Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ใจที่ตื่นรู้
•
ติดตาม
31 ส.ค. 2021 เวลา 12:59 • ปรัชญา
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้ไปบรรยายธรรมที่ประเทศออสเตรเลีย วันหนึ่ง ข้าราชการสถานทูตของไทยได้นิมนต์ผู้เขียนไปชมเมือง รอบ ๆ ภูเขามีต้นยูคาลิปตัสชนิดหนึ่ง ต้นยูคาลิปตัสชนิดนั้นแปลกมาก มันมีผล และเป็นไม้เปลือกแข็ง พอผลิดอกออกผลก็จะหล่น เปลือกแข็งมาก เปลือกจะแตกออกมาเมื่อเกิดไฟไหม้ พอไฟป่าลามมาไหม้เปลือกจะแตก แต่เมื่อฝนตกลงมามันก็จะแตกกิ่งก้านผลิดอกออกใบเต็มภูเขา
ชีวิตของเราบางทีก็เป็นเช่นนั้น ต้องถูกความทุกข์คือไฟมาแผดเผาก่อน แล้วเนื้อในแห่งความสุขจึงจะแตกดังโพละออกมา เพราะฉะนั้น ถ้าไฟแห่งความทุกข์แผดเผาเรา ให้นึกถึงเปลือกแข็งของไม้ชนิดนี้ ไฟมันเผาเราก็เพื่อจะเคี่ยวเอาธาตุแท้ของเราให้แสดงตัวตนออกมา
ความสุขอยู่ในความทุกข์นั้นเอง และความทุกข์ก็สร้างเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขเอาไว้อย่างนี้ ดังนั้น ถ้าเมื่อไรที่ชีวิตของเรามีความทุกข์ก็กราบความทุกข์มันเลย ฝึกกราบความทุกข์ ฝึกขอบคุณความทุกข์ แล้วจะเห็นว่าชีวิตนี้มีเสน่ห์มาก ๆ
ถ้าเรามีทัศนคติที่ว่าความทุกข์จะกลายเป็นความสุข เราจะไม่กลัวทุกข์เลย ทุกข์มาเรากราบ เรายิ้มรับ หากทุกข์หนักแสดงว่าวันนั้นศาสตราจารย์มาเอง ให้นึกอย่างนี้แล้วเราก็จะไม่ตีโพยตีพาย ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ฆ่าตัวเองหรือผู้อื่น ไม่ท้อแท้เวลาที่ความทุกข์คืบคลานเข้ามาสู่ชีวิตเรา
มีผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากที่ได้อ่านหนังสือธรรมะของผู้เขียนมาหลายเล่ม เวลาเห็นผู้เขียนออกรายการโทรทัศน์ ผู้หญิงคนนี้พนมมือกราบทางโทรทัศน์ จนสามีบอกว่า
"เธอจะบ้าเหรอ"
แล้วเธอก็ตั้งความปรารถนาไว้ว่า
"ขอให้ได้เจอพระอาจารย์สักครั้ง"
ในที่สุดก็ได้เจอผู้เขียนตอนไปงานบรรยายแห่งหนึ่ง เมื่อผู้หญิงคนนี้เจอผู้เขียน เธอเอาแต่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ผู้เขียนถามว่า
"ทำไมถึงร้องไห้"
เธอบอกว่า
"ดีใจ คิดว่าจะตายโดยไม่ได้พบพระอาจารย์เสียแล้ว เวลาได้เห็นพระอาจารย์ออกโทรทัศน์ จะตั้งจิตอธิษฐานว่าในชีวิตนี้ขอให้ได้พบพระอาจารย์สักครั้งหนึ่ง"
แล้วเธอก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้กำลังทุกข์หนักหนาสาหัส
ปรากฏว่าโยมผู้หญิงคนนี้ทุกข์ เพราะเคยป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ใครไม่ป่วยด้วยโรคนี้คงไม่ทราบหรอกว่าทรมานแค่ไหน นับว่าเป็นน้อง ๆ มะเร็ง เฉียดตาย เจาะหลังรักษาก็ไม่แน่ว่าจะหายหรือเปล่า ถ้ารักษาไม่ดีก็มีสิทธิ์โดนอัมพาตถามหาได้
ผู้หญิงคนนี้ทุกข์แทบล้มประดาตาย ทุกข์มากจนสามีทิ้ง ก่อนไปสามีพูดกับเธอว่า
"ตอนที่แต่งงานกับเธอ ฉันแต่งกับผู้หญิงที่สวยที่สุด พร้อมที่สุด แต่พอหลังแต่งงานเธอก็เอาแต่ป่วย ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ใช่อย่างที่ฉันต้องการ แล้วกลายเป็นว่าฉันแต่งงานกับรั้วแห่งโรค ไม่ใช่รั้วแห่งความสุข พอแต่งเสร็จแล้วเธอมาป่วยด้วยโรคอย่างนี้ แล้วนี่ฉันเสียเวลากับเธอมากี่ปีแล้ว"
สามีพูดต่อหน้าอย่างนี้แล้วเดินออกไปจากชีวิต
ผู้หญิงคนนี้ทุกข์ไหม ทุกข์สิ ความป่วยส่วนตัวก็ทุกข์มากอยู่แล้ว ยังต้องมาทุกข์เรื่องสามีทิ้งอีก
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เธอทุกข์มากหนักหนาสาหัส จนตัดสินใจจะผูกคอตาย ในวันที่จะผูกคอตายนั้นเอง แม่มาเยี่ยมที่บ้าน ร้อยวันพันปีแม่ไม่เคยมา ในวันที่ลูกกำลังจะผูกคอตายแม่มาจากต่างจังหวัด เดินเข้าบ้านมา บ้านเงียบกริบ ไม่ได้ยินเสียงหมาเห่า ไม่ได้ยินเสียงแมวร้อง แม่สัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องผิดปกติกับลูกสาวแน่ ๆ ผลักประตูแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้อง พบว่าลูกสาวกำลังเอาเชือกคล้องคอ
ลูกสาวน้ำตาไหลพราก กำลังตัดสินใจในนาทีสุดท้ายนึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ว่า
"ชาตินี้ลูกมีกรรม ไม่ทันได้ทดแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่ แต่ความทุกข์ก็เข้ามาทำให้ลูกอำลาไปเสียก่อน ชาติหน้ามีจริงลูกขอชดใช้บุญคุณของพ่อแม่ภายหลัง"
อธิษฐานแค่นี้ แม่เข้ามาเห็นพอดีก็รีบวิ่งไปอุ้มลูก ปลดเชือกออกจากคอลูก แม่ไม่พูดอะไรสักคำ ลูบหัวลูก ลูกร้องไห้น้ำตาไหลเหมือนท่อประปาแตก นั่งนิ่งอยู่กับที่ประมาณ 1 ชั่วโมง แม่ก็ประคองลูกลุกขึ้น หาข้าวหาน้ำให้ทาน แม่ถามว่า
"ทุกข์มากขนาดนี้ทำไมไม่โทรหาแม่"
เธอบอกว่า
"หนูแต่งงานกับเขา หนูก็หวังจะสร้างเนื้อสร้างตัว สักวันหนูจะพาหลานไปกราบแม่ แต่มันไม่เหมือนกับสิ่งที่หนูคิด เขาไม่ใช่คนที่จะฝากความหวังอะไรได้เลย เขาเห็นแก่ตัวสุด ๆ หนูทุกข์ขนาดนี้แทนที่เขาจะดูแลหนู เขากลับบอกหนูว่าหนูไม่มีความสามารถในการดูแลเขา และเขาก็ทิ้งหนูไป"
แม่ปลอบว่า
"ลูกเอ๋ย แม่ยังอยู่ทั้งคน และหนูก็อายุแค่ 30 ต้น ๆ ไปอยู่กับแม่เถอะนะ ไปวันนี้เลย"
ลูกสาวถามว่า
"แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ"
แม่ตอบว่า
"บ้านที่ไม่มีความสุขจะเป็นบ้านได้อย่างไร หนูไปกับแม่ บ้านแม่นั่นแหละคือบ้านหนู"
เธอไปเปิดกล่องหยิบข้าวของ 2-3 อย่าง หยิบของที่มีค่ามากที่สุด แล้วก็ก้าวลงจากบ้านหลังนี้ ไม่กลับไปอีกเลยจนทุกวันนี้
ณ เวลานี้ เธอกลายเป็นเจ้าของสปาแห่งหนึ่ง และเปิดสอนโยคะ ลูกค้าต่างประเทศแทบทั้งหมด อาการป่วยที่ว่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเธอรักษามันโดยการฝึกสมาธิคู่กับโยคะ เธอบินไปเรียนโยคะถึงอินเดีย กลับมาก็เปิดร้านทำสปา เปิดคอร์สสอนโยคะ และแทบไม่ได้อยู่เมืองไทย เพราะลูกค้าต่างประเทศเชิญไปเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ตลอดเวลา และได้แต่งงานกับสามีชาวต่างประเทศ มีลูกที่น่ารัก มีความสุข และประสบความสำเร็จมาก
วันหนึ่ง เธอนั่งดูโทรทัศน์แล้วก็ได้ฟังผู้เขียนเทศน์ในเรื่อง "คุณค่าของความทุกข์" เธอตั้งใจขอให้ได้เจอผู้เขียนโดยที่ผู้เขียนไม่รู้จักเธอเลย เธอบอกว่า
"พระอาจารย์เทศน์เหมือนนั่งอยู่ในใจหนู ถ้าหนูไม่ทุกข์เพราะป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ถ้าหนูไม่ทุกข์เพราะถูกสามีทิ้ง ถ้าหนูไม่ทุกข์จนเกือบแขวนคอตาย หนูคงหาทางออกไม่เจอ ทุกข์ครั้งนั้นแท้ ๆ ทำให้หนูลุกขึ้นสู้ และการสู้เพราะอยากจะหนีทุกข์แท้ ๆ ทำให้หนูสุขจนไม่รู้จะพูดอย่างไร ขอบคุณชีวิตที่ทำให้มีวันนี้ ขอบคุณพระอาจารย์ที่ให้ข้อคิดเตือนใจ"
ผู้เขียนบอกว่า
"ถ้าจะขอบคุณอาตมา ขอให้ขอบคุณครูของอาตมาดีกว่า"
เธอถามว่า
"ครูของพระอาจารย์คือใครกันเจ้าคะ"
ผู้เขียนยิ้ม ๆ แล้วบอกเธอว่า
"พระพุทธเจ้า พระองค์นั่นแหละคือครูของอาตมาที่สูงสุดแล้ว เพราะท่านเป็นที่มาของคำว่า ทุกขัง อริยสัจจัง ความทุกข์เป็นความจริงอันประเสริฐ"
เห็นไหมมีคนมากมายที่หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์ เพราะเห็นว่าทุกข์นั้นเคลือบด้วยความสุข ทุกข์นั้นแฝงอยู่กับความสุข ทุกข์นั้นเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความสุข และทุกข์นั้นมีดอกผลเป็นความสุข ดังนั้น เมื่อเกิดมาในโลกนี้ เราจะทุกข์กันทั้งนั้น เหมือนกับปราชญ์ท่านว่าเด็กทารกแต่ละคน เมื่อคลอดออกมา ทันทีที่ออกจากท้องแม่ก็ร้องไห้ นั่นคือการส่งสัญญาณว่าทุกข์
การเกิดมานี้ทุกข์มาก ร้องไห้เลย มนุษย์ไม่ชอบความทุกข์ ที่จริงเมื่อทารกคลอดออกมา เขากำลังจะเปิดเผยความจริงอันยิ่งใหญ่ การร้องไห้นั้นคือความทุกข์ แต่เป็นความจริงอันประเสริฐ คนทั่วไปจะรีบหาวิธีให้เด็กหยุดร้องทันที นั่นเป็นการปิดบังความทุกข์
เวลาโทรศัพท์ไปหาเพื่อน "ฮัลโหล เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม"
ถ้าปลายสายบอกว่า "สบายดี ฉันเพิ่งกลับจากยุโรป"
ไม่นานก็จะขอวางสายเลย แต่ถ้าเขาโทรมาหาเรา แล้วเราบอกว่า
"ช่วงนี้ฉันทุกข์ ทุกข์หนักหนาสาหัส ปวดตามเนื้อตามตัว จะถูกไล่ออกวันไหนก็ไม่รู้"
คู่สนทนาก็จะคุยกับเรานาน นั่นคือ มนุษย์ถ้าอยู่กับใครแล้วคนที่อยู่ข้างหน้ามีทุกข์ก็จะมีเรื่องคุยด้วยมากมาย เพราะเขารู้สึกว่าพวกเดียวกัน แต่ถ้าเราไปนั่งคุยกับพวกที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่เรากลับไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย เราอยากจะลุกหนีทันที มนุษย์มักเป็นอย่างนี้
" ชี วิ ต มี เ ส น่ ห์ เ พ ร า ะ ค ว า ม ทุ ก ข์ "
• • • • •
ว.วชิรเมธี
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : หนังสือ "กลั่นทุกข์ให้เป็นสุข" | Suffering
|ความทุกข์เกิดขึ้นมาไม่ใช่เพื่อทำให้เราท้อ
|แต่เกิดขึ้นมาเพื่อให้เราก้าวต่อไปจนพบความสุข
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
กลั่นทุกข์ให้เป็นสุข (Suffering) | ว.วชิรเมธี 🌻
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย