Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รีวิวซีรี่ส์ตามผู้ชาย
•
ติดตาม
10 ส.ค. 2021 เวลา 04:02 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"นี่ฉันเอง ฉันคือ #ยุนแฮกัง เชียวนะ"
ยุนแฮกัง
เป็นประโยคที่โดนใจป้ามากและเรียกได้ว่าเป็นวลีเด็ดของเจ้า #ฮันกือรู
หรือ #ทันจุงซัง ที่เราคุ้นเคยมาจากหนังเรียกน้ำตาสามลิตร #MoveToHeaven นั่นเอง
ทังจุนซัง ผู้รับบทเป็น ฮันกือรู Move To Heaven
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ บอกได้เลยว่าคนดูจะคาดไม่ถึงกับการแสดงที่เปลี่ยนไปของทังจุนซัง หากยังติดภาพฮันกือรูอยู่ เพราะเรื่องนี้ทังจุนซังแสดงออกมาได้ดีเกินคาดจากบทของยุนแทกัง เด็กหนุ่มกรุงโซล ที่มีความเซลฟ์ มีมาดกวนบวกกับท่าทางอวดดีมั่นใจในตัวเองเรียกได้ว่า เกินล้าน รวมทั้งยังมีฟอร์มเหลือร้าย ปากก็แข็งไม่ตรงกับใจ แต่ก้นบึ้งเบื้องลึกในจิตใจของเขานับว่าเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง สังเกตได้จากการกระทำต่างๆของเขาที่มีต่อกลุ่มเพื่อน บ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีจิตใจดี มีน้ำใจ รักพวกพ้องอย่างมาก ซึ่งทังจุนซังแสดงออกมาได้อย่างดีและทำให้ตัวละครตัวนี้เป็นตัวเอกชูโรงของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
เปิดเรื่องมาในตอนต้น คนดูอาจจะรู้สึกเนือยๆ ออกแนวเบื่อหรืออึดอัดรำคาญใจเพราะโค้ชหรือคุณพ่อของยุนแทกังนั้น ดูเป็นคนเด๋อด๋า ไม่ได้ความ แต่ป้าถือว่าเป็นการปูพรม หากดูต่อไปเรื่อยๆ จะเข้าใจถึงเรื่องราวตั้งแต่แรกเริ่ม รวมทั้งตัวละครแต่ละตัวที่ค่อยๆเพิ่มมามีบทบาท มีส่วนร่วม รวมทั้งจุดเปลี่ยนจากการอาศัยอยู่กรุงโซลเมืองหลวง แต่ต้องย้ายกลับไปอยู่ชนบทและยังเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่จะเปลี่ยนแง่มุมทั้งตัวละครเองที่เรารู้สึกไม่ชอบหรือรำคาญตั้งแต่ตอนแรก แต่ท้ายที่สุดคนดูที่ดูเรื่องนี้จะได้รับสาระ เนื้อหา และเรื่องราวๆดีๆกลับไปแน่นอน ไม่เชื่อลองอ่านเนื้อหาต่อไปที่ป้ากำลังบอกเล่า (โดยงดเว้นการสปอย เพื่อรักษาความสนุกของเรื่องไว้)
พ่อยุนแทกัง
ซีรีส์ 16 ตอนนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเด็กๆที่มีความฝันอยากเข้าร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันกีฬาแบดมินตันระดับชุมชนไปจนถึงระดับชาติ ซึ่งสำหรับโอกาสที่เขาได้รับมีเพียงโค้ชคนใหม่และการหาสมาชิกทีมแบดมินตันที่ตอนแรกไม่ครบจำนวนคนจนเกือบต้องยุบทีมทิ้ง ซีรีส์ไม่ได้เล่าถึงความโลกสวยแบบต้องมีปฏิหารย์เกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งแรกของพวกเขา แต่กลับค่อยๆเสริมเรื่องราวถึงความมานะ ความพยายามต่างๆ โดยการเล่าเรื่องราวในแบบที่ค่อยๆให้คนดูย่อยความรู้สึกเพื่อให้เข้าถึงและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร จนเกิดความผูกพันไปในเรื่องราวของพวกเขา ซึ่งไม่ใช่แค่แง่มุมของการแข่งขัน ฝึกซ้อม แต่ยังหมายถึงการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน การปรับตัวเข้าหากันทั้งๆที่ไม่ชอบขี้หน้า การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเรียกได้ว่าตลอด 24 ชั่วโมง จนทำให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ว่า เราจะโตไปด้วยกัน ติดทีมชาติไปด้วยกัน ยังไงก็จะยังเป็นทีมเดียวกัน
Racket Boys และ โค้ช
นอกจากนี้ซีรีส์ยังขยายเนื้อเรื่องไปถึงความสัมพันธ์ของเด็กๆกับชาวชุมชนในหมู่บ้านเดียวกัน รวมทั้งความรักใคร่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ซึ่งในจุดๆนี้มีทั้งเรื่องราวที่แสนจะน่าประทับใจ มีเรื่องที่ทำให้อินฟินจนทำให้ป้าถึงกับเสียน้ำตาเพราะความซาบซึ้งและตื้นตันในการเรียบเรียงเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก จะบอกว่าเป็นซีรีส์ที่เต็มอิ่มครบรสอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าหากคนดูคาดหวังเจอความหวือหวา การแข่งขันจริงจัง หรือดราม่าดุเดือดเข้มข้นจนปวดประสาท ซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีให้ขนาดนั้น เพราะ ซีรีส์เป็นแนวฟิลกู๊ดที่ทำให้คนดูได้รับความสุข อบอุ่น อิ่มเอมใจกลับไปมากกว่า
ชาวบ้านในหมู่บ้าน
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์ของการแข่งขันจะเป็นยังไง รวมทั้งบทสรุปเรื่องนี้จะแฮปปี้หรือไม่หรือแฮปปี้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ป้าได้รับสาระเน้นๆรวมทั้งข้อคิดคติสอนใจจากการดูเรื่องนี้คือ เราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กมาก่อน เราอาจเคยทำแบบนั้นมาก่อน การยอมรับ การเข้าใจ และการไม่คาดหวังจนเกินพอดี การรู้จักแพ้เป็น และคำว่าไม่เป็นไร ก็ทำให้เราสามารถเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่น่ารักและน่ายกย่องได้เช่นกัน ที่สำคัญลองเชื่อมั่นในตัวเอง ปาฏิหาริย์ที่เรียกว่า พลังใจ จะเข้ามาทำให้ตัวเรากล้าทำในทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง และทุกๆเรื่องได้ดีอย่างไม่คาดคิดเลยทีเดียว
Racket Boys
ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความชิ้นนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด หากผู้เขียนพบเห็นจะมีผลทางกฎหมายทันที
บันทึก
6
9
6
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย