29 ม.ค. 2022 เวลา 07:34 • การศึกษา
มารู้จักการเรียนการสอนของหลักสูตร วอลดอร์ฟ กัน
สำหรับการเรียนการสอนในหลักสูตรวอลดอร์ฟ
ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ว่าเด็กสามารถทำอะไรได้บ้าง
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เด็กเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แบบใด
สิ่งที่สอนเพื่อให้เด็กสามารถที่จะมีความพร้อมในการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
และทำการปลุกศักยภาพซึ่งแฝงอยู่ในตัวของเด็กออกมา
หลักสูตรวอลดอร์ฟจะเน้นที่ตัวเด็กเป็นศูนย์กลาง
เนื่องจากเด็กปฐมวัยจะมีความสามารถในการซึบซับโลก
หรือสภาพแวดล้อมได้ผ่านทางประสาทสัมผัส และเลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างออกมา
โดยสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายและจิตใจของเด็ก และสามารถที่จะส่งผลกระทบได้ตลอดชีวิต
เนื่องจากชีวิตในช่วงปฐมวัย เด็กจะยังอยู่ในโลกแห่งความพิศวง และการเลียนแบบสิ่งต่างๆที่เห็นผู้อื่นกระทำ
ดังนั้นการศึกษาในหลักสูตรวอลดอร์ฟจึงเป็นโลกของความกลมกลืน ความงดงามและความอบอุ่น สภาพแวดล้อมในการเล่นที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ
เปิดโอกาสให้เด็กได้เลียนแบบอย่างมีความหมายและ เล่นอย่างสร้างสรรค์
นั้นคือผู้สอนที่อยู่เบื้องหน้าเด็ก ที่ร้องเพลง และเล่นกับเด็กจะต้องมีการทำตัวให้เหมาะสม และทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อเด็ก
หลักการสำคัญของหลักสูตรวอลดอร์ฟ
การจัดสภาพแวดล้อมให้อบอุ่น ให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะสามารถดึงศักยภาพของเด็กออกมาได้มากที่สุด
และตัวเด็กเองก็จะมีความกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรมต่างๆเหล่านั้นด้วยความตั้งใจ และสนุกสนาน โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.) กิจกรรมที่แสดงออกอย่างคึกคัก เช่น การทำอาหาร การทำงานศิลปะปั่น การเล่นตุ๊กตา การเล่นแต่งตัว(เสมือนเป็นตัวละคร) สร้างบ้าน สำรวจป่า ฯลฯ
2.) กิจกรรมอันสงบเยือกเย็น เช่น การฟังนิทาน การดูละครหุ่น การทำงานศิลปะวาดระบายสี ฯลฯ
สำหรับการศึกษาหลักสูตรวอลดอร์ฟนั้น จะไม่เน้นด้านวิชาการในระดับปฐมวัย
แต่จะเน้นด้านประสบการณ์เข้าใจตนเองและธรรมชาติ ด้านภาษาและความอุดมของวัฒนธรรม
โดยประสบการณ์ที่มอบให้กับเด็กในวัยนี้ จะปูพี้นฐานสำหรับการคิดอย่างสร้างสรรค์เปี่ยมไปด้วยฐาณทัศน์ในภายหลัง
กล่าวคือ เป็นการวางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับการเจริญงอกงามทางสติ ปัญญาต่อไปในอนาคต
ที่มา ค้นหาอนุบาลในดวงใจ
คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ที่กำลังมองหาหลักสูตรที่น่าจะเหมาะกับลูกของคุณ ผมอยากเสนอให้ลองดูการศึกษาแบบ วอลดอร์ฟดูนะครับ
หากคุณเชื่อว่าเด็กควรโตในสปีดที่เด็กพร้อม ไม่ต้องไปเร่งรีบ ให้เขาค้นหาตัวเอง ค้นหาความชอบ ทดลองทำอะไรหลายๆแบบ นอกจากแค่นั้งท่องหนังสือ ผมคิดว่าเหมาะ
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมใจรับแรงกระแทรก มหาศาลจากบุคคลผู้หวังดีที่อยู่รอบๆตัวคุณไว้ด้วยนะครับ เพราะในเวลาไม่นาน คุณจะสังเกตุได้ว่า เด็กรุ่นเดียวกับลูกคุณ กำลังอ่านออก กำล้งจะเขียนได้ ในขณะที่ลูกของคุณอาจจะยังละเลงสี เล่นดินอยู่เลย
การเปรียบเทียบจะไหลมา อย่างกับน้ำป่าที่ถาโถมมาใส่คุณ
คุณอาจจะเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่คิดว่าดีกับลูก มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วใช่มั้ย ทำไมเรียนมาลูกบ้านโน้นไม่ทัน ทำไมยังไม่อ่าน ทำไมยังไม่เขียน บ้านโน้นเขาเขียนไปถึงไหนแล้ว
ขอให้หนักแน่นครับ ขอให้เชื่อในสิ่งที่่คิดไว้ตอนนี้ (ถ้าจะให้ดี เขียนไว้เลยดีกว่า ว่าวันนี้คิดตัดสินใจแบบนี้ เพราะ 1, 2, 3) ในวันที่ไม่แน่ใจ ขอให้นึกให้ออกครับ ว่าเลือกแบบนี้ โดยรู้อยู่แล้วว่า สปีดของเด็กในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน และเราเลือกให้เขาได้เรียนไปตาม สปีดของเขา
โฆษณา