คดี ปตท. ที่ศาลอังกฤษ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ศาลฎีกาแห่งประเทศอังกฤษได้มีคำพิพากษาซึ่งบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)(“ปตท.”) ได้ฟ้องบริษัท Triple Point Technology Inc (“Triple Point”) เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก supremecourt.uk
เรื่องที่เป็นคดีนี้เกิดจาก ปตท. ได้ว่าจ้างบริษัท Triple Point ให้ทำการออกแบบและเขียนซอฟต์แวร์ให้เพื่อพัฒนาระบบการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าและทดแทนระบบเดิมที่มีอยู่ โดย ปตท. ได้กำหนดความสำเร็จของงานเป็นระยะ ๆ
งานได้ดำเนินไปอย่างช้า ๆ งานระยะที่ 1(Phase 1) แล้วเสร็จล่าช้าไปกว่ากำหนด 149 วัน มีการพบกันระหว่าง ปตท. กับ Triple Point ถึงขอบเขตของงานที่เป็นปัญหา
Triple Point เรียกร้องให้ ปตท. จ่ายเงินสำหรับค่าจ้างสำหรับงานทั้ง 2 ระยะ (Phase 1+ Phase 2) โดย ปตท. ยอมจ่ายเงินค่าจ้างของระยะที่ 1 ให้ Triple Point แต่ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างของงานระยะที่ 2 (Phase 2) เนื่องจากการจ่ายเงินค่าจ้างผูกอยู่กับความสำเร็จของงานแต่ละระยะ
Triple Point ปฏิเสธที่จะทำงานต่อโดยไม่มีการจ่ายเงิน แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งเรื่องความไม่สำเร็จของงานในระยะที่ 2 เมื่อ ปตท. ไม่ยอมจ่ายเงินสำหรับงานระยะที่ 2 Triple Point จึงปฏิเสธที่จะทำงานต่อ และเก็บกระเป๋ากลับบ้านไป
ปตท. เห็นว่าการหยุดทำงานเป็นการผิดสัญญาอย่างร้ายแรงจึงบอกเลิกสัญญา Triple Point จึงฟ้องคดีเรียกเงินที่ตนยังไม่ได้รับชำระ ปตท. ฟ้องกลับว่า ตนได้รับความเสียหายจากการที่ต้องเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า(liquidated damages)สำหรับความล่าช้าของงาน
ในการทำสัญญาของฝรั่ง Liquidated Damages หมายถึง ค่าเสียหายที่คู่สัญญามักจะกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าในกรณีที่มีการผิดสัญญากันเกิดขึ้น มักจะกำหนดในสัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินซึ่งไม่มีตัวตน(intangible)หรือยากที่จะกำหนดความเสียหายเช่น สัญญาความลับทางการค้า ซึ่งถ้าคู่สัญญาทำผิดสัญญาให้ความลับนั้นรั่วไหลออกไป อย่างนี้ก็จะเห็นว่าเป็นการยากที่จากกำหนดค่าเสียหายเหมือนกับกรณีทั่วไปได้
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก medium.com/@kkworden
ศาลชั้นต้นตัดสินให้ ปตท. เป็นฝ่ายชนะ มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย liquidated damages จนถึงวันที่เลิกสัญญา
ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ ปตท. เรียกค่าเสียหาย liquidated damages เกี่ยวกับงานระยะที่ 1 แต่ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายสำหรับงานระยะที่ 2 ด้วยเหตุผลว่า ยังไม่ได้มีการเริ่มงานระยะที่ 2
คดีไปถึงศาลฎีกาแต่เพียงประเด็นข้อกฎหมายว่า ค่าเสียหาย liquidated damages จะเรียกได้เพียงใด?
ศาลฎีกาพิพากษากลับให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นอันว่า ปตท. สามารถเรียกค่าเสียหายได้ทั้งหมด
ไปอ่านคำพิพากษาและดูวิธีการให้เหตุผลในการตัดสินคดีของศาลฝรั่งได้ที่ https://www.supremecourt.uk/cases/docs/uksc-2019-0074-judgment.pdf
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก singhania.in
Liquidated Damages ในกฎหมายฝรั่ง เป็นหลักกฎหมายใน Common law เป็นคนละอันกับ “เบี้ยปรับ” (Penalties) กล่าวคือ liquidated damages เป็นกรณีที่ความเสียหายนั้นจะกำหนดได้ยากดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่เบี้ยปรับเป็นค่าเสียหายตามความเป็นจริง ถ้าโจทก์อยากได้ก็ต้องไปพิสูจน์เอา ถ้ากำหนดไว้มากเกินไป ศาลก็มีอำนาจที่จะลดลงได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทยเป็นระบบ Civil Law เราจึงมีแต่ “เบี้ยปรับ” อยู่ในมาตรา 379 บัญญัติว่า
“ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ ถ้าการชำระหนี้อันจะพึงทำนั้นได้แก่งดเว้นการอันใดอันหนึ่ง หากทำการอันนั้นฝ่าฝืนมูลหนี้เมื่อใด ก็ให้ริบเบี้ยปรับเมื่อนั้น”
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับเบี้ยปรับที่สำคัญคือมาตรา 383 ซึ่งบัญญัติว่า
“ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ท่านให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน เมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไป”
"กฎหมายบริษัทและหลักทรัพย์"
ข่าว ความเห็น และข้อสังเกตเกี่ยวกับกฎหมายบริษัท(Corporate Law)และกฎหมายหลักทรัพย์(Securities Law)
ติดตามได้ที่
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
