5 ต.ค. 2021 เวลา 12:00 • หนังสือ
(รีวิวหนังสือ) สตีฟ จอบส์ อัจฉริยะพลิกโลก
"Stay Hungry Stay Foolish"
ข้อมูลทั่วไป
ต้นฉบับ : Steve Jobs: The Man Who Thought Different
ผู้เขียน : Karen Blumenthal (คาเรน บลูเมนทัล)
ผู้แปล : นรา สุภัคโรจน์
สำนักพิมพ์ : ปราณ
ราคาปก : 199 บาท
ผู้อ่าน : อ่านฉบับแปลภาษาไทย
ที่มาที่ไป : เราเคยได้ยินชื่อ สตีฟ จอบส์ ครั้งแรกเมื่อไหรกัน
ผมเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อ สตีฟ จอบส์ เลย จนถึงกระทั่งช่วงที่สมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ตอนผมเรียนชั้นมัธยมปลาย เพื่อน ๆ ผมที่มีสตางค์หน่อยก็จะห้อยน้องบีบี (Blackberry) ให้เห็นอยู่ประปราย ซึ่งสร้างความฉงนให้ผมไม่น้อยเพราะถ้าผมอยากแชทกับคนอื่นต้องรอกลับบ้านเพื่อเข้า Facebook ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือ ออน MSN เท่านั้น
2 ปีผ่านไป เมื่อผมเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย วันนั้นสมาร์ทโฟนก็กลายเป็นปัจจัย 5 ของทุกคนในวัยผมไปซะแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต, ใช้งาน Facebook, ดู Youtube หรือทำทุกสิ่งสารพัดจะนึกออกบนมือถือเครื่องเดียว
ซึ่งแน่นอนว่ามือถือที่ทรงศักยภาพและได้รับความนิยมมากที่สุดเครื่องหนึ่งนั่นก็คือ Iphone จากบริษัทสัญชาติอเมริกันชื่อดังนาม Apple นั่นเอง ช่วงนั้นคือช่วงที่ผมได้ยินชื่อ สตีฟ จอบส์ ในฐานะ CEO และนวัตกรคนสำคัญของ Apple
คงจะจริงที่ว่ามนุษย์เราไม่เคยรู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งใดอย่างแท้จริง จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป
ในชีวิตการทำงาน จอบส์ ขึ้นชื่อว่าเป็นชายผู้ไม่เคยยอมรับคำว่า ‘ไม่’ จากผู้อื่น เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจมากที่สุดคนหนึ่ง ทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่เขามีส่วนร่วม จะต้องออกมาในแบบที่เข้าต้องการเสมอ
ในที่สุดก็ถึงวันที่เขาต้องยอมรับอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยต้องการ จอบส์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนในปี 2003 ต่อมาในวันที่ 5 ตุลาคม 2011 เซลล์มะเร็งก็พรากอัจฉริยะจอมเอาแต่ใจคนนี้ไปจากพวกเรามนุษยชาติ
การจากไปของเขานอกจากจะทำให้ Apple ระส่ำระส่ายในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันชีวประวัติของเขาก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกเช่นเดียวกัน แน่นอนรวมถึงผมด้วย
ผมพบหนังสือเล่มนี้ในบ้านของตัวเองอย่างประหลาดใจ เพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของมันว่ามาอยู่ในบ้านของผมได้อย่างไร เมื่อสืบเสาะแล้วพบว่าแม่ของผมได้รับหนังสือเล่มนี้มาจากกัลยานมิตรท่านหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิด ผมเองก็หยิบจับหลายครั้ง ได้พลิกหน้าหนังสือไปมา แต่ไม่มีโอกาสลงมืออ่านเป็นจริงเป็นจัง
จนกระทั่งสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นเหตุให้ผมต้องการแท็บเล็ตที่มีปากกา Stylus สักเครื่องเพื่อทำงานแบบ WFH
พอคำนวณค่าใช้จ่ายและหาดูรีวิวมาสักระยะ ผมจึงตัดสินใจหา iPad Air 4 มาครอบครองตอนปลายปี 2020 และนั่นทำให้ชื่อ "สตีฟ จอบส์" โผล่ขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง
ผมตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านอย่างจริงจังในที่สุด
ภาพรวมของหนังสือ : การผจญภัยของของสตีฟ จอบส์
ผมยังไม่เคยอ่านชีวประวัติอย่างเป็นทางการของจอบส์ที่ วอลเตอร์ ไอแซคสัน เขียน ซึ่งเล่มนั้นถ้าใครเคยเห็นเล่มจริงก็จะพบว่าเป็นหนังสือเล่มหนาอีกเล่มที่อาจจะต้องใช้เวลาอ่านอยู่พอสมควรแต่รายละเอียดต่าง ๆ น่าจะครบถ้วนสมบูรณ์กว่า (ไว้มีโอกาสจะหามาอ่านและเขียนถึงอีกที)
ปกหนังสือชีวประวัติ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน กับความหนา 720 หน้า
แต่ “สตีฟ จอบส์ อัจฉริยะผลิกโลก” ( Steve Jobs: The Man Who Thought Different) ที่เขียนโดย คาเรน บลูเมนทัล นักข่าวสายธุรกิจผู้ติดตามธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาตลอดชีวิต ก็ได้นำเสนอชีวิตจอบส์ในรูปแบบของการเล่าเรื่องราวผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของจอบส์ตั้งแต่เกิดจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต โดยจะเล่าแต่ละเหตุการณ์อย่างกระชับ เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือสนุก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านวรรณกรรมมากกว่าชีวประวัติ โดยหนังสือจะแบ่งเป็น 3 ภาค
ปกหนังสือ สตีฟ จอบส์ อัจฉริยะพลิกโลก เล่มที่นำมารีวิว
ภาคที่ 1 การเดินทางคือรางวัลของชีวิต
ภาคแรกนี้จะเล่าถึงวัยเด็กของจอบส์ ความผาดโผนสมัยวัยรุ่น การแสวงหาความหมายของชีวิตในอินเดีย รวมไปถึงการก่อตั้ง Apple Computer ร่วมกับเพื่อนรักสตีฟ วอซเนียก จนกระทั่ง Apple Computer เริ่มประสบความสำเร็จในฐานะบริษัทคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
สตีฟ วอซเนียก (ซ้าย) , สตีฟ จอบส์ ในวัย 21 ปี (ขวา) กำลัง Apple I คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกของพวกเขา
สตีฟ จอบส์ บนปกนิตยสาร Inc. นิตยสารชื่อดังสำหรับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ
ปิดท้ายภาคด้วยการมาถึงของ IBM บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ที่เริ่มทำตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และ Microsoft ของบิล เกตส์ คู่แข่งคนสำคัญในโลกธุรกิจคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ จอบส์ ก็กำลังง่วนอยู่กับการพัฒนาโปรเจ็กสำคัญในชื่อ "Macintosh"
พอล อัลเลน และ บิล เกตส์ สองผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft เข้าพบกับ IBM ในปี 1980 และประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางกันในปี 1983 ในเวลาต่อมา คู่หู Microsoft และ IBM จะส่งผลต่อ Apple Computer อย่างคาดไม่ถึง
ภาคที่ 2 ศิลปินตัวจริงต้องรู้จักส่งมอบงาน
ภาคที่สองนี้จะเล่าถึงช่วงเวลา 10 กว่าปีที่เขาไม่ได้อยู่ที่ Apple Computer อะไรทำให้เขาต้องเก็บของและก้าวออกมาจากบริษัทที่เขาทุ่มเทสร้างมันมาทั้งชีวิต เขาได้เรียนรู้อะไรมาบ้างจากความผิดพลาดที่ผ่านมา
นอกจากนี้จอบส์ในวัยกลางคนที่เคยทุ่มเทกับ Apple Computer มาทั้งชีวิตจะรับมือกับความรับผิดชอบในฐานะ "พ่อ" และ "หัวหน้าครอบครัว" อย่างไร
สุดท้ายจอบส์จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้หรือไม่ว่า เขาคือ “ศิลปินตัวจริง” และ Apple Computer ตัดสินใจผิดพลาดที่ผลักไสศิลปินคนนี้ออกจากบ้านที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ
1
สตีฟ จอบส์ กับบริษัทคอมพิวเตอร์ใหม่ของเขา ในชื่อ NeXT Computer
เอ็ดวิน แค็ตมัล (ซ้าย) , สตีฟ จอบส์ (กลาง) , จอห์น แลสซีเตอร์ (ขวา) สามผู้ร่วมก่อตั้ง Pixar Studio และนับเป็นบิดาทั้ง 3 ของ Toy Story
ภาคที่ 3 และอีกอย่าง...
ภาคสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ เล่าถึงจอบส์ที่พบว่าตนเองเป็นโรคร้ายแบบไม่ทันตั้งตัวนัก และจอบส์ก็เลือกที่จะทำบางสิ่งบางอย่างที่เขาอาจจะไม่เคยใส่ใจมันเลยมาทั้งชีวิต
แต่จอบส์ผู้บ้างาน ก็ยังไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่สายตาชาวโลก และครั้งนี้เขาไม่เพียงปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ดังอดีตที่ Apple Computer เคยทำสำเร็จไว้ แต่นำมาสู่การเปลี่ยนชื่อเป็น Apple (ตัดตำว่า Computer ออก) และทำการปฏิวัติอีกอย่างน้อย 2 วงการนั่นคือ วงการเพลง และ โทรศัพท์
สตีฟ จอบส์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการเพลง ชื่อ iPod
และแน่นอน ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เราล้วนรู้จักมัน หลังจากนั้นชีวิตของพวกเราก็เปลี่ยนแปลงตลอดไป
ตะกอน : เมื่อมาถึงหน้าสุดท้ายย่อมเหลือข้อคิดให้พิจารณา
สุดท้ายนี้ชีวิตของจอบส์สอนอะไรผมหลายอย่างมากมาย หนังสือเล่าถึงนิสัยดีและนิสัยเสียของสตีฟ จอบส์พอ ๆ กัน ซึ่งทำให้เราเห็นว่าจอบส์ของเราคนนี้ก็ไม่ใช่พ่อเทวดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ที่ไหน
เขาเป็นมนุษย์ที่เติบโตมาแบบมีบาดแผลทางใจ ตามมาด้วยคำถามมากมายในถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่
ในการทำงานก็มีความเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ปากจัด เห็นแก่ตัว ความเย้อหยิ่งและอัตตาอันสูงส่ง นิสัยเสียเหล่านี้เป็นผลให้เขาตัดสินใจผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน และแน่นอนว่าทุกครั้งจอบส์มีราคาที่ต้องจ่ายเป็นความล้มเหลวที่ยากจะแก้ไข
แต่จอบส์ไม่เคยหยุดที่ก้าวไปข้างหน้า แม้เขาจะรู้ว่าชีวิตของเขาอาจไม่ได้ยืนยาวอย่างคนอื่น ๆ
1
แต่เขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการเป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ เขารู้จักที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดซึ่งนำไปสู่การลดอัตตาลง(บ้าง) จอบส์เป็นตัวอย่างของการพัฒนาจุดแข็งของตัวเองไปจนถึงขีดสุด
ทุกช่วงเวลาเขาทุ่มสุดตัวไปกับไอเดียของตนเองจนนำมาซึ่งความสำเร็จมากมาย จนเป็นคนหนึ่งที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้ผลักดันมนุษยชาติไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
แด่จอบส์ผู้ใช้ชีวิตเหมือนกับว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต และแน่นอนผมคิดว่าเขาคิดถูก
แล้วนั่นคือทั้งหมดที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้
จอบส์จากเราไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเรื่องราวและผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่เขาเคยรักมันดั่งชีวิต
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
- คนที่อยากรู้ชีวประวัติของสตีฟ จอบส์ แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเล่มหนา
- คนที่ไม่รู้เรื่องราวของสตีฟ จอบส์ จนกระทั่งการมาถึงของ Iphone
- คนที่มุ่งมั่นจะใช้ชีวิตตามคนอื่น ๆ โดยไม่คิดเอง (เพราะจอบส์ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง) เรื่องราวของจอบส์ในหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณต้องนั่งทบทวนใหม่
ข้อแนะนำ
- หนังสือเล่มนี้จะมีการอ้างถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมายของ Apple เพื่อให้ได้อรรถรสแนะนำให้เปิดรูปผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่หนังสืออ้างถึงไปด้วย รวมไปถึงรายละเอียดอื่น ๆ เช่น การขึ้นเวทีเพื่อแนะนำสินค้าของจอบส์ส่วนใหญ่ก็มีการบันทึกไว้, โฆษณาสินค้าของ Apple ก็สามารถหาดูประกอบได้ใน Youtube
โฆษณา