16 ส.ค. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
" โคโล่ ตูเร่ จอมเสียบในตำนาน "
พี่น้องตระกูลตูเร่ ไม่ควรถูกมองข้ามเด็ดขาดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ ลีก
ยาย่า คนน้อง คือหนึ่งในกองกลางที่เก่งสุดเท่าที่พรีเมียร์ ลีก เคยเห็น ถ้าไม่เป็นการเอนเอียงเข้าข้าง ยาย่า ในช่วงพีควัดได้กับทุกคน แข็งแกร่ง คุมแดนกลางอยู่หมัด ยิงประตูสำคัญๆ ได้เสมอ
โคโล่ คนพี่ อาจได้รับการยกย่องน้อยกว่าน้อง แต่อันที่จริง โคโล่ ประสบความสำเร็จมากมายแม้ตอนย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล จะได้แค่รองแชมป์บอลถ้วย แต่ตอนอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ กวาดแชมป์เพียบ ยิ่งกับอาร์เซน่อล นั่นคือตอนที่ โคโล่ กำลังสดสุดขีด
หลายคนอาจลืมไปว่า โคโล่ ตูเร่ นี่แหละคือแนวรับตัวหลักของอาร์เซน่อลชุดแชมป์ไร้พ่ายในปี 2003/04 ทั้งที่ตอนนั้นเขาเป็นนักเตะหนุ่มวัยเพียง 22-23 ปี
โคโล่ ก็เหมือนนักเตะเชื้อสายแอฟริกันอีกหลายๆ คน เขามาพร้อมกับร่างกายแข็งแรง ทักษะฟุตบอลที่เรียนรู้กันมาในระดับหนึ่ง และมีความทุ่มเทมุ่งมั่น เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นตำแหน่งไหนกันแน่ถึงจะเหมาะกับทีมในยุโรป
เขาเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรมิโมซาส สโมสรในกรุงอาบิดจัน เมืองหลวงของบ้านเกิดไอวอรี่ โคสต์ แล้วตัดสินใจเดินทางมาทดสอบฝีเท้าในยุโรป
จริงๆ แล้ว ทั้งสองพี่น้อง ได้มาทดสอบฝีเท้ากับอาร์เซน่อล
ยาย่า ย้ายมาเล่นในยุโรปแล้วกับเบเวเรน ในเบลเยี่ยม สโมสรที่มีนักเตะไอวอเรี่ยนหลายราย ก่อนที่จะมาทดสอบฝีเท้ากับอาร์เซน่อลในซัมเมอร์ปี 2003 เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
1
ยาย่า ได้ลงเล่นในเกมปรีซีซั่นกับบาร์เน็ต แต่ผลประเมินคือธรรมดาๆ แม้กระนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ก็อยากคว้าตัวดาวรุ่งวัย 20 ปีในขณะนั้นเอาไว้ ปัญหาคือติดเรื่องของเวิร์ค เพอร์มิต เพราะตอนนั้น ยาย่า ยังไม่ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ของไอวอรี่ โคสต์เลย
อย่างน้อย เวนเกอร์ ก็คงรู้ดีถึงคนนามสกุลตูเร่ เพราะพี่ชายของ ยาย่า อย่าง โคโล่ เดินทางมาล่วงหน้าก่อนแล้ว 1 ปี และได้รับการเซ็นสัญญาแล้วเรียบร้อย โดยขณะที่ โคโล่ มาทดสอบฝีเท้า เขาได้เล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว เรื่องของเวิร์ค เพอร์มิต เลยไม่มีปัญหา
เรื่องราวการมาทดสอบฝีเท้าของ โคโล่ ตูเร่ นี่แหละ ที่กลายเป็นเรื่องเล่าสุดคลาสสิก
1
โคโล่ มาทดสอบฝีเท้ากับอาร์เซน่อลในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2002 ซึ่งในเวลานั้น ทีมปืนใหญ่กำลังคั่วแชมป์ ลุ้นเบียดแย่งแชมป์อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นปีสำคัญมากๆ เพราะ ยูไนเต็ด กวาดแชมป์มา 3 สมัยติดแล้วก่อนหน้านั้น เวนเกอร์ ต้องการทวงความสำเร็จคืน
1
ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่อาร์เซน่อลจะพลาดไม่ได้เลย เวนเกอร์ ต้องเน้นในทุกๆ แม็ทช์ การประคบประหงมผู้เล่นตัวหลักคือหนึ่งในเรื่องสำคัญ
มันเหมือนเรื่องตลกร้าย เพราะเมื่อโคโล่ ตูเร่ มาทดสอบฝีเท้า ก็ได้โอกาสแบ่งข้างลงเล่นกับทีมอาร์เซน่อลชุดใหญ่เลย
ในฐานะนักเตะไฟแรงวัย 20-21 ปี โคโล่ ตูเร่ แสดงความมุ่งมั่นทุ่มเทเต็มที่ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ยืนดูอย่างใกล้ชิดอยู่ติดชิดริมสนาม
จังหวะแรกบอลมาถึง เธียร์รี่ อองรี สิ่งที่ โคโล่ ทำก็คือพุ่งเข้าสกัดเต็มที่ เขาเสียบเข้าใส่สตาร์ของทีมอย่าง อองรี จนเจ็บ หากเป็นเกมการแข่งขันจริง ช็อตนี้ต้องเป็นใบแดงไปแล้ว
นั่นทำให้ เวนเกอร์ ไม่พอใจ เพราะมันเสี่ยงที่กองหน้าเบอร์ 1 ของเขาจะได้รับบาดเจ็บ
"โคโล่ แกทำอะไรของแกวะ? อย่าเข้าเสียบแบบนั้นสิโว้ย!" เวนเกอร์ ตะโกนด่า
เหมือนเดิม จังหวะต่อมา เดนนิส เบิร์กแคมป์ได้บอล โคโล่ ก็พุ่งเข้าขย้ำใส่อีก แน่นอน เบิร์กแคมป์ ลงไปนอนโอดโอยอีกคนเพราะโดนเสียบ!
"อย่าเข้าเสียบแบบนั้นอีกนะโว้ย!" เวนเกอร์ ทำท่าจะหมดความอดทน เพราะไม่กี่นาที นักเตะทดสอบฝีเท้าอย่าง โคโล่ ตูเร่ ทำให้กองหน้าตัวหลักของทีม 2 คนต้องได้รับบาดเจ็บซะแล้ว
2
หากใครคิดว่าเรื่องมันจะจบลงตรงนี้ ต้องบอกว่าคิดผิด เพราะเมื่อเกมเล่นกันต่อ จังหวะที่เป็นไฮไลท์ของวันนั้นก็มาถึง
โคโล่ ตูเร่ พุ่งเข้าสกัดบอลลูกหนึ่งได้สวยมาก ลูกบอลลอยไปตกหน้า อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งยืนชิดติดริมสนาม
คุณน่าจะเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
ใช่ โคโล่ ตูเร่ ทะยานเข้าหาบอลลูกนั้นและพุ่งเสียบสองขาใส่ทั้งลูกบอลและ อาร์แซน เวนเกอร์ จน "ว่าที่เจ้านาย" ร้องลั่น ก่อนที่จะโดนพาตัวไปห้องพยาบาลทันที
1
กองหลังทั่วไปอาจจะเก็บกองหน้าคู่แข่งได้ แต่ โคโล่ ตูเร่ เก็บกองหน้า 2 คนและผู้จัดการทีมอีก 1 คน!
 
"ผมต้องไปให้ทีมแพทย์ดูอาการ แต่ของผมมันไม่ได้เจ็บหนักอะไร" เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองเวนเกอร์ ออกมายอมรับว่านั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง "วันรุ่งขึ้นผมเซ็นเขาเลย เพราะความกระหาย ความมุ่งมั่นของเขา รวมถึงความแข็งแกร่ง ร่างกายเขาแกร่งยังกับอสูร"
1
โคโล่ ตูเร่ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางนิตยสาร FourFourTwo ว่าการพุ่งเข้าเสียบสกัดครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล แต่ก็ต้องขอบคุณ เวนเกอร์ ที่มองเห็นเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการกระทำนั้น
"ผมคิดว่าการพุ่งเข้าเสียบครั้งนั้นเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของผมเลย มันแสดงให้เห็นผู้จัดการทีมเห็นว่าผมต้องการจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน และผมต้องการจะเป็นนักเตะระดับอาชีพมากแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่เขามองเห็น"
"นักเตะทุกคนตอนนั้นหัวเราะกันลั่น และผมก็ตกใจมาก! ผมคิดว่าพวกเขาจะเขี่ยผมทิ้งเดี๋ยวนั้นตรงนั้นเลยเสียอีก แต่อาร์แซน เป็นคนฉลาด เขาเห็นเพียงเด็กหนุ่มชาวแอฟริกันที่ตั้งใจจะทำให้ตัวเขาประทับใจ และให้โอกาสแก่ผม"
เริ่มแรก โคโล่ ตูเร่ เริ่มต้นจากการเล่นเป็นกองกลาง บางเกมยืนปีกขวา ออกไปทางเกมรุกด้วยซ้ำ ก่อนค่อยๆ โดนปรับมาเล่นเป็นแบ็กขวา และในที่สุดเป็นเซนเตอร์แบ็ก เขาคือคู่ปราการหลังตัวกลางของ โซล แคมป์เบลล์ ในชุด INVINSIBLE ของอาร์เซน่อล ในปี 2003/04
"ผมไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลย ผมเป็นเพียงนักเตะอายุน้อยที่สโมสร และมันเป็นก้าวใหญ่มาก แต่ผมคว้าโอกาสเอาไว้ได้ ผมได้ลงเล่นทุกนัดอย่างกับว่ามันเป็นนัดสุดท้ายของผม ผมทุ่มเททุกอย่าง การได้เล่นให้อาร์เซน่อลในตอนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากๆ และผมต้องการแสดงให้เห็นว่าผมสามารถรับมือกับคว้ามท้าทายต่างๆ ได้"
"พวกนักเตะอายุซีเนียร์ดีกับผมมากๆ ผมได้เล่นให้กับหลายทีม หลายสโมสร แต่ผมจะจดจำทีมอาร์เซน่อลทีมนั้น ที่เต็มไปด้วยนักเตะบิ๊กเนม แต่เป็นคนดีเช่นกัน ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องนั้นเลย ผมพบว่านักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างที่สุดในเส้นทางอาชีพ จริงๆ แล้วเป็นพวกที่ถ่อมตัวที่สุด"
2
"พวกพี่ใหญ่ ผมเรียกพวกเขาอย่างนั้น อย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทุ่มเท และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นถึงการทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน"
สำหรับนักเตะที่ทำทุกอย่างด้วยสายตาของเด็กที่มุ่งมั่นกับฟุตบอลที่อยู่ตรงหน้า พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โคโล่ ตูเร่ ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเหลือเกิน แม้ว่าจุดเริ่มต้นของมันออกจะกระอักกระอ่วนไปสักนิดก็ตาม
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา