18 ส.ค. 2021 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
รู้จัก คิมบอมซู ใช้เวลาแค่ 11 ปี ขึ้นมาเป็น คนรวยสุด ในเกาหลีใต้
9
เมื่อไม่นานมานี้ การจัดอันดับมหาเศรษฐีในประเทศเกาหลีใต้ อ้างอิงจาก Bloomberg Billionaires Index ผลปรากฏว่ามีผู้ที่สามารถแซงทายาท Samsung ขึ้นมาเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ นั่นคือ คุณคิมบอมซู
7
เขาคือผู้ที่สร้างความมั่งคั่งจากการพัฒนา KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ที่ได้ขยายอาณาจักร Kakao ไปในหลายธุรกิจ จนปัจจุบันเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ทั้ง ๆ ที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้เพียง 11 ปี
3
หากเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศอื่นอาจไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไร แต่ไม่ใช่สำหรับในเกาหลีใต้ เพราะประเทศแห่งนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยมหาเศรษฐีจากกลุ่มแชโบล ซึ่งส่วนใหญ่ร่ำรวยจากการสืบทอดรับมรดก
5
แล้วเส้นทางการสร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองของคุณคิมบอมซู เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
แม้ในระยะหลังมานี้ประเทศเกาหลีใต้เริ่มมีมหาเศรษฐีที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น
แต่ก็ยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือจีน
เพราะคนเกาหลีใต้ที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ จะมาจากการได้รับมรดก ซึ่งเป็นทายาทกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
หรือที่เรียกว่าแชโบล อย่างเช่น Samsung, Hyundai, LG และ Lotte
5
นั่นจึงทำให้การก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยสุดในเกาหลีใต้ของ “คิมบอมซู” ได้รับความสนใจ
คุณคิมบอมซู หรือชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษว่า Brian Kim คือผู้ก่อตั้งบริษัท Kakao
ผู้พัฒนา KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตที่ชาวเกาหลีใต้กว่า 3 ใน 4 ใช้งาน
4
นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ราคาหุ้น Kakao ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 90% นั่นจึงทำให้ความมั่งคั่งของคุณคิม เพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ราว 4.5 แสนล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินของทายาทรุ่นที่ 3 และรองประธานกรรมการบริหารของ Samsung ที่ชื่อคุณอีแจยง ที่มีทรัพย์สินราว 4.1 แสนล้านบาท
6
โดยเรื่องราวชีวิตของคุณคิม ก็นับว่าเป็นผู้สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองมาอย่างแท้จริง
1
คุณคิมเกิดและเติบโตในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 1966 โดยเขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน
1
ด้วยความที่พ่อแม่ของเขาเรียนจบเพียงระดับประถมศึกษา งานที่ทำจึงมีรายได้ไม่มากนัก พ่อแม่ของเขาจึงต้องทำงานหนัก ทำให้ลูก ๆ ทั้ง 5 คนถูกเลี้ยงดูโดยคุณยายเป็นหลัก ซึ่งสมาชิกทั้ง 8 คนของครอบครัวนี้ อาศัยอยู่ด้วยกันในห้องพักที่มีขนาด 1 ห้องนอน ในย่านยากจนของกรุงโซล
8
คุณคิมเลยคิดว่าการเรียนเก่งและได้เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง คือทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวมีฐานะที่ดีขึ้นได้ และเขาก็เป็นเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้อง ที่เรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยหาเงินค่าเทอมมาจากการรับสอนพิเศษ
7
ซึ่งคุณคิมก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศอย่าง Seoul National University ในสาขาวิศวกรรมอุตสาหการได้สำเร็จ ก่อนที่จะเรียนต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
7
พอเรียนจบ คุณคิมที่ตั้งใจว่าจะเลือกทำงานในที่ที่มีคอมพิวเตอร์ จึงเลือกสมัครเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่บริษัท Samsung SDS ในปี 1992
3
คุณคิมเล็งเห็นถึงการเติบโตและศักยภาพของอินเทอร์เน็ต เขาจึงตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานไปได้ 5 ปี เพื่อเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟในปี 1997
9
พร้อมกับทำซอฟต์แวร์สำหรับผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตคาเฟขาย รวมถึงเริ่มพัฒนาสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดอย่าง “เกมออนไลน์”
4
ผ่านไป 1 ปี คุณคิมก็ได้เปิดบริษัทเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Hangame ในปี 1998 ที่มีจุดเด่นเป็นเกมแนวกาสิโนที่เล่นง่าย และมีภาพกราฟิกคุณภาพสูง ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
4
ในระหว่างนั้น เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมหาวิทยาลัยและยังเริ่มทำงานที่ Samsung SDS มาพร้อมกัน ที่ชื่อว่า อีแฮจิน ก็ได้พัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ Naver ในปี 1999 ซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลที่มีเซิร์ชเอ็นจิน คล้ายกับ Yahoo! และ Google
10
โดย Naver ก็ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อมาแข่งกับเว็บพอร์ทัลอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ในขณะนั้น ที่ชื่อว่า Daum ซึ่งเปิดตัวก่อน 2 ปี
3
ทั้งคุณคิมและคุณอี ต่างก็มีเป้าหมายที่คล้ายกัน คือต้องการขับเคลื่อนโลกอินเทอร์เน็ตในประเทศเกาหลีใต้ และบริษัทของทั้งคู่ก็กำลังไปได้สวย พวกเขาจึงตัดสินใจควบรวม Hangame กับ Naver ในปี 2000 และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “NHN”
5
ในปี 2005 คุณคิมเดินทางไปที่ซิลิคอนแวลลีย์ เพื่อเตรียมนำบริษัทเกมขยายไปสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา แต่กลายเป็นว่าไม่ประสบความสำเร็จ
2
ความล้มเหลวในครั้งนี้ บวกกับการอยากลองเริ่มเส้นทางใหม่ของตัวเอง ทำให้คุณคิมตัดสินใจลาออกจาก NHN ในปี 2007
6
คุณคิมซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้สร้างทีมขนาดเล็กกับบริษัทสตาร์ตอัปที่ชื่อว่า IWILAB แต่ยังไม่รู้ว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรดี
3
ซึ่งในปี 2007 นี้เอง บริษัท Apple ก็ได้แนะนำให้โลกได้รู้จักกับ iPhone เป็นครั้งแรก คุณคิมตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก และเมื่อเขาได้ซื้อมาลองใช้ เขาก็รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
2
และนั่นก็ทำให้คุณคิมตัดสินใจพาทีม IWILAB กลับมาที่เกาหลีใต้ เพื่อเริ่มคิดค้นและพัฒนาแอปพลิเคชันใน iPhone ก่อนที่ iPhone จะเริ่มวางขายที่เกาหลีใต้ในอีก 2 ปีถัดมา
9
คำถามสำคัญก็คือว่า พวกเขาจะพัฒนาแอปพลิเคชันอะไรดี
1
ทีมงานระดมความคิดและได้ข้อสรุปว่า แก่นของสมาร์ตโฟนก็คือการสื่อสาร พวกเขาจึงแบ่งทีมงานออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อลองพัฒนาแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการให้บริการข้อความ ในแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ได้แก่
5
KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตแบบระหว่างบุคคล
KakaoAgit แอปพลิเคชันการสนทนาแบบกลุ่ม
KakaoSuda แอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก
7
หลังจากทดลองแอปพลิเคชันทั้งหมดนี้ไป 2 เดือน ผลสรุปคือ “KakaoTalk” มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด
7
ในช่วงเวลานั้น WhatsApp ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2009 ที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เรื่องดังกล่าวจึงยิ่งทำให้คุณคิม มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์แรกของเขาควรเป็นแอปพลิเคชันแช็ต
3
และในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 iPhone ก็ได้เริ่มวางขายในประเทศเกาหลีใต้
ซึ่ง KakaoTalk ก็สามารถพัฒนาได้ทัน จนพร้อมเปิดตัวในอีก 4 เดือนหลังจากนั้น
3
หลังจากเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2010 KakaoTalk ก็มีผู้ใช้งานแตะ 10 ล้านคนภายในปีแรก
หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของจำนวนประชากรเกาหลีใต้ในขณะนั้น
3
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ KakaoTalk มีส่วนสำคัญจากการให้บริการฟรี ไม่ต้องเสียค่าบริการส่งข้อความเหมือน SMS หรือแม้แต่แอปพลิเคชันแช็ตคู่แข่งอย่าง WhatsApp ก็ยังมีการคิดค่าธรรมเนียมรายปี 0.99 ดอลลาร์สหรัฐในสมัยนั้น
2
ความสำเร็จของ KakaoTalk ในเกาหลีใต้ ก็ได้ทำให้บริษัทที่คุณคิมเคยร่วมก่อตั้งมาอย่าง NHN เริ่มเล็งเห็นถึงพลังของแอปพลิเคชันแช็ต
1
NHN จึงเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันแช็ตที่ชื่อว่า LINE แต่แทนที่จะโฟกัสในเกาหลีใต้ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการตามหลัง KakaoTalk ทาง NHN จึงทุ่มเทศึกษาตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นแทน
4
แม้ว่า KakaoTalk ก็เลือกเจาะตลาดที่นั่นด้วยเช่นกัน แต่กลับกลายเป็นว่าการใช้กลยุทธ์การส่งข้อความฟรีแบบในเกาหลีใต้ ไม่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็เพราะว่าคนญี่ปุ่นยังนิยมส่งข้อความกันด้วยอีเมลซึ่งฟรีอยู่แล้ว
7
Cr.KakaoTalk
ในขณะเดียวกัน NHN ที่ได้ศึกษาพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นมาก่อน จึงเลือกจุดขายให้กับ LINE ที่เปิดตัวในปี 2011 ด้วยฟังก์ชัน โทรออนไลน์แบบไม่เสียเงิน LINE จึงกลายเป็นผู้ชนะสงครามแอปพลิเคชันแช็ตที่ประเทศแห่งนี้
5
KakaoTalk ที่เจาะตลาดญี่ปุ่นไม่สำเร็จ ก็หันมาตั้งความหวังไว้กับประเทศจีนแทน
ซึ่งก็ดูมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะหนึ่งในผู้ลงทุนหลักของ KakaoTalk ก็คือ Tencent
3
แต่กลายเป็นว่า ระหว่างนั้นทาง Tencent ก็เปิดตัวแอปพลิเคชันแช็ตของตัวเองชื่อ WeChat ในปี 2011 เช่นกัน KakaoTalk จึงต้องผิดหวังอีกครั้ง
5
ฝั่ง NHN ก็กำลังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเอาชนะ KakaoTalk ในญี่ปุ่นได้แล้ว
เว็บไซต์ Naver ยังสามารถเอาชนะ Daum จนกลายเป็นเว็บพอร์ทัลอันดับ 1 ของเกาหลีใต้
4
และเพื่อต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปอีก ในปี 2013 NHN จึงแยกบริษัทออกเป็น บริษัทเกมออนไลน์โดยใช้ชื่อเดิมว่า NHN และบริษัทเว็บพอร์ทัลรวมถึงบริการดิจิทัลอื่นที่ใช้ชื่อว่า Naver ซึ่งมี LINE เป็นบริษัทในเครือ
1
ส่วน KakaoTalk ที่บุกตลาดต่างประเทศไม่สำเร็จ ก็กลับมาโฟกัสการเติบโตในประเทศเกาหลีใต้อีกครั้ง
6
ซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ Kakao เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเกาหลีใต้..
3
KakaoTalk ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ ได้ตัดสินใจควบรวมกิจการกับ Daum
เว็บพอร์ทัลอันดับ 2 ในปี 2014 และใช้ชื่อบริษัทว่า Daum Kakao ก่อนเปลี่ยนมาเป็น Kakao
2
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ Kakao กับ Naver กลายมาเป็นคู่แข่งกันในทุกประเภทผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งส่วนใหญ่ Kakao ก็มักจะเป็นผู้ริเริ่มในหลายบริการ จนมีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ ยกตัวอย่างเช่น
3
ปี 2014 เปิดตัว KakaoPay กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผูกกับบัญชีใน KakaoTalk
ปี 2015 เปิดตัว KakaoTaxi แอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น KakaoT
ปี 2016 เปิดตัว KakaoMap ที่พัฒนาต่อจาก Daum Map และให้บริการแผนที่ 3 มิติเจ้าแรกของประเทศ
ปี 2017 เปิดตัว KakaoBank ธนาคารดิจิทัล ซึ่งสามารถทำกำไรได้ภายใน 2 ปี
5
นอกจากนี้ Kakao ก็ยังขยายบริการไปในกลุ่มสื่อบันเทิง อย่างเช่น KakaoGame และ KakaoPage
ที่มีเว็บตูน ซึ่งก็ได้ควบรวมกับ KakaoM และเปลี่ยนชื่อเป็น Kakao Entertainment
3
โดย KakaoM ยังเป็นเจ้าของ Melon แพลตฟอร์มสตรีมเพลงออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศ
รวมถึงค่ายเพลง เช่น EDAM ที่เป็นต้นสังกัดของศิลปินหญิงเดี่ยว IU และบริษัทต้นสังกัดนักแสดงชื่อดังอีกมากมาย เช่น Management SOOP ต้นสังกัดของพระเอกกงยู
4
บริการทั้งหมดในเครือ Kakao จึงเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีใต้แทบจะทุกลมหายใจ
ถึงขนาดที่ว่าใครที่ต้องไปใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ ถ้าไม่มี Kakao จะลำบากมาก..
1
ในปีนี้ Kakao ก็เตรียมนำ KakaoBank และ KakaoPay จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ต่อจาก KakaoGame ที่เพิ่งเข้าตลาดไปเมื่อปลายปี 2020
3
รวมถึงยังมีแผนจะนำบริษัทย่อยอื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้ความมั่งคั่งของคุณคิมเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
2
ปัจจุบันคุณคิมในวัย 55 ปี เป็นประธานกรรมการ Kakao และถือหุ้นในกลุ่ม Kakao รวมกว่า 24%
1
ซึ่งคุณคิมก็ได้ผันตัวมาทุ่มเทเวลาและเงินไปกับการเป็นผู้ให้มากขึ้น ทั้งการลงทุนและสนับสนุนสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ผ่านการก่อตั้ง Venture Capital รวมถึงการบริจาคเงินเพื่อการกุศลจำนวนมาก
5
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวการสร้างตัวของคุณคิมบอมซู ที่นับว่ามีไม่มากนักในประเทศเกาหลีใต้
ทำให้ปัจจุบัน คุณคิมนอกจากจะขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศเกาหลีใต้แล้ว
3
เขายังได้กลายเป็นอีกหนึ่งในบุคคลต้นแบบ ที่ก่อร่างสร้างความสำเร็จด้วยฝีมือ ของตัวเอง..
6
โฆษณา