล้วจริงๆ
4
ตรงสีแดงๆคือจมใต้น้ำในปี 2050 ซึ่งในภาพก็คือ กทม.ค่ะ
เพราะฉะนั้น อยากตะโกนถึงรัฐบาลลุงตู่ว่า อยากเห็นแผนยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการออกมาหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าคิดจะทำอะไรบ้าง มี Action plan อะไรที่จะช่วยให้เราบรรเทาสภาวะโลกร้อนนี้ได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้เราถูกตราหน้าว่าเป็นประเทศปล่อยของเสียจนสินค้าต้องถูกภาษีกระทบเศรษฐกิจไปอีก อย่าลืมว่าไทยมีสัดส่วนในการปล่อยของเสียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ก็คือกลุ่มน้ำมัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไทยคงเป็นอีกประเทศนึงที่ต้องถูกจับตามองแน่ๆ
5
เอ้ะ....หรือว่า....เรือดำน้ำที่ซื้อๆมานั้น.....ก็เพื่อให้พวกเราหนีน้ำท่วมกรุงเทพ😅
3
โฆษณา