16 ส.ค. 2021 เวลา 04:53 • ข่าว
สรุปสถานการณ์ เกิดอะไรขึ้นเมื่อ ‘ตาลีบัน’
ยึดอัฟกานิสถานได้เกือบเบ็ดเสร็จ
3
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศ ‘อัฟกานิสถาน’ ในเวลานี้คงเป็นสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธ ‘ตาลีบัน’ ได้เริ่มเปิดฉากเข้ายึดประเทศอีกครั้งหลังจากการประกาศถอนตัวของกองทัพสหรัฐฯ ที่ปักหลักอยู่ในประเทศแห่งนี้ยาวนานถึง 20 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
7
สิ่งที่เกิดขึ้นคือกองทัพตาลีบันได้ใช้ยุทธวิธี ‘ป่าล้อมเมือง’ โดยกรีฑาทัพเข้ายึดเมืองสำคัญต่างๆ ทั้ง กันดาฮาร์, เฮรัต, คาฮาร์ อี นาว, ลัชคาร์ กาฮ์ และกาซนี รวมทั้งเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ตาลีบันมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่เมื่อวานนี้จะสามารถเข้าตีกรุงคาบูลเมืองหลวง และศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลอัฟกานิสถานที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของสหรัฐฯ จนแตกและยึดเมืองได้สำเร็จ
5
สถานการณ์การรุกคืบเข้ายึดเมืองต่างๆ ของตาลีบันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า นี่เป็นความล้มเหลวอย่างยิ่งของรัฐบาลหุ่นเชิด ที่เมื่อไร้ซึ่งการคุ้มครองจากสหรัฐฯ ก็ไม่อาจจะขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้ แม้ที่ผ่านมาสหรัฐฯ จะทุ่มงบประมาณ ทุ่มกำลังพล ให้กับกองทัพของรัฐบาลอัฟกัน แต่ก็ไร้ประสิทธิภาพ มิหนำซ้ำความพ่ายแพ้ของรัฐบาลอัฟกันต่อตาลีบันก็เป็นเหมือนความพ่ายแพ้ของสหรัฐฯ ที่พยายามเข้าไปจัดแจงกิจการภายในประเทศอื่นๆ เหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับสงครามเวียดนาม ที่สุดท้ายก็ไม่สามารถเอาชนะได้ และต้องพ่ายแพ้กลับไปเช่นกัน
3
🔵 คาบูลโดนตีแตก รัฐบาลกระเจิง ประธานาธิบดีเผ่นออกนอกประเทศ
1
ประธานาธิบดีอัชราฟ ฆานี ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า เขาได้เดินทางออกนอกประเทศเป็นที่เรียบร้อยโดยที่ไม่ได้ระบุว่าจุดหมายปลายทางคือประเทศใด ซึ่งอ้างเหตุผลการลี้ภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดที่อาจจะเกิดขึ้น จากการปะทะของกังกำลังทั้งสองฝ่าย ซึ่งส่งผลให้ตาลีบันเข้ายึดครองได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากไม่มีผู้ปกครองประเทศรวมทั้งรัฐบาลอีกต่อไป
4
สื่อต่างประเทศมีการวิเคราะห์กันถึงความพ่ายแพ้ที่รวดเร็วของรัฐบาลอัฟกันว่า คงเป็นเพราะความอ่อนปวกเปียกของทั้งกองทัพและรัฐบาล ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน จนเหมือนกับพ่อปกป้องลูกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย เกิดอะไรขึ้นทีก็ต้องมีพ่อออกโรงจัดการให้เสมอ
7
แต่ในวันที่พ่อไม่อยู่แล้ว ลูกก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ฝีมือที่ดูแลตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเมื่อภัยที่แข็งแกร่งได้รุกรานเข้ามาเมืองแล้วเมืองเล่า พ่ายแพ้ในพื้นที่ต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนประเมินแล้วว่าไม่อาจจะต่อกรได้อย่างแน่นนอน สิ่งที่ทำได้คือการหนีเท่านั้น ปล่อยให้ประเทศเผชิญชะตากรรมเอาเอง
1
การที่ตาลีบันสามารถยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ สร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ที่กล่าวโทษไปยังสหรัฐฯ ว่า การที่สหรัฐถอนกองกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองอัฟกานิสถานได้อย่างรวดเร็ว
3
พร้อมกับเตือนว่า ไม่เพียงแค่ตาลีบันที่จะกลับมามีอำนาจ แต่กลุ่มก่อการร้ายเลื่องชื่ออย่าง ‘อัลกออิดะห์’ และกลุ่มไอเอสที่มีความอันตรายที่สุดจะกลับมาครองอำนาจในอัฟกานิสถาน และจะกลายมาเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่งที่อาจจะเป็นภัยต่อโลก
6
แม้ว่าโฆษกของตาลีบันจะออกมาประกาศว่า การยึดครองเมืองหลวงได้ครั้งนี้ จะไม่มีการทำอันตรายกับชาวต่างชาติ รวมทั้งสถานทูต และนักการทูตของประเทศต่างๆ และจะทำหน้าที่รักษาเมืองหลวงเอาไว้ก็ตาม แต่หลังจากที่มีการยึดกรุงคาบูลก็มีการปะทะ มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะตามการรายงานของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
3
🔵 บังคับผู้หญิงลาออกห้ามทำงาน
3
ด้วยการที่ตาลีบันเป็นกลุ่มที่มีการใช้หลักกฎหมายอิสลามอย่างเข้มข้นในการปกครอง ซึ่งมีการลิดรอนสิทธิสูงมากโดยเฉพาะความเท่าเทียมทางเพศให้อำนาจชายเป็นใหญ่ มีรายงานว่าเมืองต่างๆ ที่ตาลีบันยึดครองได้ มีการให้ผู้หญิงห้ามทำงานอีกต่อไป โดยบางที่กลุ่มสมาชิกตาลีบันถึงขนาดเดินเข้าไปยังสำนักงาน ธนาคาร บริษัทต่างๆ ที่มีผู้หญิงเป็นพนักงาน พร้อมกับสั่งให้ลาออกกลับบ้านทันทีและห้ามมาทำงานอีกต่อไป หากบ้านไหนมีญาติผู้ชายก็ให้ส่งผู้ชายมาทำงานแทน ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองเฮรัต และกันดาฮาร์
13
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางโฆษกของตาลีบันจะยังไม่ยืนยันว่ามีการออกคำสั่งห้ามผู้หญิงอัฟกานิสถานทำงานอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่หลายเมืองที่ตาลีบันปกครองก็เริ่มกลับไปใช้กฎหมายอิสลามที่เคร่งครัดเหมือนกับที่เคยปกครองในนามรัฐบาลเมื่อปี 2539-2544 ก่อนที่สหรัฐจะเข้าบุกอัฟกานิสถานพร้อมกับขับไล่รัฐบาลตาลีบันและยกเลิกกฎหมายห้ามผู้หญิงทำงานเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
3
🔵 ผู้คนเริ่มหนีออกนอกประเทศ สนามบิน-ชายแดนโกลาหน
โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพและคลิปความโกลาหนที่เกิดขึ้นในกรุงคาบูลหลังจากการยึดครองประเทศของตาลีบัน ทำให้ประชาชนในเมืองหลวงต่างเบียดเสียดยัดเยียดกันเพื่อที่จะเดินทางออกนอกประเทศ
10
สนามบินนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูลกลายเป็นพื้นที่ที่มีความโกลาหนมากที่สุดเพราะมีผู้คนนับพันต้องการขึ้นเครื่องบินเพื่อลี้ภัย ด้วยความไร้ระเบียบ ไร้การควบคุม ไร้มาตการรักษาความปลอดภัยใดๆ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเหยียบเพราะทุกคนต่างยื้อแย่งกันไปขึ้นเครื่องบิน
2
เดอะนิวยอร์กไทม์ส รายงานว่าเกิดเสียปืนดังขึ้นเป็นระยะรอบๆ พื้นที่สนามบิน ขณะที่เที่ยวบินพานิชย์ทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางการทหารก็ถูกระงับไม่ให้ขึ้นบิน ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินพาณิชย์ถูกบังคับให้ลงจากเครื่อง สถานการณ์ดูเลวร้ายลงเป็นอย่างมาก
4
ขณะที่สหรัฐฯ ได้ส่งทหารจำนวน 3,000 นายเพื่อช่วยเหลือในการอพยพพนักงานออกจากสถานทูตสหรัฐประจำอัฟกานิสถาน ส่วนอังกฤษส่งทหารราว 600 นายเพื่ออพยพประชาชนออกจากประเทศเช่นกัน
1
นอกจากนี้ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และนอร์เวย์ ต่างก็ประกาศอพยพประชาชนของตนออกจากอัฟกานิสถานแล้ว
2
ส่วนพื้นที่ชายแดนฝั่งที่ติดกับประเทศเพื่อบ้านก็เริ่มแออัดไปด้วยประชาชนชาวอัฟกันที่ต้องการลี้ภัยข้ามแดน โดยประเทศตุรกีตอนนี้มีชาวอัฟกันกำลังข้ามพรมแดนเข้าประเทศวันละหลายร้อยคน เพื่อหนีภัยสงครามและความยากจน ซึ่งในตุรกีเองก็มีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอยู่แล้วเกือบ 4 ล้านคน ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่เห็นผู้ลี้ภัยอพยพเข้ามาเพิ่มเติม
1
มีการรายงานว่าตอนนี้มีการแจ้งความประสงค์ขอลี้ภัยออกนอกอัฟกานิสถานในจุดหมายปลายทางมากถึง 60 ประเทศ ซึ่งรวมไปถึงในยุโรปและอเมริกาเหนือ
1
สหประชาชาติเตือนอัฟกานิสถานว่า กำลังจะเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จนถึงตอนนี้มีชาวอัฟกันพลัดถิ่นฐานแล้วราว 330,000 คน จำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 72,000 คน
4
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
โฆษณา