1 ก.ย. 2021 เวลา 13:00 • ไลฟ์สไตล์
ไม่จำเป็นต้องอธิบาย​ 🙊
ในหัวข้อนี้มีหลัก​ ๆ​ สองหัวข้อ
คือ​
1. บุคลิก​
2. ความฝัน
👩‍🦱🙎‍♂️ บุคลิก
บางครั้งเราอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจเราในแบบอื่นที่ไม่ได้เป็นตัวเรา บางครั้งผู้คนอาจจะเข้าใจเราผิดตั้งแต่บุคลิกของเรา ไปจนถึงคิดว่าเรากระทำเรื่องราวต่าง ๆ มากมายในด้านไม่ดี บางครั้งมีใครบางคนโยนความผิดมาให้เรา ใส่ร้ายเรา ยุยงให้คนรอบข้างเลิกคบเรา เหนือความรู้สึกที่กล่าวมานี้
“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
ให้คนบ้าไร้สติเหล่านั้นเข้าใจ เพราะการอธิบายการแสดงความบริสุทธิ์ใจบางครั้งก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกผีคนบ้า ที่บ้าไปแล้วก็ยิ่งบ้าเข้าไปอีก ยิ่งอธิบายเหมือนยิ่งโกหก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็โทษคนอื่นไม่ได้เพราะเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องแรกคือ เรื่องที่ผู้คนเข้าใจผิดในตัวเราถ้าหากตัวคุณมีประวัติหรือมีบุคลิกที่ไม่ชัดเจนต่อคนรอบข้างมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้สังคมเข้าใจผิด ที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ตัวเองว่าคุณมีบุคลิกแบบไหนแล้วแสดงให้สังคมเห็นแบบไหน
บางทีคุณมีบุคลิกอีกอย่างแต่แสดงออกอีกอย่างเลยทำให้คนรอบข้างคิดว่าคุณไม่จริงใจและกำลังซ่อนอะไรอยู่ หากสิ่งที่สังคมกล่าวหาคุณโดยที่คุณรู้ว่านั่นไม่ใช่บุคลิกคุณเลยและคุณก็แสดงตัวตนต่อสังคมออกมาอย่างชัดเจน คุณรู้จักตัวเองดีก็ไม่ต้องไปอธิบาย อย่าหลอกผีคนบ้าเพราะไม่คนหลอกก็คนบ้าจะบ้ากว่าเดิม เหนือกว่าสิ่งที่ทุกคนเข้าใจผิดแต่ตัวเองยังเข้าใจตัวเองนั่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้คุณยังคงรู้สึกดีกับตัวเองและยังเดินตามทางของตัวเองได้
สำหรับฉันหากฉันได้ยินว่ามีใครพูดอะไรในด้านไม่ดีในตัวฉัน ถ้ามันไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตฉันก็ไม่เล่นด้วย บางทีก็หัวเราะเยาะเรื่องเหล่านั้นเพราะมันดูตลกดี คนเรามีเวลาให้ทำอะไรดี ๆ ตั้งเยอะตั้งแยะก็ไม่รู้ทำไมถึงมาเลือกปวดหัวกับภาพลักษณ์ตัวเราที่คนอื่นมองผิดไป แต่บางทีถ้าอยากนึกเล่นสนุก ๆ ฉันก็จะจับคนที่เอาเรื่องมาบอกและคนที่เป็นต้นเรื่อง มาถามตรง ๆ ต่อหน้าให้ชัดเจนไปเลยว่า
“มีอะไรอยากพูด ก็พูดตรง ๆ ตอนนี้รอฟังอยู่"
ขอบอกว่าอาการเลิ่กลั่ก อาการแถ อาการที่บอกว่าเปล่าไม่ได้พูดแบบนั้นมันหลุดออกมาจากสีหน้าคนเหล่านั้นแล้วดูตลกมาก ๆ และก็คิดว่านี่เรามาเสียเวลาทำอะไรกับเรื่องโง่ ๆ แบบนี้หรือสุดท้ายถ้ากลายเป็นเรื่องโต้เถียงกันถ้าใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดและมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ฉันก็จะถามตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นและจับเข่าคุยจนเข้าใจหรือถ้าเราต่างไม่ชอบนิสัยกันและกันก็แยกกันอยู่จะดีกว่า ฉันทำแบบนี้ สอง สามครั้งก็ไม่มีเรื่องที่คนอื่นเข้าใจผิดในตัวฉันอีกเลย ทุกคนรอบข้างจะรู้ว่าฉันเป็นคนตรง ๆ และมนุษย์เราส่วนใหญ่ก็จะกลัวกับการเผชิญหน้าแบบตรง ๆ ถึงแม้จะยังมีคนพูดลับหลังยังไงก็พูดไปเพราะฉันไม่ได้ยิน
ข้อดีคือฉันยังอยู่ในวงจรของพวกเขาหรือไม่พวกเขาก็อาจรู้สึกพิเศษอะไรในตัวฉัน ทุกคนมีปากเป็นของตัวเองและฉันก็มีหูเป็นของตัวเองที่จะเลือกรับฟังหรือบางทีเขาอาจจะพูดถึงคนอื่นที่มีชื่อเหมือนฉันก็ได้ ฮ่า ๆ
เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องที่สองคือ
🌠ความฝัน🌌
ไม่จำเป็นต้องบอกเล่าความฝันและแนวทางปฏิบัติของคุณให้ใครฟัง หากตัวคุณมีแผนอย่างแรงกล้าที่อยากทำอะไรวิเศษ ๆ ในชีวิต ผู้คนถามว่าอนาคตคุณจะเอายังไง ถ้าคุณคันปากบอกไปขอบอกว่า
ถ้าเขาไม่บอกว่าเพ้อฝัน
ก็ไฟในใจของคุณที่อยากจะทำให้เป็นจริงมันจะค่อย ๆ มอดดับไป เพราะมันมีรูรั่วอยู่ตรงปากของคุณเอง
สำหรับฉันถ้าเขาเค้นและอยากให้เล่าจริง ๆ ฉันก็จะบอกแผนคร่าว ๆ แบบผสมไข่ไปบ้าง แบบนี้ฉันยอมผสมคำโกหกเพราะฉันไม่อยากให้ไฟในใจมันรั่วออกมา พอผู้คนรู้แผนฉันหมดก็ไม่รู้จะทำฝันมาเซอร์ไพรส์ใคร บางครั้งฉันบอกว่ามีแผนแต่ ไม่อยากเล่า ผู้คนเหล่านั้นก็หัวเราะเยาะใส่ฉันหาว่าฉันโกหก ทั้ง ๆ ที่ในใจฉันอยากตอกกลับไปว่า
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบคุณที่สาระแนชีวิตคนอื่นได้ขนาดนี้”
แต่ก็ทำได้แค่หัวเราะและพูดว่า “ช่างฉันเหอะ ขอบคุณที่สนใจเรื่องราวของฉัน” และทำเนียนเปลี่ยนเรื่องคุย
ฉันเคยหาเรื่องรือนี้กับผู้คนที่ประสบความสําเร็จ​หลาย​ ๆ​ คน​ คนเหล่านั้นบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า​ "ไม่" จะไม่อธิบายเรื่องแผนการหรือความฝันให้ใครฟัง​ ควรโฟกัสแผนแล้วทำมันออกมาเป็นรูปร่างดีกว่า​ ส่วนใครจะคิดยังไงกับตัวเรา​ ช่างมัน​ เราสนแค่่ทางที่เราจะเดินก็พอ
สรุปว่าเรื่องที่คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายนั้น คือการมีความชัดเจนสำหรับตัวคุณและคนทั้งโลกหากคุณมีบุคลิกแบบไหนก็จงแสดงให้โลกเห็นแบบนั้น เพราะบางครั้งการแสดงในสิ่งที่ไม่เป็นตัวของเราก็ทำให้คนเข้าใจผิดได้หรือถ้าหากคุณได้แสดงออกมาตรง ๆ แต่ก็ยังมีคนเข้าใจคุณผิดหรือไม่ชอบคุณ ขอให้รู้ไว้ว่าคุณอยู่ผิดที่และจงออกมาอยู่ที่ที่ มีคนแบบคุณอยู่เพราะแกะดำแตกต่างจากแกะขาวยังไงคนที่ต่างออกไปก็ยากที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นที่เหมือน ๆ กัน ถึงคุณจะมีเอกลักษณ์ยังไงคนเหล่านั้นก็มองให้เป็นปมด้อยของคุณอยู่ดี
และการอธิบายเรื่องความฝันถ้าคุณอยากเล่าก็จงหาเพื่อนสนิทที่เป็นคนเสริมพลังให้คุณอยากทำฝัน เพราะบางทีการเล่าไปทั่วนอกจากทำให้หมดไฟแล้วบางทีก็อาจโดนหัวเราะเยาะได้แต่ถึงแม้หากคุณได้เล่าเรื่องความฝันไปแล้วโดนหัวเราะเยาะ​ จริง ๆ ก็อย่าไปโกรธหรือโต้เถียงและไม่ต้องรู้สึกอายหรือน้อยใจ จงเชื่อมั่นในสองมือและทางเดินของตัวเองแล้วแสดงให้คนที่หัวเราะความฝันของคุณเห็นว่าคุณทำได้และทำได้ดีด้วย
-The​ Sailor​
โฆษณา