16 ส.ค. 2021 เวลา 03:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ไอเดียการจัดพอร์ท 60:20:20 แบบเด็กการเงิน
พอร์ทเสี่ยงสูง ลงทุนระยะยาว 5-10 ปี ขึ้นไป
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอนำวิธีการจัดพอร์ทแบบ Core-Satellite มา modify ในแบบฉบับของเรา
วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ลงทุนเองในพอร์ทระยะยาว ขอนำมาแชร์ให้ทุกคนได้นำเป็นไอเดียไปจัดพอร์ทกันต่อ
โดยเราโฟกัสในการเลือกหุ้นตามลักษณะและประเภทของตลาด ดังนี้
1. Developed Market (DM) หรือตลาดประเทศพัฒนาแล้ว หลักๆคือ ประเทศ USA กลุ่มประเทศยุโรป และญี่ปุ่น หรือเลือกเป็น Global Equity ที่มี Universe ที่ใหญ่มาก เลือกหุ้นได้จากทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นจาก Developed Market
กองทุนหุ้นกลุ่ม DM มักจะมีการเติบโตที่สม่ำเสมอ โดยอ้างอิง MSCI ACWI Index 10 ปี ย้อนหลัง กลุ่ม DM เติบโตเฉลี่ย 11% เลยทีเดียว แม่ว่าผลงานในอดีตไม่สามรถยืนยันอนาคตได้ เราเชื่อว่าตลาดที่มีการกำกับที่ดี เหมาะกับเป็น Core Port ส่วนใหญ่ของเราที่ 60% ขึ้นไป
1
2. Emerging/Frontier Market (EM) หรือตลาดเกิดใหม่ คือประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน รัสเซีย และกลุ่มประเทศ ASEAN
ความผันผวนของตลาด EM มีมากกว่า DM แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่า EM มีโอกาสเติบโตอีกมาก จาก Gross Domestic Production (GDP) growth ที่ส่วนใหญ่อยู่เหนือค่าเฉลี่ยของโลก ส่วนที่เราคาดหวังการเติบโตนี้อยู่ที่ 20-30% อยู่ที่ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล
1
อยากรู้จักกองทุนรวมกลุ่ม EM มากขึ้น? โพสต์นี้เลย
3. Thematic/Sector Focus Fund เป็นกลุ่มที่เน้นการลงทุนในธีมใดธีมหนึ่ง ทำให้เกิดการกระจุกตัวของหุ้นประเภทเดียวกัน จึงมีความเสี่ยงเฉพาะตัว และขึ้นอยู่กับปัจจัยในการเติบโตที่เหมือนกัน เนื่องจากกระจายตัวต่ำกว่าระดับภูมิภาค หรือตลาดทั่วโลก เราจึงจำกัดความผันผวนด้วยการถือครอง Thematic เพียง 20% นอกจากธีม หรือ sector focused แล้ว เราขอแนะนำ 4 เมกะเทรนด์ที่โลกของเราจะต้องเติบโตไปพร้อมกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ
a. Green Energy and Climate Change (พลังงานสะอาด และธีมความยั่งยืน)
b. Technology ทั้งบิ๊กเทค และกลุ่ม Disruptive Technology (เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา)
c. Health Care และ Health Technology (กลุ่มสุขภาพ เมื่อโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ)
d. Life Style and Travel ชีวิตและการท่องเที่ยว (ถ้าไม่มีโควิด คนจะเดินทางรอบโลกอย่างมหาศาล)
การลงทุนในกลุ่มดังกล่าว ให้เลือกตามความชอบและความเข้าใจเป็นหลักเพราะเราจะต้องติดตามข่าวการที่มีผลกระทบกับธีมดังกล่าวเอาไว้บ้าง เข้าใจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องว่ามีแนวโน้มขายดีมากแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจว่าทำไมบางทีธีม หรืออุตสาหกรรม มีรอบของมัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของสินค้านั่นเอง
ความเสี่ยงที่เกิดจากการจัดพอร์ท 60/20/20 คือความเสี่ยงเฉพาะตัวในประเทศ/หรือภูมิภาคนั้นๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนลดผลกระทบได้โดยมีกองทุนไม่กระจุกตัวเกินกว่า 20% ในแต่ละส่วน หรือพูดง่ายๆ ว่า มีหลายๆกองทุน หลายๆสไตล์ กระจายการลงทุนออกไป (แต่แนะนำให้มีกองทุนไม่เกิน 8-10 กองทุนเท่านั้น เพื่อติดตามผลงานของแต่ละกองทุนได้ง่าย และ rebalance ได้ง่ายระหว่างปีด้วยเช่นกัน) เช่น ชอบ ONE-UGG-RA มาก มี ถึง 40-50% ของพอร์ทเลย แม้ผลงานย้อนหลังของกองทุนดังกล่าวจะดี เราแนะนำว่ากองทุนแบบหุ้นเติบโต ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน ควรจะนำไปผสมกับกองทุนรูปแบบอื่นใน DM ด้วย
❤การจัดพอร์ทแบบ 60/20/20 นั้นมุ่งหวังให้ทุกคนเข้าใจหลักในการกระจายกองทุนออกเป็นส่วนต่างๆ ไม่กระจุกตัวไว้ในกองทุนแบบเดียว ซึ่งการเน้นตลาด DM ในความคิดของเราคือมีโอกาสในการเติบโตควรคู่กับความมั่นคงหวังผลได้มากกว่า EM และ Thematic ที่ควรเป็นเพียงส่วนเพิ่มผลตอบแทนจากส่วนที่มั่นคง (แน่นอนถ้าประเทศกลุ่ม DM มีผลงานที่ไม่ค่อยดี มักจะทำให้ผลงาน EM แย่ไปด้วย สังเกตได้จากราคาดัชนีหุ้นในปัจจุบันที่เชื่อมโยงถึงกัน) แต่นี่ไม่ได้การันตีว่า DM จะดีกว่า EM เสมอไป จึงต้องมีการติดตามการลงทุนบ้าง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
❤การจัดพอร์ทแบบ 60/20/20 นั้นอาจจะไม่ถูกต้องตามหลัก Asset Allocation ซึ่งมีแต่ Equity 100%
ดังนั้นไม่เหมาะกับทุกคนที่รับความเสี่ยงได้ต่างกัน สามารถดูการทำ asset allocation ร่วมกับทรัพย์สินอื่นๆได้ที่
1
ย้ำ ตัวอย่างกองทุนที่เราจัดมาให้ทั้งหมด มีความน่าสนใจ กองทุนหลักมีผลงานที่ดี และกองทุนไทยมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน และเป็นกองทุนที่แนะนำให้ศึกษากันต่อ ก่อนที่จะจัดเข้าพอร์ทกันนะ
กองทุนที่ติดดาวไว้คือกองทุนที่เราชอบเป็นการส่วนตัว ซึ่งไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุน
สามารถดูการจัดกองทุนประเภทต่างๆได้ที่
จัดกลุ่มกองทุนรวม มีเยอะแค่ไหนก็ไม่งง:
รีวิวกองทุน Global Equity
รอติดตาม รีวิวกองทุนกลุ่ม EM .. Coming Soon 😄
เป็นเพียงไอเดียในการจัดพอร์ท เพื่อให้ไปศึกษาต่อได้ง่ายขึ้น ไม่ได้ชี้นำการลงทุน
โฆษณา