19 ส.ค. 2021 เวลา 05:04 • การศึกษา
วัคซีน 3 เข็มช่วยฟื้นฟู ในวันที่การพูดภาษาอังกฤษของตัวเองแย่ลง
การ ฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นทักษะที่ใช้ในการสื่อสารทางภาษา แต่ละคนก็จะถนัดแตกต่างกันออกไป 1 ในภาษาที่ใช้กันแพร่หลายก็คือ ภาษาอังกฤษ ตัวผมมีโอกาสได้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นหลักไวยกรณ์ซึ่งน้อยครั้งมากที่จะนำมาใช้ในชีวิตจริง โชคดีตรงที่ผมชอบดูหนัง ฟังเพลงภาษาอังกฤษ การฟังหรือการเขียนของผมจึงอยู่ในระดับที่ถือว่าดีเลยทีเดียว แต่ทักษะการการพูดสำหรับมาตรฐานของผมยังพอใช้ ทำให้หากอ่านตามสคริปต์ผมสามารถทำได้ดี แต่การพูดด้นสดของผมมักจะมีปัญหาในเรื่องการออกเสียงของคำบางคำ การพูดช้าลงทำให้ออกเสียงได้ขึ้น แต่ผมคิดว่าไหนๆ คุณก็จะพูดภาษาอังกฤษแล้ว อย่างน้อยก็ควรจะพูดให้ลื่นไหลมากกว่านี้
ลองวิเคราะห์ตัวเองแล้วผมก็เลยหาวิธีฟื้นฟูการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองโดยแบ่งเป็น 3 บทเรียนใหญ่ๆ ตามสไตล์ของผมที่มองว่ามันจะช่วยให้ผมมีทักษะในการพูดให้ดียิ่งขึ้น ช่วงนี้ก็เลยเป็นช่วงฝึกฝนและอยากจะมาแชร์เทคนิคดีๆ ที่เปรียบเสมือนวัคซีนรักษาอาการ Snake, snake, fish, fish เพื่อให้ทุกคนมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ทิ้งไวยกรณ์เอาไว้ก่อน แล้วลองมาฉีดวัคซีนทั้ง 3 โดสไปพร้อมๆ กับผมกันเลยครับ
วัคซีนเข็มที่1 การฟังและแปล
อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นว่าผมเป็นที่ชอบดูหนัง ฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ผมพยายามฟังและจับใจความว่าเขาพูดว่าอะไร แล้วลองแปลความหมายที่เขาพยายามจะสื่อ ช่วงแรกๆ ทุกคนอาจจะยังจับคำได้ไม่ครบทั้งประโยค ถ้าคุณฝึกกับหนังให้ลองเปิดซับไตเติ้ลด้านล่างเป็นภาษาอังกฤษ ครั้งแรกฟังแล้วอย่าเพิ่งดูซับด้านล่าง จากนั้นลองตรวจตำตอบของตัวเองจากซับภาษาอังกฤษว่ามีคำตกหล่นอะไรในประโยคนั้นบ้าง ขั้นตอนสุดท้ายคือลองแปลความหมายด้วยตนเอง และตรวจคำตอบด้วยการเปิดซับเป็นภาษาไทย ฝึกบ่อยๆ วันละนิดแล้วคุณก็จะได้คำศัพท์หรือประโยคใหม่ๆ อย่างน้อยวันละคำอย่างแน่นอน
วัคซีนเข็มที่2 การจดบันทึก
การจดบันทึกเป็นการสร้างบทเรียนเพื่อใช้ทบทวนความจำ จะได้ไม่ลืมคำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษที่ได้จากบทสนทนาในหนังหรือเพลงที่เราฟัง จะจดบันทึกเป็นคำศัพท์ เป็นประโยค หรือเป็นเรื่องเล่าก็ได้ ถ้าไม่สะดวกจดบันทึกก็ใช้วิธีอัดเสียงของตนเองเก็บไว้เพื่อทบทวนก็ได้ ผมขอแนะนำเพิ่มเติมคือให้หาบทสนทนาพื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้ศึกษากันแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต เว็ปไซต์ต่างๆ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ที่สำคัญคือต้องจดบันทึกเพื่อที่ภาษาอังกฤษจะได้ผ่านทั้งมือ ผ่านทั้งตา และผ่านทั้งสมอง ทั้งนี้จะทำให้คุณจดจำได้ดียิ่งกว่าการเพียงอ่านเพียงอย่างเดียว
วัคซีนเข็มที่3 ฝึกกับตัวเองและเพื่อนต่างชาติ
ผมใช้เวลาฝึกพูดกับตัวเองวันละ 20 นาที โดยช่วงแรกๆ จะนำเอาประโยคที่ได้จดบันทึกจากการฟังมาลองพูด พยายามออกเสียงให้ถูก ผมมักจะมีปัญหากับคำที่เป็นพยัญชนะควบกล้ำ (เฉพาะเวลาที่ผมพยายามจะพูดให้ลื่นไหลและการพูดด้นสด) ยิ่งไม่ได้พูดภาษาอังกฤษนานๆ โดยเฉพาะช่วงโควิด 2 ปีมานี้ นี่คือปัญหาหลักที่ผมต้องกลับมาฟื้นฟูการพูดภาษาอังกฤษอีกครั้ง ฉะนั้นผมจึงคัดคำควบกล้ำมาฝึกพูดโดยเฉพาะ ทั้ง St, Cr, Cl เป็นต้น หลังจากนั้นผมก็เริ่มฝึกพูดบทสนทนากับตัวเอง คือถามเองตอบเอง แล้วแต่บริบทไหนหรือสถานการณ์ไหนก็ตาม ไม่ใช่แค่การพูดในใจนะครับ แต่พูดออกเสียงมาเลย พยายามคิดประโยคขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ แล้วพูดไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอายตัวเองนะครับ
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดได้ในระดับนึงแล้วหลังจากนั้นก็เป็นช่วงลองวิชาภาคสนาม โดยพูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ บางคนอาจจะเริ่มจากเพื่อนคนไทยก่อนก็ได้ แต่ผมอยากให้พูดกับชาวต่างชาติไปเลยเพราะมันเป็นการเอาความรู้ไปใช้จริงกับเจ้าของภาษาและเป็นการปลดล็อคความกลัวของใครหลายๆ คนที่ไม่กล้าจะพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติด้วยกังวลว่าตนจะพูดผิดๆ ถูกๆ ผมมองว่าหัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความถูกต้องแต่อยู่ที่เมื่อเราสื่อสารออกไปแล้วคู่สนทนาของเรานั้นเข้าใจเราหรือไม่ เป็นอันบรรลุวัตถุประสงค์ครับ
ความถนัดในการใช้ภาษาอังกฤษของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป บ้างก็ถนัดในการใช้หลักไวยกรณ์ บ้างก็ถนัดในด้านการเขียน บางคนอาจจะพูดเก่งแต่เขียนไม่ได้ หากต้องการเพิ่มทักษะของตัวเองให้รอบด้าน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการฝึกซ้อม ยิ่งฝึกเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแค่การฝึกพูดภาษาอังกฤษ ผมหมายถึงทุกๆ สิ่งบนโลกใบนี้ หากคุณอยากจะเก่งคุณก็ต้องฝึกซ้อมให้มากๆ ไม่มีใครเกิดมาแล้วเก่งโดยกำเนิด รวมถึงตัวผมด้วยเช่น
ติดตามเพจได้ที่: https://www.facebook.com/TomasDoradoSwnp
โฆษณา