20 ธ.ค. 2021 เวลา 05:34 • การศึกษา
การศึกษาแบบ นีโอฮิวแมนนิส หรือ positive perfection คืออะไรกันแน่ มีลักษณะอย่างไร ผมมีบทความสรุปสั้นๆ มาแชร์กันครับ
นีโอฮิวแมนนีส มีลักษณะเป็น แนวทางการเรียนการสอนที่เอื้อให้เด็กมีความเก่ง ฉลาด แข็งแรง มีน้ำใจโดยใช้วิธีการด้านบวกเป็นหลัก ซึ่งมีหลักการพื้นฐานคือ
1.) เน้นสร้างบรรยากาศให้คลื่นสมองต่ำ
2.) เน้นสร้างพัฒนาการเซลส์สมองเด็ก
3.) เน้นสร้างภาพด้านบวกให้กับเด็ก
4.) เน้นการสร้างตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก
5.) เน้นการให้ความรักกับเด็ก
คลื่นสมองต่ำ คือ
สภาวะที่จิตอยู่ในลักษณะผ่อนคลายที่สุด ไร้ความเครียดและกังวล เพราะสภาวะจิดใจเช่นนั้น จะทำให้คนเราเกิดการเรียนรู้ และใช้ศักยภาพของตัวเองได้สูงที่สุด ดังนั้นเราจึงสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด เมื่อเรามีความสุข ความสบายใจ หรือ สภาวะคลื่นสมองต่ำ
ลักษณะคลื่นสมองแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 2 กลุ่ม คือ
1.) คลื่นเบต้า มีความถี่คลื่นสมองอยู่ที่ 13 - 40 รอบต่อวินาที อันเป็นลักษณะของคนที่มีความเครียดอยู่สูง ในสภาวะเช่นนี้คน จะเรียนรู้ได้ช้า และไม่มีความสุข
2.) คลื่นสมองอัลฟา มีความถี่คลื่นสมองอยู่ที่ 8 - 13 รอบต่อวินาที อันเป็นลักษณะคลื่นสมองของคนที่มีความสงบในจิตใจ ในสภาวะเช่นนี้คนจะเรียนรู้ได้เร็ว จดจำได้ดี และมีความสุข
การสร้างสภาวะคลื่นสมองต่ำ ทำได้หลายวิธี
เช่นการฟังดนตรีที่ดี การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การพูดคุยกับคนรอบข้าง การฝีกโยคะ การฝึกสมาธิ
ดังนั้นในการจะส่งเสริมให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนั้น เราจำเป็นต้องจัดการสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม คือ ต้องได้รับความเป็นมิตรจากคนรอบข้าง ยิ้มแย้ม ได้รับประทานอาหารที่ดี (ไม่มีโปรตีนมากเกินไป และรสไม่จัด) ได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ได้รับการชมเชยอย่างเพียงพอ
หากได้มีการฝีกโยคะ และสมาธิ โดยมีเพลงบรรเลงคลออยู่เบาๆ ก็จะทำให้คลื่นสมองอยู่ในระดับต่ำ และพร้อมที่จะได้รับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
การพัฒนาเซลส์สมอง โดยเด็กแทบทุกคนเกิดมาด้วยจำนวนเซลส์สมองที่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่จะกำหนดความฉลาดของแต่ละคนนั้นคือ เซลส์ประสานประสาท (Synapse)
โดยหากยิ่งมีเซลส์ประสานประสาทมากขึ้นเท่าใด การทำงานของสมองก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น กล่าวง่ายๆคือ ความคิดที่ว่องไว เฉียบคม และความจำที่ดี มีผลมาจากการที่มี เซลส์ประสานประสาทที่่มากนั้นเอง
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ เซลส์ประสานประสาทที่มีความหมายมากมายนี้ พัฒนามากกว่า 80% ในช่วงต้นของชีวิต (ปฐมวัย)
การพัฒนาเซลส์สมองสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การออกกำลังกายที่ได้ฝึกการใช้มือและเท้ามากๆ เช่นการเต้นแอโรบิค การว่ายน้ำเป็นต้น นอกจากนี้การฝึกใช้จิตนาการของสมองโดยตรง เช่นงานศิลปะ การปั้นแป้ง ดนตรี ร่วมไปถึงการฝึกที่เป็นวิชาการเช่นคณิตศาสตร์ ภาษา ล้วนมีส่วนในการพัฒนาการของเซลส์สมองทั้งสิ้น
การสร้างภาพพจน์ด้านบวกให้กับเด็ก คือการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตัวเด็กเอง เช่นรู้สึกว่าตัวเองมีความเก่ง มีความสามารถ ดูดี สิ่งต่างๆเหล่านี้จะรวมกันเป็นความมั่นใจ ซึ่งจะทำให้เด็กพร้อมเมื่อจะต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จลุล่วง
ซึ่งจะต่างจากเด็กที่ไม่มีความมั่นใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างภาพพจน์ด้านบวกให้กับตัวเด็ก เพื่อให้เด็กมีความรู้สึกมั่นใจ และเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
ซึ่งสามารถที่จะทำได้ด้วยวิธีการง่ายๆเช่น การชมเชย การยอมรับ การแสดงความยินดีเมื่อทำบางอย่างสำเร็จ ฯลฯ
การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก
เนื่องจากเด็กจะสามารถรับข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็วผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางการมองเห็น โดยเด็กจะสามารถรับข้อมูลฝ่านการมองได้มากกว่าสิ่งที่เขาได้ยิน กล่าวคือเด็กๆจะทำตามสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่บอกให้เขาทำ ดังนั้นพฤติกรรมของผู้ใหญ่จึงเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเด็ก โดยหากเด็กอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ที่อารมย์ดี เด็กก็จะมีอารมย์ที่ดีด้วย
หรือหากอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ที่สุภาพ มารยาทดี เด็กก็จะมีมารยาทที่ดีด้วยเช่นกัน
แต่ในทางกลับกันหากบ้านใดพ่อแม่ติดโทรทัศน์ หรือพูดจาไม่สุภาพ เด็กก็จะมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกัน
การให้ความรักเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับเด็กในช่วงต้นของชีวิต
การได้รับการสัมผัสที่อบอุ่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความเข้าใจ การให้อภัย และการให้กำลังใจ จากคนที่อยู่รอบตัวเด็กจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็กมีความสุข และมองชีวิตในแง่ดี
ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดีได้ หากเติบโตมาด้วยความรัก และมีความสุขตั้งแต่วัยเยาว์ (ผมก็เชื่อในสิ่งนี้เหมือนกัน)
สภาพแวดล้อมเรียน และกิจกรรม สำหรับการสอนแนวนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์จะเน้นการสร้างบรรยากาศ และกิจกรรมในโรงเรียนด้วยการให้เด็กนั่งสมาธิ และเล่นโยคะ เพื่อให้เด็กอยู่ในภาวะคลื่นสมองที่ต่ำมากที่สุดที่จะทำได้ ตามหลักการที่กล่าวมาข้างต้น คลื่นสมองที่ต่ำจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ดีตามมา
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะเน้นการพูดคุยเรื่องข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ และร้องเพลงร่วมกัน เรียนรู้เรื่องของคุณค่าชีวิตในด้านต่างๆ เช่น ความสงบ ความกล้าหาญ และความสนุกสนาน ผ่านการเล่นเกมส์
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักศีลธรรม และท่องจำเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายให้เด็กสามารถที่จะอธิบาย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักศีลธรรม และประเมินผลการกระทำของตนเองได้ (อันนี้ออกจะเป็นแนวศาสนานิยมไปนิด แต่พอรับได้ครับ)
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการเรียนรู้แบบปกติ เช่น ทำงานอาสาสมัคร ร่วมงานเทศกาลในหมู่บ้าน ไปทัศนศึกษา เพื่อให้เกิดแรงเสริมต่อการเรียนรู้ เป็นรางวัลจากการค้นพบการเรียนรู้เอง
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ นั้นจะเน้นเรียนรู้ระบบนิเวศวิทยา ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ การเกษตร และภูมิศาสตร์ จากการทำสวน ให้เด็กได้ดูแลต้นไม้ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ได้อยู่กับธรรมชาติ ฤดูกาล และได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่โดยรอบ
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะให้กำลังใจ ให้รางวัล กับการคิด และพูดในสิ่งที่ดีอยู่เสมอ
สิ่งที่คาดหวังว่าเด็กจะได้รับ จากแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ คือ
เด็กจะได้รับการช่วยเหลือ ให้้พัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก สามารถดำเนินไปได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยกิจกรรมเพื่อพัฒนาในทุกด้านของชีวิต
ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) จะทำให้คนเรามีความสุขในชีวิตได้ง่าย และสามารถที่จะมุ่งมั่นในการกระทำจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ มุ่งพัฒนา อัจฉริยภาพในตัวเด็กทุกคนให้ปรากฏออกมามากที่สุด โดยจะพัฒนาเด็กให้เป็นคนสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจด้วย
ที่มา อนุบาลในดวงใจ
โฆษณา