Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A LITTLE STORY TELLER
•
ติดตาม
19 ส.ค. 2021 เวลา 07:20 • ประวัติศาสตร์
รัฐจารีตคืออะไร และทำไมเมื่อเกิด "โรคระบาด" ความเป็นความตายของราษฎรจึงเป็นได้เพียงแค่เรื่องของ "เวรกรรม"
รัฐจารีต (หรือรัฐโบราณ) ไม่มีขอบเขตหรือการแบ่งแยกดินแดนกันอย่างชัดเจน การแผ่อำนาจของรัฐในสมัยก่อนไม่ได้หวังแค่ทรัพย์สินเงินทอง แต่สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือจำนวนคน รัฐจารีตสามารถมีเมืองขึ้นเป็นจำนวนมาก สุดเเล้วแต่เจ้าเมืองจะเเย่งชิงมายังไง และจะมีการปกครองด้วยระบบศักดินา ประชากรส่วนใหญ่ก็คือ "ไพร่และทาส"
ในปี พ.ศ. 2363 ในช่วงเดือนมิถุนายน ..
เกิดการระบาดของอหิวาตกโรคเป็นครั้งแรก ในหลักฐานจากพงศาวดารในรัชกาลที่ 2 เชื่อว่าโรคนี้เกิดขึ้นเพราะผีสางไม่พอใจที่คนไปขนหินมาสร้างสวนขวาในพระราชวัง
จึงมีการทำพิธีกรรมสวดมนต์ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้จัดตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่และโปรยพระพุทธมนต์ตลอดทาง ทั้งทางบกและทางเรือ รวมถึงมีการจัดให้ซื้อปลา สัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้าในท้องตลาดที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ว่ากันว่าสิ้นพระราชทรัพย์ไปเป็นจำนวนมาก
การแสดงอำนาจของรัฐต่อประชาชนผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ อลังการ หรือที่เรียกว่า "นาฏกรรมพิธี" เป็นเหมือนการปลูกฝังให้ผู้คนเชื่อว่าการอยู่รอดปลอดภัยขึ้นอยู่กับอำนาจเหนือตัวพวกเค้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผี พระ สิงสาราสัตว์ ต้นไม้ หรือพระราชา
ย้อนกลับไปที่เรื่องของการแพทย์ในสมัยนั้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
▶️ แพทย์หลวง คือแพทย์ที่ราชสำนักหรือรัฐเป็นผู้อุปถัมภ์ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเฉพาะคนในราชสำนักและผู้ที่พระมหากษัตริย์ทรงออกคำสั่งให้ไปดูแลรักษาเท่านั้น
▶️ แพทย์เชลยศึก คือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในชุมชน ที่คอยดูแลรักษาผู้ป่วยในชุมชน รับค่าตอบแทนต่างๆจากชุมชน ซึ่งรัฐไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบแต่อย่างใด
บทบาทของรัฐแบบจารีตต่อการแพทย์นั้น จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีแต่อย่างใดค่ะ นอกจากจะมีการเกิดโรคระบาด หรือภัยร้ายคุกคามการเสียกำลังหรือจำนวนคนของรัฐ ซึ่งก็คือ ไพร่และทาส
สมัยนั้นที่โรคห่าเกิดการระบาด ทำให้มีประชาชนเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่ย้ายผู้คนหนีไปที่อื่น ก็จะมีการใช้ "ผีสาง" หรือเรื่องของเวรกรรมเข้ามามีบทบาท และมักใช้พิธีกรรมทางศาสนามาเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้คน
แต่ต่อมาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่สยามกำลังก้าวเข้าสู่การเป็น "รัฐสมบูรณาญาสิทธิราช" และพระองค์ทรงมีพระบรมวินิจฉัยให้เลิกใช้พิธีการไล่ผีสางในแบบเดิมๆ และทรงอธิบายว่า “โรคนี้เกิดขึ้นด้วยดินฟ้าอากาศและความประพฤติที่อยู่กินของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีวิญญาณจะขับไล่ได้”
และเมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีมิชชันนารีจากอเมริกาเข้ามาเผยแพร่ความรู้และได้อธิบายว่าโรคร้ายนั้นเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และมีการเรียกร้องให้รัฐสยามจัดการด้วยระบบสุขาภิบาลในเมืองเกิดใหม่อย่างกรุงเทพฯ ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยถัดๆมา จนถึงทุกวันนี้ที่เรามีระบบสาธารณสุขอย่างในปัจจุบัน
ขณะนี้ประเทศไทยเเละทั่วโลกกำลังเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดความสูญเสียที่ใหญ่หลวง
เราทุกคนรู้จักและอยู่กับไอ้โรคบ้านี่มานานเกินพอแล้ว แต่ก็ยังเห็นผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต มียอดที่พุ่งไม่หยุด รวมถึงการเห็นอาการ "การรับมือไม่ไหว" ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน ข่าวสารของคนที่กำลังรอเตียง ตายคาบ้าน ตายริมถนน แน่นอนว่ามันสร้างความหดหู่ให้กับพวกเราทั้งหมดไม่น้อย
1
วันนี้ ยุคสมัยนี้ วันที่โลกมีพร้อมทั้งความรู้และเทคโนโลยีการแพทย์ต่างๆ ระบอบการปกครองประเทศแบบรัฐสภาต้องยกให้เสียงของประชาชนสำคัญที่สุด ฟังพวกเราบ้าง
1
6
ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีอย่างถูกต้อง ประชาชนตาดำๆเหล่านี้คาดหวังให้ตนเองถูกดูแลและปฏิบัติอย่าง Civilize ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้มันเป็นเหมือนเรื่องของเวรกรรม
2
7
A LITTLE STORY TELLER
REFERENCES;
👉
https://tinyurl.com/3m7fdecf
👉
https://tinyurl.com/7up3zxya
👉
https://tinyurl.com/w8fnrthp
2 บันทึก
9
32
10
2
9
32
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย