21 ก.ย. 2021 เวลา 00:25 • นิยาย เรื่องสั้น
6.20. เหล่าผู้กล้าล้วนลาลับ
แฮหัวตุ้น เทพคุ้มครอง - เตียวโถ สุดยอดดนตรี - เตียวโถ หัวหน้าขันที
เข้าสู่ยามค่ำคืนแล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มสลับกับแสงจ้าจากสายฟ้าผ่าเป็นระยะ เสียงฟ้าร้องยังคงดังลั่นตามมาไม่ขาดหาย แสงสว่างวาบสะท้อนซากร่างผู้ตายจนดูน่าสะพรึงกลัว โจโฉย่อมเข้าใจได้ทันที เพราะเคาทูคือหมากลับที่ได้รับคำสั่งให้จับตาคอยช่วยเหลือตนเองจากด้านบนท้องพระโรงตั้งแต่ต้น แสดงว่า เคาทูพบเห็นคนร้ายซุ่มซ่อน จึงชิงลงมือก่อน แต่พลาดท่าถูกสังหารตายไปเสียแล้ว
เมื่อครู่ ฮ่องเต้ถูกลอบทำร้ายปางตายอยู่ตรงหน้า โจโฉยังไม่เสียน้ำตาให้แม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นองครักษ์คนสนิทตกตายไปอย่างอนาถเช่นนี้ โจโฉถึงกับทรุดตัวลงร่ำไห้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างเลย แสดงถึงความผูกพันอันลึกซึ้งยาวนานของนายบ่าวคู่นี้
จังหวะนั้นเอง สถานการณ์กลับพลิกผันไปอีกครั้ง เป็นแฮหัวตุ้นที่ส่งสัญญาณให้เหล่าทหารองครักษ์ รวมทั้ง โจหยิน โจหอง เตียวคับ และกุยห้วย ที่เป็นผู้มีฝีมือทั้งหลาย ห้อมล้อมเล่าปี่ เสียวเอียนจื่อ และจูล่งเอาไว้ ยังคงมีเพียงโจโฉที่ก้มหน้าอาลัยเคาทู กับกาเซี่ยง ที่แอบซ่อนอยู่ด้านข้างฮ่องเต้ ได้ยินเสียงแฮหัวตุ้นแสร้งประกาศ “เล่าปี่สมคบคิดกับซุนกวน บังอาจลอบทำร้ายฮ่องเต้ จงจับตัวเอาไว้ไต่สวน”
พวกจูล่งงงงันวูบ นึกไม่ถึงว่า ฝ่ายโจโฉจะมาไม้นี้ ถึงกับใช้ฮ่องเต้มาเป็นข้ออ้างจัดการกับพวกตนเอง เสียวเอียนจื่อกับจูล่งจึงรีบปกป้องคุ้มกันเจ้านาย เตรียมอาวุธเท่าที่หาได้ออกมารับมือ แต่กลับเป็นเล่าปี่ที่ส่งเสียงหัวร่อขึ้นมา “หยุดมือเถิด เราเป็นพวกเดียวกันตั้งนานแล้ว รบกวนพี่โจโฉช่วยเฉลยให้ด้วย จะได้ไม่ต้องลงไม้ลงมือต่อกัน”
โจโฉปาดน้ำตาลุกขึ้นยืน พลันเปลี่ยนอารมณ์จากเศร้าโศกเป็นเบิกบาน สร้างความงุนงงสงสัยให้กับทุกคนในท้องพระโรง “น้องเล่าปี่กับเราร่วมมือกันมาหลายสิบปี ตั้งแต่เมื่อครั้งที่่น้องเราเข้ามาอยู่เมืองหลวง ได้รับตำแหน่งพระเจ้าอา พวกเราทำความตกลงกันไว้ ฝ่ายหนึ่งเป็นมุสิก แสร้งทำตัวอ่อนแอ หลบหนีไปทุกหนแห่ง เปิดทางให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นแมวตามไล่ล่า ค่อยๆร่วมมือกันทำลายขุมกำลังทั้งหลายไปทีละกลุ่ม ตั้งแต่ลิโป้ อ้วนสุด อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว ซุนกวน ไปจนถึงเตียวล่อ เล่าเจี้ยง เพื่อรวบรวมแผ่นดินคืนกลับเป็นหนึ่งเดียวกัน จนบัดนี้ คงเหลือแต่เพียงซุนกวนแห่งกังตั๋งเท่านั้นเอง”
โจโฉหยุดหายใจเล็กน้อย ค่อยกล่าวต่อ “ตามแผนการของเราสองคน ที่จริงเพียงหวังว่า บั้นปลายชีวิตก่อนตายจะได้เป็นวีรชนผู้รวบรวมแผ่นดินกลับคืนมาเป็นหนึ่งเดียวให้กับราชวงศ์ฮั่น พวกเราต่างก็เสียสละทั้งแรงกายแรงใจกันมาหลายสิบปีทีเดียว”
เห็นเล่าปี่ยืดตัวมีรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะรู้ตัวว่า ตนเองคือคนที่โจโฉกล่าวถึง แต่แล้ว กลับต้องใจหายวาบเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของสหายสนิทที่ชื่อโจโฉ “คำโบราณว่าไว้ เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกสังหารขุนพล ในเมื่อภารกิจล้มเหลวในที่สุด เราจึงจำต้องเปลี่ยนแผนเสียใหม่ กำจัดเจ้าเสียก่อน แล้วค่อยข้ามน้ำไปจัดการซุนกวนทีหลัง”
โจโฉโบกมือสั่งการ คนทั้งหลายรีบกรูกันเข้าหาเป้าหมายทั้งสามคนตรงหน้า แต่เสียวเอียนจื่อคล้ายเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน โยนระเบิดเพลิงที่ซุกซ่อนเข้ามา ขว้างใส่กลุ่มคนทั้งหลาย จนทหารองครักษ์บางส่วนถูกระเบิดเพลิงลุกไหม้บาดเจ็บล้มตาย กองไฟลุกลามไปถึงตัวท้องพระโรงยิ่งทำให้เกิดควันดำคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภายในพระราชวังถึงกับลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝนที่ยังโหมกระหน่ำอยู่
เสียงเข่นฆ่าสังหารดังมาจากลานด้านนอก กองทัพพายุคลั่งที่นำมาโดยขุนพลที่ใส่หน้ากากปีศาจ เป็นอุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่ง นำกองกำลังเหินบินข้ามกำแพงวังฝ่าสายฝนหนักเข้ามาช่วยเหลือแล้ว เสียวเอียนจื่อและจูล่ง จึงรีบนำตัวเล่าปี่หลบหนีออกมาสมทบกัน โดยมีพวกสามเทวะสูงวัย และเตียวคับไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด จูล่งจึงได้แต่สำแดงอานุภาพของกระบวนท่าดาบสยบมังกรอีกครั้ง ทำเอาขุนพลมีชื่อบาดเจ็บไปตามๆกัน ไม่กล้าตามมาเอง ได้แต่เร่งเร้าให้พวกทหารออกหน้าให้อ่อนกำลังก่อน
แต่เสียงระเบิดเพลิงโจมตีดังมาจากอาคารรับรองชั่วคราวที่เปิดให้บุคคลพิเศษเข้าไปหลบฝนอยู่อีกทางหนึ่งสอดประสานขึ้นมา สร้างความโกลาหลยิ่งขึ้น ตัวแทนเผ่าเกี๋ยง เผ่าตี ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเล่าปี่ ถึงกับออกโรงช่วยเหลือมิตรสหาย หยิบฉวยอาวุธสั้นไล่ฆ่าฟันขุนนางนายทหารใกล้เคียง ร่วมกับกองทัพพายุคลั่งสามพันนาย สร้างความวุ่นวาย จนขยายวงออกมาถึงเขตราชวังด้านนอกแล้ว
ทางจูกัดเอี๋ยนที่รับหน้าที่ดูแลภายในราชวัง จึงระดมกองทัพทหารรักษาการณ์เมืองหลวงเข้ามาช่วยแก้ไขบ้าง ประสานงานกับขุนพลคนอื่นๆ รุกเข้าแก้ไขสถานการณ์ จากงานเลี้ยงพระราชทานที่สวยงามเมื่อเช้า จึงกลับกลายเป็นสมรภูมิรบที่สับสนอลหม่านในช่วงค่ำคืน บุคคลสำคัญหลายคนถึงกับโดนลูกหลงถูกสังหารตายไปด้วย จนภายหลัง จูกัดเอี๋ยนโดนเรียกขานเชิงตำหนิกันว่าเป็นขุนพลกระหายเลือด
ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเมืองหลวงฮูโต๋ กองทัพกังตั๋งสามพันนาย ร่วมกับพวกเครือข่ายใต้ดินตระกูลซุนที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงและหัวเมืองใกล้เคียง ซึ่่งถูกระดมพลเข้ามาตั้งแต่แรกนั้น เพิ่งได้รับคำสั่งเพิ่มเติมจากลกซุน เล่งทอง ให้ผสมโรงล้างแค้นให้กับซุนเกี๋ยน ซุนกวนพ่อลูก เป็นการสั่งลา จึงลากบั้งไฟมังกร หน้าไม้เพลิง และระเบิดเพลิง ออกมาถล่มร้านค้าวางเพลิงบ้านเรือนให้พลอยเสียหายอย่างหนัก และยังเข่นฆ่าทุกคนที่พบเห็น จนเปลี่ยนเมืองหลวงให้เป็นนรกอเวจีไปเสียแล้ว
ด้านโจสิด เตงงาย ซึ่งรับหน้าที่กำกับดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายนอกได้แต่สั่งการขั้นเด็ดขาด กวาดล้างสังหารผู้คนด้านนอกที่ไม่ใช่พวกตนเอง ถึงกับยอมฆ่าคนไร้ความผิดไปมากมาย แต่ตัวหัวหน้าผู้ก่อการจริงๆอย่างกลุ่มของเล่าปี่ ซุนกวน ฉวยโอกาสที่ชุลมุนวุ่นวาย ถอนตัวออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเล่าปี่ล่าถอยไปทางบกกลับทางเดิมที่เดินทางมาด้วยขบวนม้าเร็ว ในขณะที่พวกซุนกวนล่าถอยไปทางน้ำ ล่องเรือสำเภาตามแม่น้ำฮวงโหออกสู่ทะเลใหญ่ตะวันออกตั้งนานแล้ว
โจโฉ กาเซี่ยง ยังรอฟังข่าวอยู่ภายในท้องพระโรง ปล่อยให้เตียวโถ กุยห้วย นำพาฮ่องเต้ไปพักผ่อนที่พระราชวังด้านใน ยามนี้ โจโฉทรุดตัวลงนั่งพักที่เชิงบันไดที่ตั้งพระราชบัลลังก์ พร้อมเอามือกุมหัวที่ปวดหนึบ ความเคร่งเครีัยดตลอดทั้งวันมานี้ ทำให้มันปวดหัวมาได้พักใหญ่แล้ว จนบัดนี้ จึงพอได้พักดูอาการของตนเองเสียที
เสียงแฮหัวตุ้นกลับเข้ามารายงานสถานการณ์อยู่เบื้องหน้าโจโฉ เรื่องราวลุกลามไปใหญ่โตเกินคาดคิดด้วยฝีมือของพวกเล่าปี่ ซุนกวน พระราชวังลุกไหม้เสียหายไปหลายส่วน ขุนนางนายทหาร และตัวแทนชนเผ่าที่เข้าร่วมงานกลับถูกสังหารตายไปหลายคน ตอนนี้ ร้านค้าบ้านเรือนภายในเมืองหลวงก็พลอยถูกเผาไหม้ทำลาย ราษฎรบางส่วนยังถูกฆ่าตายเพราะการไล่ล่าผู้ก่อการร้าย ยังดีที่เรื่องราวเกิดขึ้นท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่ เพลิงไหม้จึงไม่ลุกลามต่อเนื่อง แต่ก็นับว่า การค้าครั้งนี้ น่าจะขาดทุนย่อยยับเสียแล้ว ยิ่งสร้างแรงกดดันใส่หัวสมองวุยอ๋องจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
ฉับพลัน โจโฉกลับรู้สึกถึงรังสีการคุกคาม เป็นแฮหัวตุ้นกำลังใช้กระบี่จ่อเข้าที่กลางอกของตนเอง และน่าแปลกใจที่กาเซี่ยงไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด การที่กำเหลงจับตัวฮ่องเต้เอาไว้เป็นตัวประกันเมื่อครู่ ยังพอเข้าใจได้ หากแต่ญาติสนิทอย่างแฮหัวตุ้นจับกุมโจโฉ กลับเป็นเรื่องที่สร้างความแปลกใจ จนโจโฉเองยังต้องกระชากเสียงใส่ “นี่เจ้าคิดจะทำอะไร เหวียนยั้ง (ชื่อรองของแฮหัวตุ้น)”
เสียงแฮหัวตุ้นหัวร่ออย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงตอบ “ตอนนี้ ด้านนอกก็กำลังสับสนวุ่นวาย หากข้าชิงสังหารท่าน และยึดอำนาจทางทหารเอาไว้เสียก่อน ก็เท่ากับเป็นการปฏิวัติเงียบ เปิดทางให้ข้า แฮหัวตุ้น ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง รองจากฮ่องเต้แทน”
