2) Use Case ทำให้เกิดการใช้ซ้ำได้มั้ย - หากผู้ใช้ใช้ครั้งเดียวแล้วไม่มีเหตุต้องใช้อีก จำนวนการใช้งานโดยรวมก็จะน้อยมากเพราะผูกกับจำนวนผู้ใช้อย่างเดียว ตรงกันข้าม หากผู้ใช้คนเดียวใช้แล้วใช้อีกได้ จำนวนการใช้งานก็จะทวีคูณขึ้นมาเยอะมากและส่งผลต่อมูลค่าได้
3) มี Maximum Supply มั้ย - ถ้าไม่มี Maximum Supply ก็แปลว่ามูลค่าของเหรียญถูกตั้งให้ลดลงเรื่อย ๆ เพราะจะมี Supply ใหม่มาเพิ่มเรื่อย ๆ อันนี้ต้องพิจารณาให้เคลียร์ว่าอัตราการใช้งานและการเพิ่มของผู้ใช้จะแซงจำนวน Supply ที่เพิ่มมาเรื่อย ๆ มั้ย ? หรือถ้าไม่มี Maximum Supply ถ้าถึงวันที่ Supply หมดแล้ว ระบบได้ออกแบบอะไรไว้รองรับครบถ้วนหรือยัง ?
สุดท้ายการเล่นคริปโตมันเป็น Zero Sum Game เหรียญจะมีมูลค่าเพิ่มได้ก็ต่อเมื่อมีคนเอาเงินมาลงเพิ่ม และมูลค่าจะลดลงเมื่อมีคนเอาเงินออก ตรงไปตรงมาแค่นั้น และอะไรหละที่จะทำให้คนอยากเอาเงินมาเพิ่มเรื่อย ๆ ในตลาดที่คนต้องการแค่เอากำไรและตั้งใจจะเอาเงินออกเรื่อย ๆ ?
เพราะหากไปพูดถึงเรื่อง Use Case ที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่ามูลค่าของเหรียญจะผูกกับการใช้งาน แต่มันมีการใช้งานนึงที่ไม่ควรจะถูกเรียกว่า Use Case เลยด้วยซ้ำก็คือ "ถือเหรียญเพื่อได้เหรียญเพิ่ม" (หรือการฟาร์มนั่นเอง) แต่เผอิญมันง่ายและฉาบฉวยที่สุดในโลกการเงินแล้ว มันก็เลยถูกเอามาใช้อย่างไม่หยุดยั้งชนิดที่ว่ามีแชร์ลูกโซ่วงใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ได้จำกัดแค่คริปโตนะ ทุกอย่างในโลกมีการทำแบบเดียวกันนี้หมด
ดังนั้นก่อนจะลงอะไรคิดไว้ให้ดีว่า Use Case นั้นเป็นการใช้งานจริง ๆ หรือแค่แชร์ลูกโซ่ เพราะถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่มันก็เป็นแค่อะไรที่รอวันแตกดับ แต่ถ้าเป็นโปรดักส์มันคือการรอวันเติบโต ฝากไว้
แต่ถ้าลองดูบริษัทต่าง ๆ ว่ามูลค่าหุ้นเค้าสูงขึ้นได้ยังไง คำตอบก็คือ "เค้าหารายได้เข้ามาในบริษัท" ยังไงหละ เค้าไม่ได้หาเงินจากคนถือหุ้นกันเอง ตลาดหุ้นมันเป็น Zero Sum Game ถ้าไม่หาเงินจากภายนอกมา มันก็ไม่มีทางที่ Market Cap จะสูงขึ้นได้