8 ส.ค. 2021 เวลา 13:34 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Serepidity [โชคชะตาที่ดี?ต้องอาศัยจังหวะเวลา?]
เพิ่งดู Serepidity ทาง Netflix จบไป เคยไปอ่านรีวิวจากหลายเว็บไซต์และหลายเพจซึ่งล้วนบอกกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่อง พรหมลิขิต โชตชะตาที่โรแมนติกมากกกกกกกกกก แต่ในโพสต์นี้เราอยากนำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไปเพราะในชีวิตจริงเรื่องคงไม่สวยงามอย่างที่คิด
เกริ่นถึงเรื่องย่อกันก่อน โจนาธานและซาราห์บังเอิญหยิบถึงมือสีดำที่มีเหลือคู่เดียวภายในร้านพร้อมกันโดยบังเอิญ ทั้งสองก็คุยกันว่าใครควรจะได้ถุงมือนี้ไป สรุปคือฝ่ายโจนาธานเป็นคนได้ไปและซาร่าก็พาไปเลี้ยงขนมที่ร้าน Serepidity ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอมาก ทั้งๆที่มีแฟนกันอยู่แล้ว หลังจากกินเสร็จโจนาธานพยายามจะขอเบอร์กับชื่อเพื่อติดต่อเธอแต่ซาราห์นางเป็นคนเชื่อในพรหมลิขิตมากกกกกก เป็นเจ้าแม่สายมูเลยแหละ นางเลยพาให้โชคชะตานำพาถ้าด้วยการให้โจนาธานเขียนเบอร์ในแบงก์ถ้าแบงก์นั้นวนกลับมาหาเธอเมื่อไรเธอถึงจะคิดต่อหาเขาไป โจนาธานก็จำใจให้เธอเขียนชื่อ เบอร์โทรในหนังสือเล่มหนึ่งที่วางแผงอยู่ถ้ามันกลับมาหาเขาถึงจะติดต่อกันได้…นั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นพิสูจน์ 2 คนนี้มีดวงจะเป็นเนื้อคู่กันหรือไม่
มาถึงมุมมองของเราต่อเรื่องนี้อาจจะไม่ได้โลกสวยเหมือนในหนัง เรามองตามความเป็นจริงว่าการที่คนเราเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่หรือรู้สึกกับใครสักคน เราควรแสดงมันออกมาให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าอยากจะสานต่อความสัมพันธ์(ซึ่งถ้าหนังดำเนินมาแบบที่เราคิดทุกอย่างจะจบในครึ่งชั่วโมง)และคงน่าเบื่อไปทันที หนังจึงมีการใส่องค์ประกอบเพิ่มขึ้นมาคือตัวละครที่ 3 ที่ 4 และตัวแปรอื่นๆที่ทำให้พวกเขาต้องพยายามอย่างบ้าคลั่งในการหากันจนเจอ หนังพยายามนำเราเข้าไปในโลกของโจนาธานกับซาราห์มากจนทำให้เราลืมตัวละครที่มีเกี่ยวข้องกับ 2 คนนี้ก็คือแฟนของทั้งคู่ หลังดูจบเราก็สงสัยว่าแล้วพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งสำหรับเราแฟนของโจนาธานคงจะเสียมากแน่ๆ มันเหมือนนอกใจอ่ะคือแกเป็นคู่หมั้นฉันและเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว อย่างไรก็ตามถ้ามองในแง่ดี เธอก็ถือว่าโชคดีแล้วที่โจนาธานหายไปจากชีวิต
สุดท้ายแล้วถ้าแต่โฟกัสที่ซาราห์กับโจนาธานความรักของ2คนนี้บทจะทำให้ง่ายหนังคงจบใน 30 นาทีแต่เมื่อหนังมาใน way นี้มันเลยรู้สึกถึงคงามรักแบบ passionate คือฉันยอมทำตัวบ้าๆโง่ๆได้เพื่อเธอและตอนจบที่เหมาะกับจังหวะเวลาของทั้งคู่พอดีที่พร้อมจะเริ่มต้นในความสัมพันธ์
โฆษณา