14 ส.ค. 2021 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
มหากาพย์ เส้นทางของ Dior รอยร้าวกับ YSL สู่จุดเริ่มต้นของอาณาจักร LVMH
Dior หนึ่งในแบรนด์หรูระดับโลก ที่ชีวิตของผู้ก่อตั้งอาจไม่ได้หรูหรานัก
แม้จะเกิดในตระกูลที่มีฐานะ แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว
ต้องเผชิญความสูญเสียอยู่หลายครั้ง กว่าจะได้เดินตามฝันก็อายุมากแล้ว
ที่สำคัญคือ ครองความสำเร็จอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องมาด่วนจากโลกนี้ไป
6
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของแบรนด์ Dior กลับไม่ได้จบตามชีวิตของ Christian Dior ผู้ก่อตั้ง
2
เกิดอะไรขึ้นระหว่าง Dior และ Yves Saint Laurent ?
แล้ว Dior กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักร LVMH ได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
1
เราจะเริ่มกันที่เส้นทางก่อนจะมาเป็น Dior
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dior คือ คุณ Christian Dior
2
คุณ Christian Dior เป็นลูกชายในตระกูลค้าปุ๋ยที่ร่ำรวย ของประเทศฝรั่งเศส
เขาชื่นชอบศิลปะมาตั้งแต่วัยเด็ก และฝันอยากที่จะเป็นสถาปนิก
แต่ครอบครัวของเขา กลับต้องการให้คุณ Christian Dior เติบโตไปเป็นนักการทูต ดังนั้นในปี 1925 เขาในวัย 20 ปี จึงได้เข้าเรียนด้านรัฐศาสตร์ ที่ École des Sciences Politiques
2
แต่หลังจากเรียนจบ เขากลับไม่ยอมเลือกเดินไปตามทางที่ครอบครัวปูไว้ให้
คุณ Christian Dior ได้หันมาเปิดแกลเลอรีเล็ก ๆ โดยอาศัยเงินทุนที่ขอยืมมาจากครอบครัว ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า “ห้ามมีชื่อของตระกูล Dior” เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้
1
แต่แกลเลอรีของคุณ Christian Dior ก็มีโอกาสได้วางขายผลงานของศิลปินชื่อดังหลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นก็คือ ปาโบล ปิกัสโซ
2
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมรสุมในชีวิตของคุณ Christian Dior ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
1
เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่หรือ The Great Depression ทำให้ในปี 1931 เขาต้องจำใจปิดกิจการแกลเลอรีของเขาลง
1
และก็เรียกได้ว่าเป็นอีกปีที่ชีวิตของเขาตกต่ำสุด ๆ เพราะนอกจากจะเสียธุรกิจที่รักไปแล้ว ยังต้องสูญเสียทั้งพี่ชายและแม่ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน รวมทั้งธุรกิจของครอบครัวก็ดันมาล้มละลายในช่วงเวลานี้อีกด้วย
2
แต่นี่กลับเป็นโอกาสให้คุณ Christian Dior เดินเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว
2
เขาเริ่มจากการรับจ้างออกแบบไปเรื่อย ๆ ซึ่งด้วยความที่ชื่นชอบด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ประกอบกับพรสววรค์ที่มีในตัว ผลงานของคุณ Christian Dior จึงได้ไปเข้าตาดีไซเนอร์ชื่อดัง และได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ช่วยของ Robert Piguet
3
แม้ว่าด้วยวัย 30 กว่าปี จะเป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างช้า แต่เขาก็ค่อย ๆ พิสูจน์ตัวเองจากการสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้ชื่อเสียงของคุณ Christian Dior เป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ขณะที่เส้นทางชีวิตของเขากำลังจะไปได้สวย ทุกอย่างก็กลับสะดุดลงอีกครั้ง
เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุอย่างดุเดือด ทำให้เขาถูกเรียกไปเป็นทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1
กว่าจะได้ปลดประจำการ ก็ปี 1940 ซึ่งอายุของคุณ Christian Dior ก็ย่างเข้า 35 ปีแล้ว
3
แต่เขาก็ยังกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เข้าทำงานกับอีกหนึ่งดีไซเนอร์ชื่อดัง Lucien Lelong ก่อนจะมาเริ่มต้นแบรนด์ของตัวเอง ในช่วงปลายปี 1946 ด้วยอาศัยการสนับสนุนเงินทุนของ Marcel Boussac พ่อค้าผ้าฝ้ายรายใหญ่
2
หลังจากนั้น 3 เดือน แบรนด์ Dior ก็ได้ออกคอลเลกชันแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1947 และก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น “New Look” หรือสไตล์ที่เป็น “โฉมใหม่” ของวงการแฟชั่นเลยทีเดียว
2
ด้วยการนำเสนอที่แปลกใหม่แต่ยังหรูหรา จนอาจเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นในสมัยนั้น ทำให้ Dior สร้างชื่อได้ภายในเวลาไม่นาน
ชุดของ Dior ได้รับความสนใจจากเซเลบริตีคนดัง ไปจนถึงราชวงศ์อังกฤษ ที่ถึงขั้นเชิญตัวเขาเข้าวังแบบส่วนตัว
2
ในขณะเดียวกัน Dior ก็มีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้ำหอม Miss Dior อันโด่งดัง ที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
1
ต่อมาในปี 1955 คุณ Christian Dior ก็ได้พบกับคุณ Yves Saint Laurent วัย 19 ปี ที่เขาเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์
2
และด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น ทำให้หลังจากนั้นเพียง 2 ปี คุณ Christian Dior ก็ไปพบกับคุณแม่ของคุณ Yves Saint Laurent เพื่อบอกว่าจะให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของแบรนด์
4
แม้ว่าจะดูเร็วไปสำหรับคนที่อายุเพียง 52 ปี ที่จะมองหาผู้สืบทอด แต่ก็ดูเหมือนว่าคุณ Christian Dior จะรู้ล่วงหน้า เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขาก็ด่วนจากไป จากอาการหัวใจวาย
2
ซึ่งเท่ากับว่าคุณ Christian Dior อยู่กับความสำเร็จของแบรนด์ ที่สร้างมากับมือแค่ 10 ปีเท่านั้น..
2
แน่นอนว่า เรื่องราวของแบรนด์ Dior ยังไม่จบเพียงเท่านี้
เพราะหลังจากนั้นคุณ Yves Saint Laurent ในวัย 21 ปี ก็ได้มารับช่วงต่อในฐานะหัวหน้าดีไซเนอร์ของแบรนด์ต่อจากคุณ Christian Dior
3
โดยคอลเลกชันแรกภายใต้การนำของคุณ Yves Saint Laurent ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น เนื่องจากพอคอลเลกชันต่อ ๆ มา เสียงตอบรับที่ได้กลับไม่ค่อยดี แถมยังโดนวิพากษ์วิจารณ์จากสื่ออยู่หลายครั้ง
จนกระทั่งในปี 1960 คุณ Yves Saint Laurent ก็ถูกเกณฑ์ทหาร
โดยเรื่องนี้จริง ๆ แล้วก็ดูเหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่บ้าง เพราะมีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าคุณ Marcel Boussac ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Dior และยังเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการสื่อ ได้เคยกดดันหน่วยงานรัฐบาลไม่ให้เรียกตัวเขาเข้ากองทัพอยู่หลายครั้ง
1
แต่พอคุณ Yves Saint Laurent ล้มเหลวมาก ๆ เข้า จึงถูกทำให้โดนเรียกตัว เพื่อที่แบรนด์ Dior จะได้หาคนอื่นมาเป็นผู้นำคนใหม่แทน
2
ซึ่งชีวิตในค่ายทหารของคุณ Yves Saint Laurent ก็ไม่ได้ดีนัก เขาถูกซ้อมจนต้องเข้าโรงพยาบาล และหลังจากนั้นไม่นานยังต้องมาพบว่า ตัวเองโดนไล่ออกจาก Dior อย่างไม่เป็นธรรมด้วย
6
สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจฟ้องร้อง Dior เรื่องผิดสัญญา และก็ชนะคดีในที่สุด
ก่อนจะเดินหน้าสร้างแบรนด์ YSL ของตัวเองในเวลาต่อมา..
5
กลับมาที่สถานการณ์ของแบรนด์ Dior ภายหลังการจากไปของคุณ Yves Saint Laurent ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อ ก็คือ คุณ Marc Bohan
1
ซึ่งอันที่จริงคุณ Marc Bohan ก็ถือว่าเป็นผู้ที่กอบกู้สถานการณ์ของแบรนด์ Dior ให้กลับมาครองใจเหล่าเฟมินีนอีกครั้ง ด้วยการนำเอากลิ่นอายการออกแบบในยุคคุณ Christian Dior มาประยุกต์ให้ดูโมเดิร์นขึ้น
2
และภายใต้การนำของเขา ยังทำให้แบรนด์ Dior ก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ในวงการแฟชั่นโลก รวมถึงมีการขยายสาขาไปหลาย ๆ ประเทศมากกว่ายุคไหน ๆ
2
แต่ในขณะที่ Dior พุ่งสู่จุดสูงสุด บริษัท Boussac Group ผู้เป็นเจ้าของ Dior กลับประสบปัญหาล้มละลายในปี 1978
1
ด้วยเหตุนี้ Dior จึงถูกซื้อไปโดย Willot Group แต่ต่อมาบริษัทนี้ก็ดันมาล้มละลายตามไปอีกเจ้า
3
ในปี 1984 คุณ Bernard Arnault ที่ในขณะนั้นอายุ 35 ปี เห็นเข้าจึงตัดสินใจเข้าซื้อ Willot Group เพราะเกิดความฝัน อยากจะสร้างบริษัทที่รวบรวมแบรนด์หรูทั่วประเทศเข้าไว้ด้วยกัน
3
หลังเข้าซื้อกิจการ คุณ Bernard Arnault ก็เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งปลดพนักงานออกกว่า 9,000 คน และขายบางธุรกิจในเครือที่ฉุดรายได้ออกไป
2
รวมถึงเปลี่ยนสถานะบริษัท Christian Dior S.A. ให้เป็นบริษัทโฮลดิงในปี 1988
1
หลังจากนั้นเขาก็ได้นำบริษัทไปลงทุนซื้อหุ้นของ LVMH ในสัดส่วน 32%
1
ซึ่งตอนนั้น LVMH กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการรวมธุรกิจระหว่างแบรนด์หรู Louis Vuitton และสุราหรู Moët Hennessy
3
ซึ่งคุณ Bernard Arnault ก็ค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น LVMH เรื่อย ๆ จนเกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มทุนเดิมที่เป็นเครือญาติของ Louis Vuitton
2
แต่สุดท้ายคุณ Bernard Arnault ก็สามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม และบีบให้เจ้าของเดิมออกจากบริษัท ในปี 1989
1
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ LVMH ภายใต้การนำของคุณ Bernard Arnault ที่ค่อย ๆ เดินตามฝันด้วยการสะสมแบรนด์หรู เข้าพอร์ตของบริษัทไปเรื่อย ๆ
2
จนวันนี้เขาไม่เพียงแต่รวบรวมแบรนด์หรูทั่วประเทศฝรั่งเศส แต่กลับสามารถกล่าวได้ว่า LVMH กลายเป็นอาณาจักรที่รวบรวมแบรนด์หรูจากทั่วโลก
1
และไม่เพียง LVMH เท่านั้น ที่ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในฐานะอาณาจักรแบรนด์หรูที่ใหญ่สุดในโลก
1
เพราะคุณ Bernard Arnault ผู้อยู่เบื้องหลังนี้ ก็ได้ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกเช่นกัน ในฐานะคนที่รวยที่สุด ด้วย ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 6.6 ล้านล้านบาท..
8
โฆษณา