14 ส.ค. 2021 เวลา 01:39 • ท่องเที่ยว
5 จุดเที่ยวสัมผัสสิ่งลี้ลับในญี่ปุ่น
ความเชื่อเรื่องลี้ลับ วิญญาณ เป็นความเชื่อแล้วแต่คน ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ยังมีพื้นที่อื่นของโลกใบนี้อีก ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกัน มีหลายสถานที่ที่มีเรื่องเล่าถึงสิ่งลี้ลับ การเจ็บปวดทรมาน หรือสถานที่ชวนขนหัวลุกอีกมาก ในบทความนี้เราจะมาพาทุกคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าถึงสิ่งลี้ลับ 5 แห่ง และบางสถานที่ยังเป็นที่ท้าพิสูจน์ความกล้าของบรรดาผู้กล้าของญี่ปุ่นอีกด้วย
1.คุซาริซึกะ เมืองคิตามิ จังหวัดฮอกไกโด
คุซาริซึกะ เป็นกองเนินดินที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของหลุมฝังศพที่ใช้ฝังเพื่อนนักโทษโดยนักโทษที่ถูกใช้แรงงานในเวลานั้นและไว้อาลัยให้กับนักโทษที่ถูกใช้แรงงานหนักจนเสียชีวิต
ตอนนี้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของการใช้แรงงานในเรือนจำอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นใน ฮอกไกโด ยุคเมจิ อยู่ที่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 333 เป็นทางหลวงที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง Abashiri กับ Asahikawa
ว่ากันว่ามีถนนหลายแห่งรวมถึงถนนเส้นนี้ถูกสร้างขึ้นจากเหล่านักโทษที่ถูกใช้งานอย่างหนักหนาสาหัส โดยที่นักโทษแต่ละคนจะมีโซ่ตรวนขนาดหนักถึง 4 ก.ก.ผูกติดไว้กับข้อเท้า
เวลาที่พวกเขาถูกใช้ให้สร้างถนนพวกเขาเหล่านั้นต้องเดินลากโซ่ตรวนขนาดหนักไปด้วยทุกที่ทุกเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้หลบนี้ได้ง่าย และด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายและถูกใช้แรงงานที่หนักเกินไปทำให้นักโทษเหล่านั้นเสียชีวิต
มีคนเล่ากันว่าบางครั้งหากผ่านเส้นทางนี้ตอนกลางคืน อาจจะได้ยินเสียงเดินลากโซ่ตรวนไปมาก็เป็นได้
2.ซากปรักหักพังลานประหาร Suzugamori มินามิโออิ, ชินางาวะ-คุ, โตเกียว
ว่ากันว่า ลานประหาร Suzugamori เริ่มเปิดใช้ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1651-1871 ได้ทำการลงโทษอาชญากรถึง 200,000 คน แต่ไม่ได้มีหลักฐานที่ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน
มีแค่การบันทึกว่าในเวลานั้นมีการประหารอาชญากรโดยการจับมัดกางเขนแล้วตั้งไว้ริมทะเลให้น้ำทะเลท่วมจนตาย
ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตของวัด Taikyo-ji ของนิกาย Nichiren และยังคงมีซากของเจดีย์หินที่ใช้เป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิต ฐานของเสาคบไฟที่กล่าวกันว่าใช้จุดไฟเผาเพื่อการประหารชีวิตและบ่อน้ำสำหรับล้างคอหลงเหลืออยู่
มีข่าวลือมากมายในที่นี่ว่ามีคนเห็นผีขณะเดินตอนกลางคืน หรือว่าบางครั้งก็สะท้อนอยู่ในภาพถ่าย
3.ซากปราสาทฮาจิโอจิ เมืองฮาจิโอจิ จังหวัดโตเกียว
ปราสาทฮาจิโอจิเป็นปราสาทลูกของ ปราสาทโอดาวาระซึ่งเป็นของตระกูลโฮโจ ถูกโจมตีโดยกองทัพโทโยโทมิในปี ค.ศ. 1590 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพิชิตปราสาทโอดาวาระ
ปัจจุบันได้รับการบำรุงรักษาให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ บนพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มากถึงประมาณ 159 เฮกตาร์ สามารถชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆได้ เช่น ซากของปราสาทหลักและซากกำแพงหิน
