8 ส.ค. 2021 เวลา 16:15 • ไอที & แก็ดเจ็ต
พักก่อน! เลิกใช้ LINE ในที่ทำงานเถอะ บอส!!
นับว่าเป็นวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีในการทำงานที่แปลก สำหรับหลาย ๆ หน่วยงานในบ้านเราที่ใช้ LINE เป็นแอพในการทำงานเป็นหลัก ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการทำงานแต่อย่างใด
เนื่องจาก LINE เป็น application ที่ญี่ปุ่นซื้อมาจาก Naver Coperation ของเกาหลี ครูโจโจ้เคยถามเพื่อนครูที่เป็นชาวญี่ปุ่นหลายคน ไม่พบว่ามีใครใช้ LINE ในการทำงานครับ คนญี่ปุ่นจะใช้หลังจากเลิกงานเพื่อคุยกับเพื่อน นัดกันกินข้าว เรื่องส่วนตัวมากกว่า
ครูโจโจ้เองก็พยายามให้องค์กรใช้ email ในการทำงานและหลีกเลี่ยงการใช้ LINE ให้มากที่สุด เพราะตัวแอพไม่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น และมันทำให้การทำงานของตัวเราไม่ "Professional"
มากไปกว่านั้นครูโจโจ้อยากให้ LINE เป็นพื้นที่ส่วนตัว ตามวัตถุประสงค์ของมัน ใช้เพื่อคุยกับเพื่อน และ ครอบครัว ไม่อยากให้คนในองค์กรรู้สึกว่ามันคือแอพที่ใช้ทำงานครับ
จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ครูโจโจ้เคยเขียนบทความหัวข้อ "การใช้ LINE เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ"
แต่ก็ค้นพบว่า 1. ผู้ใช้ไม่มีทักษะและมารยาทในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงาน 2. แอพสามารถใช้ในการทำงานได้แบบฉาบฉวย เร่งด่วนเฉพาะกรณี ไม่ควรใช้เป็นแอพในการทำงานหลัก 3. แอพพัฒนาไปเป็นในรูปแบบ social media ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ควรเอาร่วมกับการทำงาน
2
แต่มันตายตรงไหนรู้ไหมครับ หน่วยงานราชการที่เราประสานงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นระดับจังหวัด หรือระดับประเทศ ต่างก็ใช้ LINE ในการทำงาน เช่น คำสั่งทางราชการ มีทั้งแบบพิมพ์ส่ง เป็นหนังสือราชการ PDF หรือไฟล์อื่น ๆ 😩 ... ก็เลบจำเป็นต้องใช้บ้าง
1
เมื่อทางราชการนำ หน่วยงานอื่น ๆ ก็ใช้ตามกันเป็นแถว จนกลายเป็นวัฒนธรรมการทำงานที่ผิดเพี้ยนไปหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ใหญ่บางคนหรือผู้บริหารเห็นว่ามันสะดวก รวดเร็ว ใช้ง่าย ทำให้หลงติดกับดัก เพราะมันจะทำให้เรากลายเป็นคน "มักง่าย" อย่างไม่รู้ตัว เช่น คิดอะไรออกก็สั่งการลงมา เป็นต้น ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า อะไรก็กลายเป็นเรื่องด่วนไปหมด เพราะไปติดกับดักดังกล่าว จนเราลืมเคารพเวลาผู้อื่นไป และคนที่ลำบากที่สุดคือผู้ที่รับคำสั่งนั่นเอง นี่คือผู้ใช้ไม่มีมารยาทและทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงาน มากไปกว่านั้นก็พบการส่งข้อมูลไร้สาระ ข่าวลวงข่าวลือ fake news ที่ไม่มีการคัดกรอง (จดหมายลูกโซ่ยังพบเห็นในปัจจุบันในรูปแบบดิจิตัล) ซึ่งเหล่านี้นอกจากจะสร้างความหงุดหงิดแล้ว ยังทำให้ข้อความที่สำคัญ ๆ เลื่อนขึ้นไป ซึ่งบางครั้งทำให้ยากต่อการค้นหา
1
ต่อมา ครูโจโจ้ขอพูดถึง "เหตุผลที่เราควรเลิกใช้ไลน์ในการทำงานได้แล้ว" โดยจะแบ่งเป็นประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. LINE ไม่สามารถเก็บไฟล์ได้นาน
เพียง 2 สัปดาห์ไฟล์ก็หมดอายุแล้ว และไม่สามารถใช้งานได้อีก จึงเป็นปัญหาเวลาที่สั่งงานด้วยหนังสือ PDF ตั้งแต่ต้นเดือน เมื่อเราต้องการจะกลับไปดูไฟล์คำสั่งนั้นเมื่อใกล้ ๆ สิ้นเดือนอีกครั้ง ไฟล์นั้นเปิดไม่ได้ นอกเสียจากเราจะต้อง download ไฟล์นั้นไว้ในโทรศัพท์ตั้งแต่แรก แต่นั่นก็กินพื้นที่ในโทรศัพท์ของเราไม่น้อย หากสะสมไปเรื่อย ๆ
2. ใช้พื้นที่บนเครื่องเยอะมาก
หลายท่านที่เจอปัญหาโทรศัพท์ไม่สามารถลงแอพได้แล้วเพราะว่าพื้นที่เต็ม ขอให้ทุกท่านลองดูที่ LINE นะครับ ใช้พื้นที่เยอะมาก ที่เราเขียนข้อความ ไฟล์อะไรต่าง ๆ กินพื้นที่หมด วิธีเดียวที่จะทำให้พื้นที่ในเครื่องของเราเพิ่มคือต้องล้างเครื่อง แต่ข้อความเก่าก็จะหายหมดไปด้วย (ยกเว้นอัลบั้มและ notes)
3. ระบบการ Sync แย่มาก
อย่างที่กล่าวไว้ที่ข้อก่อนหน้านี้ พอเราลงแอพใหม่ ข้อความต่าง ๆ จะหายไปหมดสิ้น ถึงแม้ปัจจุบันที่จะมีระบบ sync แต่ก็มาได้แค่บางส่วนเท่านั้น เมื่อวันหนึ่งเราซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ข้อความเก่า ๆ จะหายไปและไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้อีก สำหรับโทรศัพท์ระบบ iOS นั้นยังมีข้อดีว่าถ้าใช้ iPhone กับ iPad สามารถใช้ account เดียวทั้ง 2 เครื่องได้ แต่สำหรับ Android นั้นไม่สามารถทำได้เหมือนกับ iOS จึงจำเป็นที่จะต้องสร้าง 2 accounts แทน เนื่องจากถ้าเรา log in ในแท็บเล็ตอีกเครื่อง ระบบจะบังคับให้ log out ในโทรศัพท์ เพื่อให้ใช้ account ต่อเครื่องเท่านั้น
4. การค้นหายากลำบาก
บางครั้งเราต้องการค้นหาคำสั่งที่เขียนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ด้วยการคุยกันที่ยาวเหยียด ไร้สาระบ้าง จริงจังบ้าง มันทำให้สิ่งที่เราต้องการนั้นเลื่อนไปไกล ถึงแม้จะเครื่องมือสำหรับค้นหาแล้ว แต่ด้วยการสนทนามีหลายเรื่องปนเป ไม่เป็นหมวดหมู่ บางอย่างก็ไม่ได้ง่ายเลย
4
5. ปัจจุบัน LINE กลายเป็น Social Media ไม่ต่างกับ Facebook
ไม่ว่าจะมี timeline ให้โพสแบบ Facebook หรือแม้แต่มี Stories ไว้อัพคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่เผยแพร่เพียง 24 ชม. ดังนั้นหมายความว่า LINE นั้นถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้เพื่อเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นการแชร์เรื่องราวของตนเองให้กับกลุ่มเพื่อนและคนรู้จัก หรือแม้แต่จะเป็นการเปิดโอกาสในการหาเพื่อนใหม่ ๆ ด้วย ไม่สามารถมารวมกับพื้นที่ในการทำงานได้
6. LINE มีความเป็นส่วนตัว
จึงไม่แปลกที่คุณจะต้องเจอกับชื่อ LINE ที่บางคนตั้งชื่อแปลก ๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาไม่ได้ใช้เพื่อทำงานอย่างเดียว เขายังใช้เพื่อติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวอีกด้วย มากไปกว่านั้นบางคนก็กลับใช้โพสเหน็บแนมหรือเยาะเย้ย ซึ่งเป็นใครก็มิอาจทราบได้ หรืออาจจะเป็นคุณนั่นเองที่โดนอยู่
1
เพราะลูกเล่นของแอพมีเยอะเกิน ที่จะต้องใช้ความเป็นทางการได้ ถ้าคุณไม่อยากเจอข้อความที่เป็นมลพิษต่อจิตใจของคุณ เลิกให้ลูกน้องใช้ LINE ในการทำงานซะ
อย่างไรก็ดี จากกรณีที่แชร์ในโซเชียลเรื่องที่ครูสั่งให้นักเรียน/นักศึกษาเปลี่ยนชื่อ LINE ทั้งหมด ครูโจโจ้ขอแสดงความคิดว่า เพราะความรู้เรื่องเทคโนโลยีของครูท่านนั้นมีน้อยจึงรู้จักใช้แต่ LINE เป็นเทคโนโลยีเดียวที่ยึดเหนี่ยวในการทำงาน นอกจากไม่มีทักษะความรู้แล้วยังไม่มีมารยาท ไม่รู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ถ้าครูท่านนี้มีทักษะความรู้ 1. ท่านสามารถเปลี่ยนชื่อนักเรียนเองได้โดยไม่ต้องสั่ง 2. ท่านจะเข้าใจและเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น 3. ท่านจะใช้แอพอื่นที่มีความ professional มากกว่า เช่น Slack, Google Classroom หรือ Discord เป็นต้น
1
7. ในโลกใบนี้ไม่ได้มี LINE เพียงอย่างเดียว
เอาล่ะ ผมเข้าใจว่า LINE มันง่าย แต่เพียงเพราะพวกท่านไม่รู้จักตัวอื่นเลยต่างหาก และท่านก็ไม่รู้จักว่า LINE มันควรนำมาใช้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ประเทศที่สร้างแอพนี้ขึ้นมาเขาก็ไม่ได้ใช้ทำงาน แต่ใช้เพื่อคุยกันหลังเลิกงานมากกว่า
ต่างประเทศส่วนมากเขาใช้ WhatsApp ในการแชทคุยกัน ถ้าไปประเทศจีนก็ใช้ WeChat อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งมีการใช้งานแบบ LINE อย่างไรก็ตาม ก็หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ยุ่งความเป็นส่วนตัวโดยการใช้แอพแชทคล้าย ๆ กันแต่มีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างเช่น Slack ซึ่งเป็นที่นิยมมาก รวมถึงบริษัทยุคใหม่ในประเทศไทยก็นิยมด้วย
1
แต่ที่แน่ ๆ Email ยังคงเป็นพื้นฐานในการสื่อสารเรื่องงานอย่างเป็นทางการที่สุด และจริงจังที่สุด จากแอพแชทต่าง ๆ ที่เอ่ยมา แล้วทำไมเราจึงไม่ใช้กัน? รู้ครับว่าท่านใช้ไม่เป็น แต่ทำไมไม่เรียนรู้ล่ะ? การมักง่ายคือความหายนะมาหลายเรื่องแล้วครับ
สุดท้าย ถ้าผมถามว่าทำไมไม่ใช้ Facebook ในการทำงานล่ะ? คุณอาจจะตอบว่าเพราะมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว และไม่เหมาะสมกับการทำงาน แล้วผมถามอีกครั้งว่าแล้วตอนนี้ LINE ต่างกับ Facebook ตรงไหน? Timeline ก็ไม่ต่างอะไรกับ Facebook Feed เท่านั้นไม่พอ Stories ก็ทำตามกันมาติด ๆ
ทุกคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวและต้องการความเป็นส่วนตัวครับ การที่เรานั้นเป็นคนไม่ทันเทคโนโลยีนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันเป็นเรื่องของยุคสมัย เป็นเรื่องของ Generations ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นโปรดรับฟังคนรุ่นใหม่ที่เขาเติบโตกับเทคโนโลยีด้วยครับ
อ่านได้ที่ https://www.krujojotalk.com/2021/08/line.html
***************************************
🧡 ฝากกดติดตาม และสามารถสนับสนุนด้วยการบริจากผ่านทาง
***************************************
ติดต่อ & ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
✍สนใจเรียนภาษาอังกฤษ online ได้ที่ https://www.facebook.com/engkrujojo
โฆษณา