แฮหัวตุ้นถึงกับลงมือจับปลาช่วงน้ำขุ่นที่เกิดความวุ่นวาย หมายโค่นล้มโจโฉเสียแล้ว โจโฉปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก คาดเดาไม่ถึงที่เห็นขุนพลคู่บารมีที่เป็นญาติพี่น้องกันแท้ๆ ลงมือกับตนเองอย่างสาหัสนัก จึงปลงตก มองดูซากร่างของซุนเกี๋ยนสหายเก่าแล้วทอดถอนหายใจ ค่อยเอ่ยปาก “เอาเถิด ข้าคงแก่ชราเกินไป ข้ายินยอมต่อลิขิตสวรรค์แล้ว”
“ข้านับถือท่านเป็นต้นแบบมาโดยตลอด แต่ข้าคงไม่อาจข้ามผ่านเงาของท่านได้ นอกจากท่านจะลาลับไปจากโลกนี้เสียก่อน จงพักผ่อนอย่างเป็นสุขเถิด” แฮหัวตุ้นส่งกระบี่แทงใส่กลางอกโจโฉ เป็นการปิดฉากชีวิตผู้เหี้ยมหาญแห่งยุคไปอย่างเรียบง่าย
เสียงตวาดห้ามดังมาจากด้านนอก โจผี โจสิด ที่เนื้อตัวเสี้อผ้าเปียกปอนมอมแมม คล้ายผ่านการเดินทางฝ่าสายฝนมายาวนาน วิ่งเข้ามาในท้องพระโรงทันเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี แต่ช่วยเหลือบิดาไม่ทันเสียแล้ว จึงได้แต่มุ่งหวังล้างแค้นคนที่ลงมือสังหาร ผู้ที่มีศักดิ์เป็นอาร่วมสาแหรกตระกูลของตนมาตลอดทั้งชีวิต
หากแต่โจผี โจสิดยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบอันดับหนึ่งอย่างแฮหัวตุ้น เพียงไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสองก็ถูกฟาดล้มไปกองกับพื้น นอนรอความตายเป็นรายต่อไป แต่กาเซี่ยงกลับยืนขวางขุนพลจอมทรนงเอาไว้อย่างอาจหาญ “ละเว้นชีวิตนายน้อยด้วยเถิด ท่านแฮหัว”
ยามนี้ แฮหัวตุ้นงุนงงต่อท่าทีของกุนซือใหญ่ แต่ไม่คิดละเว้นลูกเสือให้กลับมาแว้งกัดได้อีก จึงเงื้ออาวุธหมายสังหารโจผีทั้งสองในคราวเดียว แต่แล้ว กลับนิ่งชะงักงันไปวูบหนึ่ง เสียงสวบดังมาจากด้านหลัง แฮหัวตุ้นพลันพบเห็นหัวเกาทัณฑ์โผล่ออกมาจากกลางหน้าอกตนเอง พร้อมเลือดที่ไหลรินไม่หยุด จึงหันไปมองผู้ที่ลงมือตามสัญชาตญาณ
มองเห็นเป็นฮองเฮาและนางสนมสองนางย้อนกลับมาที่ท้องพระโรงอีกครั้ง มือเกาทัณฑ์ผู้แก้ไขสถานการณ์ให้กับโจผี โจสิด ก็คือ โจเซียง นางสนมนักบู๊นั่นเอง พระชายาทั้งสามหวนกลับมาดูบิดาด้วยความเป็นห่วง กลับพบเหตุการณ์ที่เกินความคาดคิด ท่านอาถึงกับลงมือฆ่าบิดา และกำลังจะสังหารพี่ชายทั้งสอง เพื่อชิงอำนาจทางการเมือง
วาระสุดท้ายก่อนแฮหัวตุ้นจะลาลับ พลันนึกถึงเรื่องที่น่าขันได้เรื่องหนึ่ง ก่อนที่โจเซียง หลานสาวคนนี้จะได้เป็นศิษย์เอกด้านเกาทัณฑ์ของแฮหัวเอี๋ยน น้องชายของตนเองนั้น นางอาศัยแฮหัวสือ บุตรสาว มาช่วยกันรบเร้าให้ตนเองเป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาการต่อสู้ แต่มันเองกลับรำคาญใจ ผลักดันให้นางไปเป็นลูกศิษย์ของแฮหัวเอี๋ยนแทน หากวันนั้น มันรับนางเป็นศิษย์ไว้เสียเอง โจเซียงอาจจะไม่เก่งกาจด้านเกาทัณฑ์ได้ถึงเพียงนี้
แฮหัวตุ้นหัวร่อด้วยความสาสมใจ โจเซียงยิงซ้ำเข้ากลางหว่างคิ้ว ปลิดชีวิตคนที่ฆ่าพ่อของตนเอง ในขณะที่โจเจี๋ยฮองเฮา และนางสนมคู่แฝดโจหัว สะอื้นไห้เดินเข้ามาที่ซากร่างของบิดา โจผี โจสิด ก็มีน้ำตาไหลพราก ลุกขึ้นมารับฟังรายละเอียดอีกครั้งจากกุนซือกาเซี่ยง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วุ่นวายในท้องพระโรงเพียงคนเดียวตั้งแต่ต้น
กษัตริย์เหี้ยนเต้ได้รับรายงานการตายของวุยอ๋อง โจโฉ จำต้องย้อนกลับมาที่ท้องพระโรงพร้อมกับองครักษ์กุยห้วยอีกครั้ง กาเซี่ยงพลันนึกถึงปาฏิหาริย์หยกมังกรที่ทำให้ฮ่องเต้หายจากอาการปางตาย และทำให้ลกซุนฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้ แสดงว่า เลือดมังกรในร่างกายก็อาจจะมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันแล้วกระมัง จึงกระซิบกระซาบให้โจผีร้องขอให้ฮ่องเต้ทดลองสละโลหิตให้สักชามหนึ่ง
กษัตริย์เหี้ยนเต้อึ้งไปชั่ววูบ เพราะมิใช่ธรรมเนียมที่กษัตริย์ต้องมาเสี่ยงชีวิตให้กับข้าราชบริพาร แต่แล้ว ถึงกับตัดใจอย่างห้าวหาญ ยื่นแขนออกกรีดเลือดใส่ถ้วยชามใกล้ๆ สั่่งการให้กุยห้วย องครักษ์ นำไปชะโลมใส่บาดแผลที่หน้าอกของโจโฉ แต่ไม่เกิดผลตอบสนองใดๆ กาเซี่ยงได้แต่เปรยเบาๆ “บางที โลหิตเพียงหนึ่งชาม อาจจะไม่เพียงพอ ต้องลองใช้หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิตแล้วกระมัง”
โจผี โจสิด สองพี่น้องสบตากัน ถึงกับลงมือจู่โจมใส่ฮ่องเต้ทันที แม้ว่าเหี้ยนเต้คนใหม่ จะมีพละกำลังมหาศาล แต่ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้ จึงได้แต่ปัดเหวี่ยงข้าวของเครื่องใช้ป้องกันตัวเอง พลางล่าถอยไปทางประตูด้านใน ในขณะที่กุยห้วย องครักษ์ ทำนิ่งเฉย ไม่ลงมือช่วยเหลือตามหน้าที่อันควร กลายเป็นโจเจี๋ย ฮองเฮา กับนางสนมทั้งสอง ต้องออกโรงห้ามปรามพี่ชายของพวกตน กีดขวางมือเท้าเอาไว้ให้ฮ่องเต้มีจังหวะหลบหนี
กษัตริย์เหี้ยนเต้หลุดรอดไปถึงหน้าประตูชั้นในแล้ว แต่กลับมีกระบี่ลึกลับแทงสวนเข้าใส่กลางหน้าอก จนต้องทรุดตัวล้มลงอยู่แค่ตรงนั้น เป็นนางรำกุยฮวย และเตียวโถที่ลงมือ และช่วยกันควบคุมตัวโจเจี๋ยทั้งสามเอาไว้ ไม่ให้ก่อการวุ่นวาย
กุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง พอมีความรอบรู้ทางการแพทย์ รีบสั่งการให้กุยห้วยประคองร่างที่บาดเจ็บสาหัสของกษัตริย์เหี้ยนเต้มานั่งตรงข้ามกันกับโจโฉ ใช้ปล้องไม้ไผ่กลวงยาวเชื่อมต่อเลือดจากหน้าอกของเหี้ยนเต้ไปยังหน้าอกของโจโฉ อาศัยแรงสูบฉีดจากหัวใจตรงเข้าสู่หัวใจ คล้ายเป็นการถ่ายเปลี่ยนเลือดผ่านท่อส่งในรูปแบบโบราณ
และแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ลมหายใจของเหี้ยนเต้เริ่มหนักหน่วงขึ้น เกิดเป็นควันสีเขียวเข้ม ห่อหุ้มร่างกายของฮ่องเต้และโจโฉอย่างแปลกตา
ภายในควันหนาทึบที่ครอบคลุมอยู่ โจโฉกลับฟื้นคืนชีวิตมาได้อีกครั้งจริงๆ มันลืมตาขึ้น พบเห็นกษัตริย์เหี้่ยนเต้นั่งอยู่ตรงหน้า มีสีหน้าท่าทางอิดโรย พอกวาดตามองเห็นปล้องไม้ไผ่ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ คงเป็นใครสักคนคิดวิธีหนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิตเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเลือดมังกรไหลรินเข้ามาปรับโครงสร้างภายในร่างกายในระดับหนึ่งแล้ว โจโฉก็เริ่มเกิดสายใยแห่งมังกร สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยเช่นกัน เป็นความอ่อนแรงและความเจ็บปวดก่อนขาดใจตายของฮ่องเต้
โจโฉแย้มยิ้มอย่างมุ่งมั่น เอื้อมมือปลดปล้องไม้ไผ่ออกจากร่างของฮ่องเต้ แล้วช่วยรวบฉลองพระองค์ฮ่องเต้มากดปิดแผลให้เลือดหยุดไหล ทิ้งเวลาให้พระองค์ได้ฟื้นฟูตัวเอง ในขณะที่ตนเองกลับอ่อนแรงลงอีกครั้งหนึ่ง โจโฉ จอมทรราชย์แห่งยุค ถึงกับยอมสละชีวิตคืนให้กับฮ่องเต้ ไม่ยอมติดค้างบุญคุณต่อกัน
หมอกควันสีเขียวเข้มจางหายไป แสดงว่า ขั้นตอนสำคัญคงผ่านพ้นไปแล้ว หนึ่งชีวิตที่คงอยู่ ยังคงเป็นกษัตริย์เหี้ยนเต้เช่นเดิม พวกโจผีจึงได้แต่ทอดถอนหายใจ เสียใจที่ยื้อชีิวิตบิดากลับมาไม่ได้ และต้องบาดหมางกับฮ่องเต้โดยเปล่าประโยชน์ ทำให้ทุกคนเข้าใจไปเองว่า กระบวนการเช่นนี้ ไม่อาจกระทำได้อย่างที่คาดหวัง
มองดูใบหน้าของโจโฉผู้ตายคล้ายประดับด้วยรอยยิ้ม ดูสุขสงบเปี่ยมราศียิ่งกว่าตอนมีชีวิตเสียอีก ส่วนกษัตริย์เหี้ยนเต้ มีสีหน้าซีดเผือด บาดแผลกลางหน้าอกและท้องแขนยังคงอยู่เช่นเดิม เพียงเพิ่มหยดน้ำตาที่กำลังหลั่งรินจากหางตา
เห็นฮ่องเต้ยื่นมือไปเกาะกุมมือของผู้ตาย คล้ายแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ ในขณะที่พวกโจเจี๋ยทั้งสามร่ำไห้ รุมล้อมร่างบิดาที่จากไป ส่วนคนอื่นๆยังคงตกตะลึงต่อสภาพเบื้องหน้า คล้ายยังทำใจต่อการจากไปของบุคคลสำคัญไม่ได้
เสียงปลุกเรียกอย่างคนสนิทสนมกัน โจโฉลืมตาขึ้น เห็นเป็นอ้วนเสี้ยว ซุนเกี๋ยน สองสหายเก่าที่เคยสนิทกันดั่งพี่น้องร่วมสาบาน แย้มยิ้มให้ และฉุดตนเองให้ลุกขึ้นยืน เคาทู และเตียนอุย องครักษ์คนสนิท รีบเข้ามาประคองตัว ยังมีโจงั่งผู้ลูก โจอันบิ๋นผู้หลาน และคนสนิทสนมอีกมากมายยืนรายล้อม สร้างความงุนงงสงสัยต่อโจโฉยิ่งนัก
“ไม่ต้องสงสัยอะไรดอก เป็นเพราะท่านมีความสำคัญต่อผู้คนมากมาย จึงมีคนมารอรับท่านมากมายเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงลิโป้ คู่แค้นในอดีตลอยมาแต่ไกล
“แต่ข้าว่า เป็นเพราะผลของการกระทำก่อนตายที่เปิดประตูวิญญาณให้กับพวกเรามากันอย่างพร้อมหน้าเช่นนี้ ถึงกับครึกครื้นกว่าครั้งที่ข้าตายเสียอีก ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงกวนอูหรือ เผิงเสียน สหายวัยเยาว์ ตอบโต้มาจากอีกด้านหนึ่ง
“ถูกต้องแล้ว ประสกกวน สมควรเรียนรู้จากท่านวุยอ๋องให้มากไว้ ละเว้นความอาฆาตแค้นกับผู้อื่นเสียเถิด อามิตตาพุทธ” หลวงจีนเภาเจ๋ง หรืออดีตเล่าฉวน กล่าวพลางเดินมารับกุมมือโจโฉไว้ทั้งสองข้าง “ท่านถือเป็นแบบอย่างที่ดี ถึงกับเสียสละชีวิตตนเองให้กับผู้เป็นเจ้านาย ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก”
โจโฉกวาดตามองไปรอบด้าน เห็นทั้งเพื่อน ลูกน้อง และศัตรูที่ตายไปก่อนแล้วมากมาย ค่อยสบตากับตันก๋ง ซุนฮกอย่างคนรู้เท่าทันกัน พลางกล่าวตอบ “ผิดแล้ว ข้ามิได้ทำตนให้เป็นคนดีอันใดหรอก เพียงแค่ช่วยให้ลูกของข้าไม่ต้องลำบากใจเท่านั้นเอง”
เป็นคำตอบที่มีเลศนัย จึงเป็นซุนฮก กุนซือค้างคาวที่ช่วยเฉลยให้กับทุกคน “ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแล้ว ผู้มาใหม่ไม่ต้องการติดค้างน้ำใจกับเจ้าของเดิม ในเมื่อวุยอ๋องตัดสินใจเช่นนี้แล้ว วาระสุดท้ายของราชวงศ์ฮั่นก็จะมาถึงในไม่ช้า”
เภาเจ๋งทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีกรรม พยักหน้าให้สัญญาณเพื่อเริ่มต้นกระบวนการปลดกรรม แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน สองพี่น้องก้าวออกมาจากกลุ่มคน คุกเข่าคารวะพร้อมกล่าวคำสำนึกผิด โจโฉมองหน้าคนทั้งสอง ค่อยประคองตัวขึ้นพลางส่งเสียงหัวร่อฮา ฮา
“ในโลกของวิญญาณ บุญคุณความแค้นจบสิ้นไปแล้ว จะวุ่นวายกับพิธีกรรมไปไยกัน” เสียงโจโฉตะโกนก้องพร้อมโบกมือไล่ “พอแล้ว พอแล้ว พวกเราไปหาที่กินเหล้ากันเถอะ” ว่าแล้ว โจโฉจึงกอดไหล่อ้วนเสี้ยว ซุนเกี๋ยน ก้าวนำหน้า เปล่งเสียงเรียกให้แฮหัวทั้งสอง และกวนอู ตามหลังไปด้วย คล้ายไม่ใส่ใจต่อพิธีกรรมใดๆ
ได้ยินเสียงเภาเจ๋งร้องทักท้วง “โจโฉ ท่านยังต้องปลดกรรมกับผู้คนตั้งมากมายตรงนี้ จะรีบร้อนไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือแม้แต่กฏสวรรค์ก็ไม่ยอมรับแล้ว”
โจโฉส่ายมือโดยไม่หันมามอง “ไม่เป็นไร เรื่องราวต่างๆไว้ค่อยสะสางกันเถอะ ตอนนี้ ข้ามีเวลามากมายแล้ว ขอให้ข้าไปกินเหล้ากับสหายเก่าเหล่านี้ก่อนแล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
ลิโป้แย้มยิ้มส่ายหน้า พลางก้าวเท้าเดินตามไปอีกคน ทิ้งให้เภาเจ๋งและคนอื่นๆยืนมองตากันปริบๆ คิดไม่ถึงว่า ถึงแม้จะตายแล้ว โจโฉยังคงความห้าวหาญทรนงเช่นนี้
ย้อนกลับมาที่ท้องพระโรงในโลกแห่งความเป็นจริง เสียงการต่อสู้ด้านนอกเริ่มเบาบางลง ต่างจากพายุฝนที่ยังตกหนักต่อเนื่อง นับเป็นค่ำคืนที่ยาวนานสำหรับผู้คน กษัตริย์เหี้ยนเต้ประคองตัวนั่งอยู่บนพระราชบัลลังก์ กำลังจะเอ่ยปากให้อภัยต่อโจผี โจสิด และกาเซี่ยง ที่กระทำการอุกอาจเมื่อครู่ หวังให้เวลารักษาบาดแผลทางใจต่อกัน เพราะช่วงที่ผ่านมาหลายเดือนให้หลังนี้ ก็นับว่า วุยก๋ง โจผี ประพฤติดีต่อพระองค์ไม่น้อย
หากแต่กาเซี่ยงกระซิบเพิ่มเติมต่อโจผี ทำให้โจผีคล้ายตัดสินใจแน่วแน่ ชิงก้าวออกมาพร้อมชักกระบี่ฟ้าสังหารชี้ไปที่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น “เกาทัณฑ์ง้างไว้จนสุดแรง ย่อมมิอาจไม่ลงมือต่อท่านแล้ว พวกเรา จงลงมือจัดการต่อกษัตริย์ที่อ่อนแอเสียเถิด”
เสียงตะโกนตอบรับดังมาจากรอบข้าง พร้อมเสียงทักท้วงที่ดังขึ้น โจเจี๋ยทั้งสามพยายามขวางหน้า แต่ถูกเตียวโถ กุยฮวย และกุยห้วยกันเอาไว้ เปิดทางให้โจผี โจสิด เป็นผู้ลงมือ หากแต่กษัตริย์เหี้ยนเต้เริ่มมีความเชื่อมั่นต่อพลังมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของตนเอง จึงยกโต๊ะตั่งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธ แต่แล้ว กลับรู้สึกตึงวูบที่กลางหลัง คล้ายถูกสิ่งใดลอยมากระทบอย่างรุนแรง จนมือเท้าอ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งกับบัลลังก์ ทำให้การจู่โจมของสองพี่น้องสกุลโจบรรลุผลโดยง่าย อาวุธแรกจากโจสิดปักใส่หน้าอก และอาวุธที่สองจากโจผีกรีดผ่านลำคอ เป็นกระบี่ฟ้าสังหารที่มากด้วยอาถรรพ์การฆ่าฟันอีกแล้ว
โจผี โจสิด นับว่า ยังคงอำมหิตไม่เปลี่ยนแปลง ถึงกับคิดปลงพระชนม์ฮ่องเต้แบบไม่ยั้งมือ แต่เห็นควันสีเขียวเข้มปะปนออกมาทางลมหายใจ ร่างกายของฮ่องเต้สั่นสะท้านไม่หยุด หรือว่า พลังจักรวาลจะสร้างปาฏิหาริย์ให้กับฮ่องเต้ที่ “ตายยาก” ขึ้นมาอีกครั้ง
กาเซี่ยงซึ่งหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน ย่อมไม่ยินยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก รีบส่งเสียงให้สองพี่น้องสกุลโจตัดคอของกษัตริย์เหี้ยนเต้เสียเลย ถึงแม้อิทธิฤทธิ์พลังจักรวาลจะสูงส่ง แต่ไม่อาจเชื่อมต่ออวัยวะได้แน่นอน จึงเห็นฮ่องเต้นั่งคอขาดอยู่บนบัลลังก์เช่นนั้น ควันสีเขียวเข้มลอยออกมารวมตัวเป็นรูปมังกรพักนึง ค่อยตรงเข้าสู่ร่างขององครักษ์กุยห้วย หนึ่งในกลุ่มคนที่เคยได้รับพลังจักรวาลมาก่อน
เห็นกุยห้วยสูดลมหายใจลึก รับพลังเพิ่มเติม เรียนรู้ได้ทันทีว่า หากคนใดคนหนึ่งตายจากไป พลังมังกรจักรวาลจะแล่นไหลเข้าสู่สมาชิกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง นับเป็นกระบวนการที่เจ็บปวดไม่น้อย แต่ก็เป็นการเพิ่มพลังพิเศษให้ในทันที แสดงว่า นอกจากตนเองจะมีร่างกายคงกระพันแล้ว ยังได้รับพละกำลังมหาศาลมาจากกษัตริย์เหี้ยนเต้แล้วด้วย ภายหลังมันจึงเรียกรวมพลังทั้งสองอย่างนี้เป็นพลังมังกรเกราะสวรรค์
เมื่อร่างกายของกษัตริย์เหี้ยนเต้ถูกทำร้ายยับเยินไปเช่นนี้ ย่อมไม่อาจปล่อยให้ถูกผู้อื่นพบเห็นซากศพ สาเหตุการตายของโจโฉ แฮหัวตุ้นก็ไม่ควรเปิดเผย กุนซือกาเซี่ยงจึงได้แต่เสนอให้เผาศพทำลายหลักฐาน วางเพลิงใส่ท้องพระโรงซ้ำอีกรอบ แล้วทุกอย่างค่อยว่ากล่าวกันด้วยวาจากลบเกลื่อนในภายหลัง
โจผีก้มลงแบกร่างของบิดาขึ้นพาดไหล่ ละทิ้งซากศพของกษัตริย์เหี้ยนเต้ และคนอื่นๆเอาไว้ในตำแหน่งเดิม ส่วนพวกกาเซี่ยงกึ่งคุ้มกันกึ่งกำกับให้โจเจี๋ยทั้งสามหลบหนีออกมาด้านนอก ในขณะที่กุยห้วยจุดไฟเผาท้องพระโรงให้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา