Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มีเรื่องมาเล่า
•
ติดตาม
16 ส.ค. 2021 เวลา 17:49 • หนังสือ
ความทรงจำของวันพรุ่งนี้
ผู้เขียน โอกิฮาวาระ ฮิโรชิ
ผู้เเปล หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
เเพรวสำนักพิมพ์
มาซายูกิ ชายวัย 50 ปี พนง.บริษัทโฆษณา ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดเป็นเร็ว ซึ่งอาการของโรคเขารู้ดีอยู่เเก่ใจว่า ตัวเองจะค่อยๆ สูญเสียความทรงจำ เเละตายในที่สุด เเต่สิ่งที่เขากลัวกว่านั้นคือ เมื่อความทรงจำค่อยๆ หายไป เขาจะกลายเป็นคนอื่นไหม กลายเป็นชายคนอื่นที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ นั่นไม่ใช่ตัวเขา
1
มาซายูกิ มีตำเเน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายขาย หลังจากรับรู้อาการป่วย เเละได้รับการรักษา เขาคิดว่าตัวเองยังสามารถทำงานต่อไปได้ เนื่องจากอาการยังไม่หนัก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำตัวให้เป็นปกติ เละไม่กระทบต่องาน เเต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับว่าโรคส่งผลต่อการงานของเขา เขาไปประชุมกับลูกค้าสายเพราะลืมเส้นทาง ไม่สามารถจดจำเนื้องานบางอย่างได้ เเม้ว่าจะจดเเค่ไหนก็ตาม หากกระดาษหล่นหายไปก็เหมือนความทรงจำหล่นหายไปด้วย ไม่สามารถจดใบหน้าผู้คน รวมกระทั่งชื่อได้เลย เหมือนเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาหายวับ ถูกตัดออกไป เขาถูกเชิญให้ทำเรื่องเกษียณก่อนกำหนด เนื่องจากมีผู้ร่วมงานไปเเจ้งกับ ผ.อ. เเต่เขายังไม่อยากออกตอนนี้ เพราะลูกสาวเขาจะเเต่งงานในอีกนาน เขายังอยากเป็นพ่อที่สมบูรณ์พร้อมของลูกสาว
มาซายูกิ มีงานอดิเรก คือปั้นเซรามิก โดยเขาวางเเผนที่จะทำถ้วยชาคู่ให้เป็นของขวัญวันเเต่งงาน โดยเขาวางเเผนที่จะเผาในเตาเเบบขั้นบันไดที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก สำหรับลูกสาวเเละลูกเขย เขาทำงานปั้นอยู่ที่สตูดิโอเเถวบ้าน เนื่องจากสตูดิโอเเห่งนี้เป็นพื้นที่พักใจของเขา เขาจึงบอกอาการป่วยตามความเป็นจริงกับอาจารย์เจ้าของสตูดิโอว่าตัวเองกำลังเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดเป็นเร็ว หากลืมจ่ายค่าเผา ให้บอกเขาได้ทันที เเละวันหนึ่งเขาก็รับรู้ได้ว่าอาจารย์เจ้าของสตูดิโอหลอกเอาเงินทั้งที่มีการจ่ายไปเเล้ว ทั้งๆที่สตูดิโอเป็นพื้นที่พักใจเเต่เขาจะไม่กลับไปอีก เขาได้ฉีกวิธีการเดินทางเพื่อมาสตูดิโอทิ้ง เพราะสุดท้ายเเล้วเขาก็จะลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เขาได้ถือถ้วยชาคู่ที่ยังไม่ได้เผาเเบบขั้นบันไดกลับบ้านมา
หลังจากผ่านงานเเต่งของลูกสาวไป เขาได้ลาออกจากบริษัท มาซายูกิเป็นห่วง เอมิโกะ ภรรยาวัย 47 ปีของเขา หากเขาค่อยๆ สูญเสียความทรงจำไป เเละสูญเสียการควบคุมตัวเอง ไม่สามารถดูเเลตัวเองได้ เเละจากไปในที่สุด เอมิโกะจะอยู่อย่างไรต่อไป ดูเเลตัวเองได้ไหม เงินจะเพียงพอไหม เขาวางเเผนก่อนที่อาการจะเป็นหนักมากกว่านี้ ว่าจะไปดูเนิร์สซิ่งโฮมสำหรับตัวเอง เเต่ก็ถูกเอมิโกะคัดค้าน จนวันหนึ่งที่ลูกสาวป่วย เเละเอมิโกะต้องไปดูเเล เขาจึงตัดสินใจไปดูเนิร์สซิ่งโฮม เเละตั้งใจจะไปเตาเผาใกล้เคียงเพื่อทำการเผาถ้วยชาให้เสร็จ
เมื่อดูเนิร์สซิ่งโฮมเสร็จ เขาก็เดินทางไปเตาเผาที่สมัยหนุ่มได้ไปฝึกวิชา ระหว่างเดินทาง เอมิโกะก็โทรเข้ามา เขาคุยไม่จบ เเละสายก็ขาดไป
เมื่อไปถึงเตาเผาที่คุ้นเคยได้พบกับชายชราซึ่งเป็นอาจารย์สมัยหนุ่ม ชายชราเป็นโรคความจำเสื่อม เเต่สามารถทำเซรามิกได้อย่างคล่องเเคล่ว หลังจากเผาถ้วยชาคู่เสร็จ ซึ่งเป็นวันใหม่เเล้ว เขาได้ลาชายชรากลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน ได้หยุดพักที่เดิมที่เขาเคยสูบบุหรี่กับเพื่อน เขาเห็นภาพเพื่อน เเละเริ่มต้นสนทนา เเละกลับมารู้สึกตัว ว่านี่คือภาพหลอนจากความทรงจำ เพื่อนของเขาได้ตายไปแล้ว เขาเดินต่อพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอใครบางคนอยู่ตรงสะพาน เธอคงรู้สึกเหงามากเเน่ๆ จึงชวนเธอเดินมาด้วยกัน เขาถามชื่อเธอ เธอตอบว่า เธอชื่อ เอมิโกะ เขาเดินนำเเละเธอเดินตาม เขาไม่ได้คุยอะไรกับเธอ เพราะเห็นเธอปาดน้ำตาอยู่
1
สำหรับเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่เล่าถึงผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี ถึงเเม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่อยากป่วย ถึงเเม้ว่าจะฝืนสักเพียงใด ไม่อยากให้ความทรงจำของตัวเองเหล่านั้นหายไปมากเเค่ไหน เเต่ในที่สุดก็สูญเสียความทรงจำไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และกลายเป็นคนอื่นในที่สุด
ไม่รู้ว่าคนอื่นจะร้องไห้กับเล่มนี้หรือเปล่า เเต่เล่มนี้เรียกน้ำตาได้ ช่วงกลางเล่มไปถึงท้ายเล่ม ต้องหยุดอ่าน เพราะมันอึดอัด รวมถึงให้ความรู้สึกเศร้าไปด้วย
จริงๆเเล้วสิ่งที่เราหวงเเหน คือความทรงจำที่เราได้ใช้ร่วมกับคนรอบข้าง
สุดท้ายเเล้วจริงๆ ส่วนตัวชอบประโยคนี้ในหนังสือค่ะ "ความจำไม่ใช่ของเราคนเดียว เเต่สามารถแบ่งปันและยืนยันมันได้ด้วยกันกับใครสักคน"
สำหรับเล่มนี้มีการนำมาเป็นภาพยนตร์ ชื่อเรื่องว่า
"Ashita no kioku"
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย