17 ส.ค. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
- มาแข่งขันใช้ชีวิตกันเถอะ -
1
เคยสงสัยไหมครับทำไมชีวิตจึงมีสิ่งที่ควรมีเยอะมากแบบไม่สิ้นสุด ทุกคนต่างรู้ดีว่าเราต้องตะเกียกตะกายเพื่อให้ชีวิตเป็นไปตามคู่มือที่ว่ากันว่าเป็นทางที่ถูกต้องสู่ความสำเร็จ
หากเราวิ่งด้วยความเร็วที่ต่างจากคนอื่นย่อมรู้สึกว่าเป็น “ผู้รั้งท้ายในการแข่งขันนี้” ในที่สุดสังคมจะไล่ต้อนคุณอีกครั้งจากคำพูดและการกดดันจากสายตาคนอื่น
เมื่อใกล้ถึงวัยเกษียณเต็มทีแต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ลิสต์ต่างๆ ที่ควรจะมีในคู่มือชีวิตกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ด้วยคำถามที่ว่า อายุปูนนี้ทำไมยังไม่แต่งงานอีก ยังอยู่ห้องเช่าอยู่อีกหรอ รถยนต์ส่วนตัวยังไม่มีคงจะลำบากแย่เลย
บางครั้งเราก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับชีวิตแบบนี้ หรืออาจจะมีความสุขมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่จำใจต้องซื้อเพราะคู่มือชีวิตบอกว่าควรมี หรือจริงๆในชีวิตเรากำลังไล่ตามสิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี บางทีชีวิตอาจจะง่ายกว่าที่คิดก็ได้!!
1
จากหนังสือ “นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ” ทำให้ตกตะกอนความคิดว่าเรากำลังอยู่ในสนามแข่งขันความสำเร็จในชีวิตโดยไม่รู้ตัว โดยกติกาคือแข่งกันประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด ใครหาเงินได้เยอะกว่าหรือมีบ้านรถได้เร็วกว่าจึงเป็นผู้ชนะแล้วกำหนดทางเดินให้คนแพ้ ยิ่งสมัยนี้มีโซเชียลมีเดียที่คอยเปรียบเทียบกันแบบเรียลไทม์
หากเราออกจากการแข่งขันนี้ซะ ผู้เขียนหนังสือได้ให้คำอธิบายไว้ว่า “ถอดเครื่องนุ่งห่มทางโลกแล้วโล่งดีแฮะ แม้จะหนาวไปเสียหน่อยก็ตาม” จากความคิดส่วนตัวสิ่งที่ทำให้เราหนาวมากที่สุดคงไม่พ้นลมปากจากป้าข้างบ้านเป็นแน่ (ไม่ได้จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเหมือนลูกป้าหรอ ไม่เป็นไรนะ พยายามใหม่!!)
1
คำอวยพรตั้งแต่วัยเยาว์ที่ทุกคนได้รับล้วนเป็นสิ่งที่กระชากเราเข้ามาในการแข่งขันนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะขอให้ร่ำรวยจนเป็นมหาเศรษฐี สอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ อันดับหนึ่งของประเทศให้ได้ เป็นหมอให้ได้นะลูกนะ หากทำไม่ได้ก็ไม่แปลกที่เด็กจะมองตัวเองว่าเป็น “ไอ้ขี้แพ้” และหากทำได้ก็จะกดดันตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด
ซึ่งคำปลอบใจยอดนิยมก็คือ พยายามขึ้นอีกสิ ตั้งใจมากกว่านี้ เดี๋ยวก็ประสบความสำเร็จเอง แหละ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ!! แล้วแค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จกันล่ะ คู่มือชีวิตไม่ได้มีเขียนกำหนดติดตัวตั้งแต่เกิดซะเมื่อไรว่าทางนี้เป็นทางที่ถูกต้อง เพราะชีวิตยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบทำไมไม่เล่นสนุกให้เหมือนปริศนาฟ้าแลบ!!
การกดดันตัวเองในการตัดสินใจแต่ละวันของเราจึงเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความคิดที่ว่าการตัดสินใจทุกอย่างจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของตัวเอง ในความจริงแล้วชีวิตมักเล่นตลกกับเราเสมอถึงแม้จะไตร่ตรองการตัดสินใจดีแค่ไหนก็ตาม
2
ดังนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หันกลับมาใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายถ้าชีวิตเล่นตลกกับเราก็ขำกับมันซะ!! ล้มแล้วก็ลุกยืนขึ้นใหม่ เราจะไม่รั้งท้ายหากไม่อยู่ในกติกา
คำสอนของเว่ยหล่างมีหลักคิดง่ายๆ แบบลัทธิเซนที่ว่า ในเมื่อปกติคนส่วนมากก็คิดผิดกันเป็นประจำอยู่แล้ว วิธีง่ายๆ ที่มีโอกาสพบทางที่ถูกต้องมากกว่าคือต้องคิดสวนกระแส เมื่อคนส่วนมากกำลังแข่งขันกันด้วยความเคร่งเครียดมากขึ้นๆ เรื่อยๆ
แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าชีวิตที่มีอะไรน้อยลงอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้ กลุ้มใจน้อยลง พยายามน้อยลง เสียดายสิ่งที่ผ่านไปแล้วน้อยลง ใครเป็นคนกำหนดว่าการพยายามน้อยลงหมายความว่าชีวิตล้มเหลวกันล่ะ ในเมื่อไม่ได้ลงแข่งในกติกาเดียวกันตั้งแต่แรกก็ไม่สามารถบอกได้ว่าใครแพ้ชนะ
อย่าเข้าใจผิดว่าความคิดเช่นนี้คือการยอมแพ้ต่อชีวิต ในทางกลับกัน “อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นเลยเลิกตั้งใจใช้ชีวิตต่างหาก” จะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องโบยตีตัวเองด้วยความเครียดและกดดัน อดหลับอดนอน ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครสามารถเฉลยบททดสอบของชีวิตได้ เพราะจริงๆ แล้วคู่มือชีวิตที่ทำตามๆกันมา เป็นเพียงการรับรองว่าดีเกินค่าเฉลี่ยเท่านั้น
การที่ชีวิตได้ลองผิดลองถูกแม้ผิดหวังล้มเหลวก็เจ็บแค่เท่าทุน เพราะยังไงคนที่แข่งขันในเส้นทางเดิมก็ต้องล้มเหลวเกินครึ่งอยู่แล้ว เราแค่ล้มเหลวในทางของเราแบบไม่ต้องโทษใคร เพราะบางครั้งการหลงทางก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและได้พบเจออะไรใหม่ๆ บ้าง
ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เร็วเท่าคนอื่น ลองเดินต้วมเตี้ยมบ้างก็ได้ ถึงจะรั้งท้ายแต่ไม่ต้องไล่ตามหรอก ความเร็วแต่ละคนไม่เท่ากัน บางทีเป้าหมายของเราอาจจะคนละระยะทางกันก็ได้ ระยะทางของผมอาจจะเป็นมาราธอน ไม่ต้องรีบวิ่งแบบ 100 เมตรเหมือนคนอื่นซะหน่อย จริงมั้ยครับ!!
2
สุดท้ายนี้คุณจะเลือกเป็นไก่หรือเป็นอินทรี หากพยายามจนประสบความสำเร็จจะเป็นอินทรีที่สง่างาม ขอยกตัวอย่างคำพูดปลุกใจฉบับไลฟ์โค้ช แต่ผมไม่ได้อยากเป็นอินทรีนี่หน่า
ผมชอบกินไก่ทอดงั้นขอเลือกเป็นไก่ก็แล้วกันมีประโยชน์กว่าอีก ใครวิ่งเร็วนำไปก่อนเลยครับพอดีผมเป็นคนต้วมเตี้ยม ไม่ใช่คู่แข่งที่ดีของคุณหรอกครับ!!
1
“พอเริ่มไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ชีวิตเราก็ดีใช้ได้เลยนะเนี่ย” อัจฉริยะมักพ่ายให้กับผู้พากเพียร แต่ผู้พากเพียรยังคงต้องพ่ายให้กับผู้ที่ทำงานด้วยความรื่นรมย์ แต่เราไม่ได้สนุกเพื่อจะเอาชนะใคร เพราะการเอาชนะช่างไม่รื่นรมย์เสียเลย
1
ชีวิตเราก็เหมือนกับการวาดรูปหากลงน้ำหนักมือมากเกินไปเส้นอาจจะแข็งทื่อไม่สวยงาม ควรรู้จักที่จะผ่อนมือซะบ้างเส้นถึงจะพริ้วไหวไปตามความรู้สึกที่แท้จริง
1
หากชอบบทความนี้ กดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปของเนิร์ดด้วยนะคร้าบบ 🙏🏻😊
1
โฆษณา