ว่ากันว่าในตอนที่ปราสาทถูกโจมตีมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นคือ เด็กและผู้หญิงมากมาย รวมถึงภรรยาของ อุจิเทรุ โฮโจ และลูกสาวของ ซาดาฮิสะ โออิชิซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของตระกูลโฮโจ ถูกจับโยนร่างที่ไร้วิญญาณลงไปที่น้ำตกของปราสาทและเลือดก็ย้อมสีของแม่น้ำเป็นสีแดงไป 3 วัน3 คืน
บางครั้งผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ก็จะได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ เสียงคร่ำครวญ หรือรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างในบริเวณใกล้ๆน้ำตก
4.คาไคบุจิ เมืองโคชู จังหวัดยามานาชิ
Kakaibuchi เป็นหนึ่งในจุดที่มีวิญญาณที่น่าสงสารที่มีชื่อเสียงที่สุด มีอนุสรณ์สถานและป้ายชื่อ Kakaibuchi อยู่ระหว่างทางลงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข411 (ไปทาง Enzan) แต่เนื่องจากได้เปลี่ยนเป็นถนนเลี่ยงเมืองรวมถึงอุโมงค์ในปี 2011จึงเป็นถนนสายเก่า
ชื่อคาไคบุจิมาจากประวัติศาสตร์อันน่าเศร้า บริเวณทั้งหมดของภูเขาเคคังทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาโกบุจิเคยเป็นเหมืองทองคำคุโรคาวะ ว่ากันว่าเป็นเหมืองทองคำและที่ซ่อนของตระกูลทาเคดะในช่วงสงครามเซ็นโกกุ แต่ มันถูกปิดระหว่างการพิชิตโคชู ซึ่งเป็นการทำลายล้างตระกูลทาเคดะ
ในเวลานั้น โสเภณีที่ถูกนำเข้ามาเพื่อปรนเปรอคนงานเหมืองเพื่อให้รักษาความลับของเหมืองถูกฆ่า ตามตำนานเล่าว่าโสเภณีถูกสั่งให้เต้นรำบนเวทีที่แขวนด้วยเถาวัลย์และในตอนนั้น เถาวัลย์ก็ถูกตัดและเวทีก็จมลงในสระและถูกฆ่าตาย
ว่ากันว่าเคยมีคนที่ไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้พบเจอกับเหตุการณ์ลี้ลับเหนือธรรมชาติอย่างเช่นเห็นร่างของโสเภณีเหล่านั้นไหลไปร่วมกันอยู่ใต้บริเวณใต้ต้นไม้รกๆ
5.ซากปรักหักพังปราสาทฮาระ เมืองมินามิชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ
ปราสาทฮาระเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกองทัพกบฏชิมะบาระซึ่งนำโดยอามาคุสะ ชิโระ ในปี ค.ศ. 1638
กองกำลังกบฏในตอนนั้นประกอบด้วยชาวนา ชาวบ้านที่ไม่พอใจกับการจัดเก็บภาษี และชาวคริสเตียนที่ไม่พอใจกับรัฐบาลที่ใช้นโยบายกดขี่อย่างรุนแรง ในจำนวนนี้มีทั้งเด็กและผู้หญิง รวมถึงโรนิน ประมาณ 30,000 คน ได้ถอยไปตั้งรับศึกจากกองทัพของบาคุฟู อยู่ที่ปราสาท
สุดท้ายกองทัพของกบฏชิมะบาระ ก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพบาคุฟุได้ เพราะทั้งกำลังคนที่น้อยลงจาการสู้รบและเสบียงอาหารที่ลดน้อยลง ส่งผลให้ อามาคุสะ ชิโระ ถูกจับประหารชีวิตโดยการตัดหัว รวมถึงคนอื่นในกองกำลังกบฏด้วย และก่อนที่ปราสาทจะถูกยึดก็มีคนที่ฆ่าตัวตายไปก่อนด้วย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการขุดพบโครงกระดูกจำนวนมาก และไม้กางเขน รวมทั้งหลุมฝังศพของอามาคุสะ ชิโระ
 
ว่ากันว่าบางครั้งหากใครได้มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้อาจจะได้กลิ่นคาวเลือดและเสียงคร่ำควญของงพวกเขาก็เป็นได้
ที่มา : ที่มา : kurukura.jp
โฆษณา