13 ส.ค. 2021 เวลา 08:48 • ท่องเที่ยว
ครั้งเดียวในชีวิต .. ที่พิชิตโค้งหักศอกมหากาฬบนถนนลอยฟ้าของตองยี
หลายวันที่เรารื่นรมย์ไปตามสายน้ำในทะเลสาบอินเล ชมบัลเลย์ในสายน้ำของชาวอินทา และอิ่มอร่อยกับบะหมี่รสแซ่บของชาวรัฐฉาน … ถึงเวลาที่เราต้องกล่าวอำลาเมืองนี้แล้ว
เราพบว่าไม่มีรถโดยสารจากยองชเวตรง (Nyaungshwe) ไปที่เมืองพะโค (Baco) หรือเมืองหงสาวดี จุดหมายปลายทางถัดไปของเรา วิธีเดียวในการเดินทางโดยรถโดยสาร คือต้องไปดักรอรถที่มาจากเมืองตองยี (Taunggy) เมืองหลวงของรัฐฉาน ที่มีจุดหมายปลายทางที่กรุงย่างกุ้ง … ซึ่งหมายความว่าเราต้องลงกลางทาง แล้วไปต่อรถที่พะโค มุ่งหน้าไปที่ ไจ่ทิโย เพื่อสักการะพระธาตุอินทร์แขวน … ฟังดูไม่ง่ายนัก ด้วยอุปสรรคด้านการสื่อสาร แต่ก็คงไม่ยากจนเกินไป (ฉันหวังไว้เช่นนั้น)
เราจองตั๋วรถจากเกสเฮ้าส์ และออกเดินทางจากที่พักในเมืองยองชเวราวๆบ่ายโมง โดยชายหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้านพักขับรถมาส่งที่สามแยกของถนนใหญ่ ห่างจากที่เราพักราว 20 กิโลเมตร เพื่อดักรถที่มาจากเมืองตองยี
เรารอรถที่สามแยกอยู่พักใหญ่ รถที่มาจากตองยีแวะมารับเราขึ้นรถ …
เนื่องจากเราต้องลงกลางทาง จึงแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานและคนขับรถ และขอให้เตือนและรถจอดให้เมื่อถึงพะโค
เราไม่ค่อยรู้สึกว่าเมืองยองชเวที่เราจากมานั้นอยู่สูงแค่ไหน แม้อากาศในช่วงเช้าช่วงเย็นจะหนาวบ้าง มีละอองหมอกปกคลุม แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากที่อื่นๆมากมายนัก … จนกระทั่งเรานั่งอยู่ในรถขณะที่รถแล่นไปตามถนนดินแคบๆ ที่มีโค้งหักศอกที่น่ากลัว …
ความน่ากลัวของถนนสายนี้อยู่ที่โค้งหักศอกที่ว่านี้มันสั้นเสียจนเมื่อรถตีโค้งหักศอกไปแล้ว ยังไม่ทันที่จะตั้งลำให้ดีก็มีโค้งต่อไปรอรับอีกแล้ว เป็นอย่างนี้อยู่นานมาก จนเรารูสึกว่ารถแกว่งไป แกว่งมาเหมือนนั่งอยู่ในเปลยังไงยังงั้น … เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงบนทางมหากาฬนี้จึงรู้สึกเหมือนชั่วกัลป์ชั่วกัลป์สำหรับฉันทีเดียว
ฉันเคยนั่งรถผ่านโค้งที่แม่ฮ่องสอนมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงโค้งมากมายกว่า 3 พันโค้งจากวังเวียงมุ่งสู่หลวงพระบาง … แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีครั้งไหนที่จะกังวลเท่าการเดินทางในพม่าครั้งนี้ สภาพถนนที่เลวร้าย ทำให้ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่โชคดีที่คนขับรถดูจะชำนาญทางเป็นอย่างดี ประคับประคองรถและคนโดยสารลงมาจากเขาได้ตลอดรอดฝั่ง
ฉันอยากจะกลับมาที่ยองชเวอีกครั้งในช่วงออกพรรษา เพื่อไปดูงานประจำปีสำคัญที่สุดของชาวพุทธที่นั่น คืองานแห่พระทางน้ำโดยเรือการเวกที่จะไปแวะตามหมู่บ้านต่างๆแห่งละ 1 วัน และงานแข่งเรือในแบบฉบับของชาวอินทา ในทะเลสาบอินเล … คราวหน้าคงต้องใช้บริการของสายการบินพม่าแทนรถโดยสารท้องถิ่นแล้วค่ะ
จากยองชเว ถึงหงสาวดี
รถโดยสารแล่นออกจาดยองชเวตั้งแต่บ่าย 3 โมง เรานั่งบ้างหลับบ้างมาตลอด ผ่านเมืองต่างๆของพม่าหลายเมือง จนใกล้รุ่งสาง รถจอดข้างถนนที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา ฉันมองเห็นพนักงานประจำรถเปิดช่องข้างรถลากกระเป่า 2-3 ใบออกมาวางไว้ข้างถนน เดินไปคุยกับรถเก๋งรุ่นเก่ามากๆ 2 คันที่จอดอยู่ในเงามืดผสมหมอก
สุกครู่เดียวพนักงานคนนั้นก็ขึ้นรถตรงมาที่เรา แล้วส่งภาษาพม่าที่เราฟังไม่ออก แต่มีคำว่า Bago อยู่ในประโยคที่เขาพูด แล้วชี้ให้เราดูเป้ของเราบนถนน … เราถึงบางอ้อว่า นี่คงเป็นจุดที่เราต้องลงจากรถเพื่อนั่งรถคันใหม่ไปที่ไจ่ก์ทิโย
เราบอกคนขับรถเก๋งว่าเราต้องการไปที่สถานีขนส่งที่เมืองพะโค พร้อมกับถามราคาค่าโดยสาร ราคาค่าโดยสารค่อนข้างแพงเอาเรื่อง เขาบอกว่าต้องขับรถไปไกลเกือบ 30 กิโลเมตร เราจึงถึงบางอ้อว่า รถโดยสารคงขับเพลิน เลยเมืองพะโคมาไกลแล้ว ก่อนจะนึกได้ว่าจะต้องจอดให้เราลง … เราไม่มีทางเลือก ต้องยอมตกลงตามราคาที่ชายคนนั้นเรียกร้อง เพราะกลางถนนที่เปลี่ยวปราศจากผู้คนเช่นนี้ ยังมองไม่เห็นทางว่าจะหารถคันอื่นจากที่ไหนเข้าไปที่พะโค …
เรานั่งรถมาพักใหญ่ผ่านเมืองและหมู่บ้านหลายเมือง มองเห็นชาวบ้านแบกจอบ แบกเสียมเดินตามทาง และพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาตโปรดสัตว์ยามเช้า
นั่งมาได้สักครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดส่งเราที่สถานีขนส่งของพะโค เราต้องซื้อตั๋วโดยสารในราคาค่าโดยสารเต็มจาก ย่างกุ้ง-ไจ่ก์ทิโย โดยไม่ได้รับส่วนลดแม้จะขึ้นกลางทาง (ไจ่ก์ทิโย อยู่ระหว่างกึ่งกลางของเมืองพะโค และมะละแหม่ง เมืองหลวงของรัฐมอญ) ในอดีตพื้นที่แถบนี้เป็นสีชมพูค่อนไปทางแดง มีการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลทหารของพม่าอยู่บ่อยครั้ง แต่เดี๋ยวนี้การเดินทางปลอดภัยค่ะ
เมืองพะโค (Bago) หรือหงสาวดี อยู่ห่างจากย่างกุ้งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราวชั่วโมงเศษ … หงสาวดีเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรมอญและพม่า
ตำนานเก่าแก่เล่าว่า เดิมเมืองนี้มีพื้นที่ขนาดเล็กมาก หงส์ผัวเมียคู่หนึ่งบินผ่านมาและแวะพักที่นี่ ด้วยขนาดพื้นที่ที่จำกัด หงส์ทั้งคู่ไม่สามารถยืนด้วยกันบนเกาะได้ ตัวผู้จึงต้องให้ตัวเมียยืนบนหลังของมัน จึงจะยืนอยู่บนเกาะได้พอดิบพอดี ปัจจุบันเมืองหงสาวดีจึงมีสัญลักษณ์เป็นหงส์ตัวเล็กเกาะหลังหงส์ตัวโต
ในเมืองหงสาวดีมีสถานที่สำคัญที่น่าเที่ยวหลายแห่ง แต่เราไม่มีเวลาพอเลยไม่ได้แวะไป
รถโดยสารจากย่างกุ้งมาแวะที่สถานีขนส่งพะโคช้าไปกว่าเวลาคาดหมายเกือบ 3 ชั่วโมง แถมราคาค่าโดยสารที่คนขายบอกว่าเป็นตั๋วที่มีที่นั่งก็ไม่ใช่อีก เราต้องนั่งบนเก้าอี้เสริมกลางทางเดิน แต่ก็ยังดีกว่าคนพม่าอีกหลายคนที่ต้องยืน
นั่งรถมามากกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายที่ ไจ่กฺทิโย … แว่บแรกที่เห็น ไจกฺทิโย เป็นเมืองที่คึกคักมากทีเดียว มีรถประจำทางและรถสารพัดรูปแบบเข้ามาที่เมืองนี้ตลอดเวลา ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ เดินกันขวักไขว่ บ้างก็มีไม้เท้าอยู่ในมือ บ้างจูงมือลูกหลานเดิน หรือแวะทานอาหารกันอย่างเอิกเกริก
“มีที่พักหรือยังครับ? เรามีที่พักสะอาด ราคาหลายระดับไว้บริการนะครับ ให้ผมช่วยถือกระเป๋าไปดูที่พักกันนะครับ” ชายหนุ่มอายุราว 29-30 ปี หน้าตาสะอาดสะอ้านตรงเข้ามาทักทายถามไถ่ พร้อมกับกุลีกุจอช่วยถือกระเป๋า … แต่เห็นหน้าตาดีๆ อายุยังน้อยอย่างนี้ก็เถอะ ปากแดงเพราะเคี้ยวหมากค่ะ เลยดูหมดราคาไปเลย (ในสายตาเรา)
เราถามชื่อของที่พัก พอทราบว่าอยู่ในรายการที่เราจดมา เราเลยเดินตามชายหนุ่มคนนั้นไป … หลังจากดูสภาพห้องพักแล้วใช้ได้ค่ะ เราเลยตกลงที่จะพักที่นี่ในราคาคืนละ 15 USD
เนื่องจากเรามาถึงช้ากว่ากำหนดไปมาก เราเลยถามปรึกษาหนุ่มพม่าคนนั้นถึงช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเดินทางขึ้นไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวน … เขาแนะนำว่าเราควรจะพักผ่อน แล้วค่อยเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น จึงจะไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาที่ต้องรีบกลับให้ทันรถเที่ยวสุดท้ายที่จะลงจากเขา
หลังจากที่ทบทวนเรื่องเวลา และตารางรถโดยสารที่จะเดินทางกลับไปที่ย่างกุ้ง เราตัดสินใจว่าจะเดินทางขึ้นไปกราบพระธาตุอินทร์แขวนในช่วงบ่ายวันนี้เลย เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้สามารถออกเดินทางต่อโดยไม่ต้องพะวักพะวนกับข้อกำหนดเรื่องเวลา
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา