11 ส.ค. 2021 เวลา 15:14
⚜️ พระกริ่งคลองตะเคียน หน้าเล็กพิมพ์สองหน้า จารพระคาถาหัวใจพระเจ้าสิบชาติ
“เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว” รอบองค์ และ ยันต์เฑาะว์ใต้ฐาน
พระกริ่งคลองตะเคียน หนึ่งในพระยอดนิยมแห่งเมืองกรุงเก่า ที่มีความแปลกแตกต่างจากพระกริ่งโดยทั่วไป ที่มักสร้างเป็นพระเนื้อโลหะ แต่สำหรับ ‘พระกริ่งคลองตะเคียน’ จะเป็นพระกริ่งเนื้อดิน ผสมผงใบลาน ว่าน 108 มวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และเกสรดอกไม้มงคล แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของพระกริ่ง คือ ด้านในองค์พระทุกองค์จะกลวง และมีการบรรจุเม็ดกริ่งเข้าไป เวลาเขย่าจะเกิดเสียงดังเช่นเดียวกัน ด้านพุทธคุณนั้นเป็นเลิศเป็นที่ปรากฏ โดยเฉพาะด้านเขี้ยวงา จนโบราณาจารย์ มีคำเปรียบเปรยไว้ว่า ... หน้าใหญ่ ไหล่ยก อกตํ่า ผิวดำสนิท กันเขี้ยวขออสรพิษ ต้องคลองตะเคียน …
ผู้สร้าง
จากพุทธลักษณะขององค์พระสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระในสมัยอยุธยายุคปลาย ซึ่งสร้างโดยพระเกจิผู้เรืองวิทยาอาคม ทั้งยังเป็นการสร้างโดยพระเกจิรูปเดียวอีกด้วย เนื่องจากลายมือในการจารยันต์อักขระเป็นลายมือเดียวกัน
การค้นพบ
พระกริ่งคลองตะเคียน มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่บริเวณตำบลคลองตะเคียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นตำบลเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นชุมชนของชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูที่มาทำการค้าในอยุธยา ใช้เป็นที่พำนักอาศัย ตำบลคลองตะเคียนนี้จะมีลำคลองใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยมีต้นตะเคียนขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บริเวณปากคลองด้านทิศตะวันออก จึงเรียกคลองนี้ว่า “คลองตะเคียน” และได้เรียกชื่อตำบลตามชื่อลำคลองว่า “ตำบลคลองตะเคียน” ต่อมา
มีการแตกกรุครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยพบองค์พระกระจายอยู่ทั่วไป และบริเวณวัดประดู่ ที่เรียกขานว่า “พระกริ่ง” คงเป็นด้วยลักษณะขององค์พระซึ่งเมื่อเขย่าแล้วจะเกิดเสียงดัง ส่วนคำว่า “คลองตะเคียน” คือแหล่งกำเนิดที่พบองค์พระครั้งแรกนั่นเอง
เนื้อหามวลสาร
พระกริ่งคลองตะเคียน เป็นพระกริ่งเนื้อดินเผา ที่มีกรรมวิธีการสร้างที่ซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เนื้อขององค์พระจะมีความแกร่งและมันหนึก เนื้อหามวลสารประกอบด้วยเนื้อดินเป็นหลัก นำมาผสมกับผงใบลาน, ว่าน 108, มวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และ เกสรดอกไม้มงคล แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของพระกริ่ง คือ ด้านในขององค์พระทุกองค์จะกลวง และมีการบรรจุเม็ดกริ่งเข้าไป ทำให้เวลาเขย่าจะเกิดเสียงดังเช่นเดียวกัน และด้วยมวลสารที่ผสมเป็นองค์พระมีผงใบลานเผาผสมอยู่ด้วย จึงทำให้เนื้อขององค์พระออกสีดำมัน โดยแบ่งแยกสีได้เป็น 3 สี คือ สีดำ สีเขียวอมเทา และ สีเหลืองอมเขียว
พุทธลักษณะ
พระกริ่งคลองตะเคียน เป็นพระที่มีพุทธลักษณะงดงาม แลดูเข้มขลัง องค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนืออาสนะฐานสูง ภายใต้ต้นโพธิ์ มีใบโพธิ์ปกคลุมเป็นร่มเงาคล้ายๆ กับ “พระคง ลำพูน” สามารถแบ่งแยกพิมพ์ออกได้เป็น 4 พิมพ์ คือ
1. พระกริ่งคลองตะเคียน พิมพ์หน้าใหญ่ ไหล่ยก
2. พระกริ่งคลองตะเคียน พิมพ์สองหน้า
3. พระกริ่งคลองตะเคียน พิมพ์หน้าเล็ก
4. พระกริ่งคลองตะเคียน พิมพ์ปิดตา
พุทธคุณ
พระกริ่งคลองตะเคียน มีพุทธคุณเป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี เป็นที่ปรากฏเลื่องลือมาแต่โบราณ โดยเฉพาะในเรื่อง ‘เขี้ยวงา’ นั้น ถือว่าสุดยอด จนโบราณาจารย์มีคำกล่าวเปรียบเปรยถึง “พระกริ่งคลองตะเคียน” ไว้ว่า “หน้าใหญ่ ไหล่ยก อกตํ่า ผิวดำสนิท กันเขี้ยวขออสรพิษ ต้องคลองตะเคียน”
ขอบคุณข้อมูล : สัปดาห์พระเครื่อง / ราม วัชรประดิษฐ์
**************************************************
คาถาหัวใจพระเจ้าสิบชาติ “เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว”
10 อักขระศักดิ์สิทธิ์อานุภาพแรง “คาถาหัวใจพระเจ้าสิบชาติ” โบราณจารย์ว่าไว้ สวดเป็นประจำ จะไม่ขาดแคลนทรัพย์ ปรารถนาสิ่งใดย่อมสำเร็จ
มนต์คาถาที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างยาวนานนั้นมีหลายบทด้วยกัน ซึ่งล้วนแต่ทรงอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ให้ปรากฎหนึ่งในนั้นคือ
คาถาหัวใจทศชาติ หรือ หัวใจพระเจ้าสิบชาติ ซึ่งเป็นชื่อย่อของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันทั้ง 10 พระชาติที่บำเพ็ญบารมีในฐานะพระโพธิสัตว์ โดยบำเพ็ญบารมีทั้ง 10 ประการ ใน 10 ชาติ ได้แก่
เต ย่อมาจาก พระเตเมีย์ บำเพ็ญในด้าน เนกขัมมะบารมี
ชะ ย่อมาจาก พระมหาชนก บำเพ็ญด้าน วิริยะบารมี
สุ ย่อมาจาก พระสุวรรณสาม บำเพ็ญด้าน เมตตาบารมี
เน ย่อมาจาก พระเนมีราชย์ บำเพ็ญด้าน อธิษฐานบารมี
มะ ย่อมาจาก พระมโหสถ บำเพ็ญด้าน ปัญญาบารมี
ภู ย่อมาจาก พระภูริทัต บำเพ็ญด้าน ศีลบารมี
จะ ย่อมาจาก พระจันทกุมาร บำเพ็ญด้าน ขันติบารมี
นา ย่อมาจาก พระนารทพรหม บำเพ็ญด้าน อุเบกขาบารมี
วิ ย่อมาจาก พระวิฑูรย์บัณฑิต บำเพ็ญด้าน สัจจะบารมี
เว ย่อมาจาก พระเวสสันดร บำเพ็ญด้าน ทานบารมี
คาถาหัวใจทศชาติ หรือหัวใจพระเจ้าสิบชาติ คือ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
เป็นบทสวดภาวนาที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยโบราณจารย์ได้กล่าวถึงอานุภาพไว้มากมายหลายประการ ทั้งเกิดความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นด้านโภคทรัพย์ ไม่ขาดแคลนในทรัพย์สินเงินทอง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง หรืออธิษฐานตามความปรารถนา เนื่องจากเป็นการขอพึ่งบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ที่ได้บำเพ็ญมาอย่างยิ่งยวดตลอด 10 ชาติ
สำหรับคาถาหัวใจทศชาติ หรือหัวใจพระเจ้าสิบชาตินั้น ควรหมั่นสวดอยู่เป็นประจำด้วยจิตตั้งมั่นและศรัทธา ใครที่มีอุปสรรคด้านการเงิน การงานและต่างๆ ปรารถนาให้พ้นภัย ให้ภาวนาคาถานี้ทุกๆวัน เชื่อว่าบารมีของพระโพธิสัตว์ในครั้งที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้ทรงบำเพ็ญมาอย่างยิ่งยวดแล้วนั้น จะช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผู้ศรัทธาได้ตามความปรารถนา ถือว่าเป็นพระคาถาแห่งความสำเร็จก็เป็นเช่นนั้น
**************************************************
ยันต์เฑาะว์ (ยันต์ฑ้อ)
ยันต์นี้ เรียกให้ถูก คือ "ยันต์ฑ้อ" อ่านแบบเสียงโบราณ เกิดจาก อักขร ฑะ แบบตัวอักษรเขมร แล้วทำการวน หากวนกลมรอบตัวเองไป กลายเป็น ยันต์ฑ้อมหาอุด หากขด บนสลับล่าง จะเรียกว่า ยันต์ฑ้อมหาพรหม และมีรูปแบบอื่นๆอีกมาก
ยันต์เฑาะว์ มีรูปแบบมากมายหลายแบบ เช่น "ยันต์เฑาะว์พุทธะ" "ยันต์เฑาะว์พุทธคุณ" "ยันต์เฑาะว์อะระหัง" ยันต์เฑาะว์นี้ เป็นยันต์แก้วสารพัดนึก เป็นของวิเศษที่มีพุทธคุณสูงมากพระธรรมในพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ล้วนสรุปรวบยอดลงในยันต์เฑาะว์ตัวเดียวนี้ ตามตำนานแล้วกล่าวว่า พระฤษี 108 ตนเป็นผู้ชักยันต์นี้ขึ้นมา จึงมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ยันต์เฑาะว์ พุทธคุณพลิกแพลงใช้ได้สารพัด แล้วแต่ครูบาอาจารย์จะเรียนสูตรไปทางด้านไหน เด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย ขับไล่ภูติผีปีศาจ เจรจาค้าขาย มหาอุดหยุดลูกปืน แก้โรคภัยไข้เจ็บทั้งภายในและภายนอก ด้วยการพิมพ์ยันต์ลงบนผ้าปิดตามจุดที่ปวดเช่น ปวดหัว ปวดบวมตามร่างกาย ก็หายสิ้นแล
**************************************************
ตำนานพระกริ่งคลองตะเคียน กรุงศรีอยุธยา
ล้านนากับอยุธยา รบกันมาตั้งแต่สมัยขุนหลวงพะงั่ว กษัตริย์องค์ที่ ๓ ของกรุงศรีอยุธยา ด้วยมีพม่าคอยแทรกแทรง เพราะถ้าพม่าได้ล้านนา แล้วส่งกำลังตีหัวเมืองเหนือทั้งหมดไม่ให้ส่งกำลังมาช่วยอยุธยา พม่าจะไหลบ่าทัพลงมาตามแม่น้ำเข้าล้อมพระนครได้ง่าย ดังนั้นบูรพกษัตริย์ของอยุธยา จึงต้องไปตั้งกำลังอยู่ที่เมืองสองแควพิษณุโลกเพื่อป้องกันราชอาณาจักร..
ยุทธศาสตร์เช่นนี้ ทำกันมาแต่แรกโดยเฉพาะในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ กษัตริย์อยุธยาองค์ที่ ๘ พระองค์ทรงประทับอยู่เมืองสองแคว เพื่อรบกับพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาองค์ที่๙แห่งราชวงศ์มังราย ถึง๒๐ปี จนเหมือนสยามประเทศมีเมืองหลวง ๒ เมืองพร้อมกัน คือพิษณุโลก กับอยุธยา..ในประมาณช่วงปี พ.ศ.๒๐๐๐
จนถึงสมัยพระเจ้ามังระ ทรงส่งเนเมียวสีหบดียกทัพพม่า ไปผสมทัพกับล้านนาที่มีแม่ทัพพม่าคือโปมะยุง่วนยึดเชียงใหม่ไว้ได้ ใช้เวลา๒ปีจึงตีหัวเมืองเหนือได้ทั้งหมดแล้วไหลบ่าทัพลงมา แบบไม่มีใครต่อต้าน เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา โดยนัดพบกับทัพของมังมหานรธา ที่ตีหัวเมืองใต้ตะลุยขึ้นมา นัดพบกันแบบยุทธศาสตร์คีมหนีบ ในปี พ.ศ.๒๓๑๐
นักวิชาการสมัยใหม่พบหลักฐานว่า เป็นกระบวนการจัดตั้งทางการทหารของพม่า อย่างเป็นระบบที่สุดของพระเจ้ามังระ ไม่ได้เป็นการรบแบบกองโจรแต่อย่างใด ด้วยมีหลักฐานทางพม่าชัดเจนว่า เนเมียวสีหบดียกไปรวมผสมทัพกับล้านนาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๓๐๗ เพื่อเข้าตีอยุธยาในปี พ.ศ.๒๓๐๙ แล้วมาสำเร็จในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๓๑๐
ถ้าพระเครื่องเล่าเรื่องได้ พระเครื่องเนื้อดำสนิท ทั้ง ๒ องค์นี้ คงเล่าให้เราฟัง ถึงช่วงที่พม่าล้อมพระนครอยู่ ๑๔ เดือนนั้น บรรดานักรบดาบสองมืออยุธยาได้ขอให้ครูบาอาจารย์จอมขมังเวทย์ แถบคลองตะเคียน ได้สร้างพระเครื่องเพื่อรับศึกเนเมียวสีหบดีศึกเหนือ กับมังมหานรธาศึกใต้ ครูบาอาจารย์ท่านได้นำที่สุดของศาสตร์พระเครื่องคงกระพัน นั้นคือ การรบระหว่างอยุธยากับล้านนามาตลอดนั้น เป็นที่ตระหนักว่า ในยอดธงของทัพล้านนา มี”พระคงดำ ลำพูน” บรรจุอยู่คุ้มครองทั้งกองทัพ เป็นที่ประจักษ์ในด้านความคงกระพัน ทัพล้านนานั้น แทงฟันไม่เข้า ด้วยพระองค์สีดำที่ได้จากลำพูน จึงเรียกว่า ..พระคง
พระเกจิอาจารย์แห่งคลองตะเคียน จึงสร้างพระเนื้อดำเป็นมันสนิท โดยวิวัฒน์มาจากพระคงดำลำพูน แห่งล้านนา แล้วดึงปรียอดให้แหลมเรียวสูงขึ้น บรรจุเม็ดกริ่งพุทธคุณไว้ภายใน ที่สำคัญ ครูบาอาจารย์ผู้สร้างได้กำหนดจิต แล้วจารหลังพระ ทีละองค์ ทีละองค์..ถือเป็นสุดยอด แห่งศาสตร์คงกระพันชาตรี ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาให้นักรบดาบสองมือ พันใส่ผ้าประเจียด เป็นพระเครื่องที่นักรบไทยใช้ออกรับศึก ..เป็นศึกสุดท้ายของอยุธยา
นักเลงพระรุ่นคุณปู่ พบพระเนื้อดำเป็นมันสนิท มีจารหลังพระทุกองค์ไม่ซ้ำกัน อยู่ตามวัดร้างแถบคลองตะเคียนอยุธยา ที่ขึ้นมากที่สุดคือกรุวัดโคกจินดา ริมคลองตะเคียน เมื่อนำไปแขวน เกิดพุทธคุณด้านคงกระพันเป็นเลิศ เป็นที่นิยมในหมู่นักบู๊ยิ่งนัก จึงเรียกกันตามที่ค้นพบพระที่คลองตะเคียน ว่า “พระกริ่งคลองตะเคียน”
พระกริ่งคลองตะเคียน เป็นพระเครื่องที่มีความโดดเด่น เป็นที่นิยมของนักสะสมมาแต่โบราณพระกรุยุคเก่า ที่มีชื่อเสียงมากสมัยสงคราม ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก่อนพระสมเด็จ วัดระฆัง ด้วยอานุภาพปรากฏด้านคุ้มครองป้องกันภัย อยู่ยงคงกระพันชาตรี สูงตามความต้องการของยุคสมัย... เล่ากันว่าในอดีต ผู้ที่มี พระกริ่งคลองตะเคียน เคยมีคนเอา พระสมเด็จฯวัดระฆัง มาแลกไม่ยอม…
#ThaisAmulets
#泰国护身符
พระกริ่งคลองตะเคียน #ThaisAmulets
ThaisAmulets
โฆษณา