15 ส.ค. 2021 เวลา 13:09 • ท่องเที่ยว
แต่งแต้มสีสันให้โลก 🌸
ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย
ขุนช่างเคี่ยน
ลมหนาวยังไม่พัดมา ซากุระก็ยังไม่เบ่งบาน แต่ว่าเราขอพาย้อนวันวาน ไปวิ่งตามล่านางพญาเสือโคร่งกัน ที่ ”ขุนช่างเคี่ยน” ดินแดนแห่งซากุระเมืองไทย
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน หรือที่เรามักจะเรียกกันสั้นๆว่าขุนช่างเคี่ยน อยู่เส้นทางเดียวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพ จะตั้งอยู่เลยหมู่บ้านดอยปุยไปอีกหน่อย ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 32 กิโลเมตร
ซากุระเมืองไทย (ภาพจากผู้เขียน)
ไฮไลท์ของที่นี่คงไม่ต้องเอื้อนเอ่ยให้มาก เพราะเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งยอดนิยม โดยจะเบ่งบานในช่วงประมาณเดือนธันวาถึงมกราของทุกปี จะบานสะพรั่งสุดช่วงไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศอีกที ถ้าบานแล้วจะอยู่เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ คนที่ต้องการขึ้นมาต้องหาข้อมูลมาก่อน โดยสามารถสอบถามกับทางสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนได้
การเดินทางสามารถขับรถขึ้นมาเองได้เลย ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน(อันนี้ต้องฟิตหน่อยนะ) เส้นทางจะเป็นดอยและถนนค่อนข้างแคบ สำหรับคนที่ขับรถไม่ค่อยเก่ง เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ใช้บริการรถแดงเชียงใหม่ขึ้นมา
วิ่งไป! (ภาพจากผู้เขียน)
เมื่อช่วงเดือนมกราที่ผ่านมา เราก็มีโอกาสขึ้นมาเชยชมดอกนางพญาเสือโคร่ง แต่การขึ้นมานั้นบอกเลยว่ามีแต่ความเหนื่อย (ใครสนใจวิธีการขึ้นมาด้วยการออกกำลังกายไปในตัวเก็บไว้เป็นทางเลือกได้เลย)
ด้วยความที่เราอยากลองเส้นทางวิ่งเทรลที่นักวิ่งเทรลหลายๆคนมักจะใช้เส้นทางนี้ซ้อมวิ่งกัน และยังเป็นเส้นทางที่ใช้ในรายการแข่งขัน CM6 ด้วย ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะไหวเพราะตอนศึกษาเส้นทางก่อนไปเห็นแล้วก็โหดหินสำหรับเราพอสมควร(ไม่ตายก็บุญแล้ว) ยอมใจนักวิ่งแต่ละคนจริงๆ แต่เราก็ยังลากสังขารตัวเองไปถึงจุดหมายอยู่นะ
เราเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย(สามารถขับรถไปจอดบริเวณนี้ได้) เดินลัดเลาะไปตามน้ำตกห้วยแก้วประมาณ 1 กม. จนมาถึงน้ำตกวังบัวบาน แล้วข้ามฝั่งเพื่อเข้าสู่เส้นทางเทรล(ต่อจากนี้คือของจริง)
 
จากนี้อีกประมาณ 6 กม. จะเป็นดอยทั้งลูก เส้นทางมีแต่ขึ้นแล้วก็ขึ้น สภาพทั่วไปเป็น หิน ดิน ทราย ทางข้ามน้ำ ข้ามห้วย ตลอดทางเป็นป่ามีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม
บรรยากาศในป่า (ภาพจากผู้เขียน)
ความรู้สึกระหว่างทางทั้งเหนื่อยและล้ามาก ยังดีที่เราแบกเป้น้ำพร้อมขนมเล็กน้อยติดไปด้วย เพิ่มพลังให้แก่ร่างกายได้ เราใช้เวลาอยู่ในป่าค่อนข้างนาน อาจเป็นเพราะเดินชมนกชมไม้ ชื่นชมธรรมชาติ(ที่จริงคือหยุดพักบ่อยมาก ฮ่าๆ)
สีชมพู! (ภาพจากผู้เขียน)
พอไปถึงข้างบนนั้นแล้วก็ลืมความเหนื่อยไปเลย เพราะข้างบนอากาศเย็นกำลังดี เห็นสายหมอกบางๆลอยอยู่ด้วย บรรยากาศโดยรวมดีมาก บวกกับต้นนางพญาเสือโคร่งที่ออกดอกบานสะพรั่งอยู่เรียงรายกัน อย่างกับโลเคชั่นถ่ายหนังรักโรแมนติกเลย
นอกจากดอกไม้ที่สวยงามก็ยังมีหมู่บ้านชาวเขาเล็กๆตั้งอยู่ด้วย ในหมู่บ้านก็จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน เลือกนั่งทานกันได้ตามสบาย บรรยากาศไม่ต้องพูดถึง มันดีอย่างบอกไม่ถูกเพราะอากาศเย็นสบายมาก นั่งจิบกาแฟอุ่นๆร้อนๆคือฟินที่สุด
ร้านกาแฟบนดอย (ภาพจากผู้เขียน)
ใครที่มีแรงเหลือ ไหนๆก็มาแล้วแนะนำเดินต่ออีก 2 กม. ขึ้นสู่ยอดดอยปุยเลย รับรองคุ้ม(ดอยทั้งลูกพร้อมตัวทาก) แต่เนื่องด้วยกลัวว่าลงไปอากาศข้างล่างจะร้อนเราเลยขอลงก่อนละกัน(ที่จริงเป็นข้ออ้างเพราะไม่ไหวแล้วจ้า)
พอดื่มด่ำกับกาแฟและดอกไม้อิ่มเอมแล้ว ก็ถึงเวลากลับ ขาลงนี้อาจจะเหนื่อยน้อยกว่ากว่าขาขึ้นหน่อย แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่ชันและขรุขระกำลังขาทั้งสองข้างต้องพร้อมยืดหยุ่นไปตามทางเสมอ ทำเอาขาล้าอ่อนแรงไปเลยทีเดียว
ระยะทางรวมไปกลับ 14 กม.
(อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย-น้ำตกวังบัวบาน-ขุนช่างเคี่ยน)
พี่เขาซิ่งต้องคอยระวังนะ (ภาพจากผู้เขียน)
***คำเตือน***
1.ควรมีสุขภาพร่างกายที่พร้อมและแข็งแรง
2.ควรศึกษาเส้นทาง หรือมีคนนำทาง(ป่าจริงๆ หลงแล้วหลงเลยนะ)
3.ควรเตรียมน้ำดื่มติดตัวไปด้วย
4.ระวังแมลง สัตว์มีพิษ เนื่องจากเส้นทางเป็นป่าคนที่แพ้ควรพกยา หรืออุปกรณ์ปฐมพยายาบาลเบื้องต้น
5.เป็นเส้นทางใช้ร่วมกัน (share the road) เส้นทางนี้มีนักปั่นจักรยาน downhill ด้วย ควรระวังเป็นพิเศษ(ได้ยินเสียงก็หลบข้างทางไว้ก่อนเลย เพราะจะได้ยินเสียงมาแต่ไกล)
สุดท้ายแล้ว เหนื่อยกายแค่ไหนก็หาย ไม่เท่าเหนื่อยใจกับหลายเรื่องในชีวิต ยังไงก็หาเวลาพักผ่อนเยียวยาจิตใจและร่างกายบ้าง จะได้มีแรงดำเนินชีวิตกันต่อไป😊
📍ขุนช่างเคี่ยน 📍เชียงใหม่
#ตีตัวออกห่าง
โฆษณา