20 ส.ค. 2021 เวลา 11:13 • ปรัชญา
การเข้าหาเพื่อนร่วมงานแบบง่าย ๆ ด้วยเทคนิคคน 4 ธาตุ
“เพื่อนร่วมงานดี ถือเป็นลาภอันประเสริฐ” วลีนี้คงจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยได้ยิน เคยพูด และมีความคาดหวังว่าที่ทำงานใหม่ หรือออฟฟิศในปัจจุบันเราจะมี “เพื่อนร่วมงานดี” เพราะแน่นอนว่าถ้าเรารายล้อมไปด้วยคนที่มีพลังงานเชิงบวกมาก ๆ สภาพแวดล้อมรอบตัวของเราก็จะดีขึ้นไปด้วย การสื่อสารก็จะเป็นไปได้ง่าย การทำงานร่วมกันก็จะราบรื่น และที่สำคัญคือ เมื่อเกิดปัญหาระหว่างคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณ การแก้ปัญหาก็จะเป็นการแก้ปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่การเอาอารมณ์มาถมใส่กัน
ปัญหาที่กล่าวมาเบื้องต้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ หรือเป็นปัญหาคอขาดบาดตายขนาดนั้น หลาย ๆ คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบที่ตัวเองไม่สบายใจก็มีวิธีการจัดการกับ การอยู่ร่วมกันกับคนที่เราไม่ถูกชะตาหลาย ๆ รูปแบบ แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณไม่ต้องเปลืองพลังงานมาจัดการกับปัญหายิบย่อยเหล่านี้ ถ้าคุณสามารถเอาเวลาที่คุณจะต้องมาจัดการปัญหาผู้คนรอบตัว เปลี่ยนมาเป็นเวลาที่คุณจะสามารถเอาไปพัฒนาตัวเอง หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ๆ กัน เพราะถ้าคุณต้องมานั่งจัดการปัญหาผู้คนซ้ำ ๆ นั่นก็เหมือนกับการที่คุณจะต้องมานั่งประคองปัจจุบันให้ไม่พังลงไป แทนที่คุณจะนำเวลาเหล่านี้ไปพัฒนาหรือวางแผนอนาคตให้คุณและทีมของคุณเติบโตขึ้นได้
แต่ก่อนที่จะมองหาเพื่อนร่วมงานที่ดีนั้น อย่างแรกที่จะต้องหันมามองก่อนเลยก็คือ “คุณเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีหรือยัง?” เพราะมันก็คงจะไม่แฟร์กับคนรอบข้างของคุณถ้าหากว่าคุณเอาแต่มองหาเพื่อนร่วมงานดี ๆ แต่ตัวคุณเองอาจจะกำลังเป็นปัญหาให้คนอื่นต้องมานั่งจัดการอยู่ก็เป็นได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นการให้หันกลับมาสังเกตตัวเองไม่ได้เป็นการกล่าวหาว่าคุณกำลังเป็นคน Toxic อยู่ แต่การสื่อสารและการแสดงออกของมนุษย์ทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน และแน่นอนว่ามนุษย์คนอื่นรอบตัวเราก็มีวิธีการในการตัดสินและแปลงสารที่เราสื่อออกไปที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นการหันกลับมามองตัวเองไม่ได้มีความหมายว่าคุณเป็นคนไม่ดี แต่เป็นการหันกลับมาดูว่าวิธีการสื่อสารของคุณ เหมาะกับเพื่อนร่วมงานของคุณมากน้อยแค่ไหน
เมื่อต้องคิดว่าคุณจะต้องปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะกับเพื่อนร่วมงานของคุณ หลายคนอาจจะเครียดไปตาม ๆ กัน ทุกคนโตมาจากต่างครอบครัวต่างการเลี้ยงดู จะปรับให้เข้ากับทุกคนทีละคนได้อย่างไร ศาสตร์การแบ่งประเภทผู้คนรอบ ๆ ตัวที่คุ้นเคยกันอย่าง DISC หรือ MBTI ก็ต้องใช้การทำแบบทดสอบในการแยกประเภท ซึ่งนอกจากจะมีหลายประเภทแล้ว เรายังไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนรอบตัวเราทำแบบทดสอบเหล่านี้กันหมดด้วย เพราะฉะนั้นทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ ก็ควรจะเป็นวิธีที่เราสามารถสังเกตคนรอบตัวได้จากพฤติกรรมและการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
เทคนิคในการแบ่งประเภทคนง่าย ๆ ที่จะพูดถึงในบทความนี้คือ หลักการแบ่งผู้คนเป็น 4 ประเภทด้วยการอ้างอิงจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ ซึ่งวิธีการวิเคราะห์และแบ่งประเภทคนตรงหน้าของคุณ ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากเลย เพราะสิ่งที่คุณต้องสังเกตคนรอบตัวคุณคือ วิเคราะห์ว่าเขามีวิธีการเติมพลังงานตัวเองแบบไหน (Extrovert / Introvert) และพวกเขาใช้เหตุผลตัดสินใจ หรือพวกเขาใช้อารมณ์ตัดสินใจ (Thinking / Feeling)
จากตารางจะเห็นได้ว่า คนแต่ละธาตุจะมีองค์ประกอบของการตัดสินใจ และการเติมพลังงานที่ต่างกันออกไป ธาตุไฟที่เป็นคนกลุ่ม Extrovert ใช้เหตุผลและตรรกะตัดสินใจ ธาตุลมที่เป็น Extrovert ใช้อารมณ์ตัดสินใจ ธาตุดินที่เป็น Introvert และใช้เหตุผลตัดสินใจ และสุดท้ายธาตุน้ำที่เป็น Introvert และใช้อารมณ์ตัดสินใจ
เมื่อคุณสามารถวิเคราะห์ได้คร่าว ๆ แล้วว่าคนรอบตัวคุณเป็นคนธาตุอะไร ต่อมาคือการเรียนรู้ว่าธาตุแต่ละธาตุมีลักษณะอย่างไร และคุณจะต้องปรับตัวเข้ากับคนแต่ละธาตุด้วยวิธีไหนบ้าง
1. Fire (Extrovert / Thinking)
คนธาตุไฟคือคนที่มีฐานการตัดสินใจด้วยการใช้ความคิดเป็นหลัก และพวกเขายังจัดอยู่ในกลุ่ม Extrovert หรือกลุ่มที่ถูกเติมพลังด้วยการเข้าหาคนอื่นอีกด้วย องค์ประกอบหลักสองข้อนี้ทำให้พวกเขาเป็นคนกลุ่มที่กล้าพูดความคิดและความต้องการของตนเองออกมาตรง ๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับความร้อนแรงของไฟแล้ว คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว พวกเขาให้ความสำคัญกับเวลามาก ๆ ทำให้พวกเขาไม่ชอบอะไรที่ยืดเยื้ออย่างไม่จำเป็น พวกเขาดูจะมีพลังล้นเหลือตลอดเวลา มีแรงขับเคลื่อนที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ พูดจาเสียงดังฟังชัด จนบางครั้งหลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเสียงดังเกินไปด้วยซ้ำ มีความเป็นผู้นำสูง พวกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเห็นด้วยกับอะไร ไม่เห็นด้วยกับอะไร ชอบสิ่งไหน และไม่ชอบสิ่งไหน นั่นทำให้วิธีการสื่อสารของพวกเขา มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้คนรอบตัวไม่ชอบมากที่สุด เพราะด้วยความที่พวกเขากล้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองออกมาตรง ๆ พร้อมทั้งมีเหตุผลรองรับความคิดหรือจุดยืนเหล่านั้น และด้วยการพูดเสียงดังของพวกเขาทำให้คนรอบตัวรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูก คุกคามจากคนธาตุไฟอยู่
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนธาตุไฟจะไม่เปิดรับฟังความคิดของคนอื่นเลย เป็นเพราะว่าพวกเขาใช้เหตุผลในการตัดสินใจสูง ทำให้พวกเขาก็เปิดรับฟังเหตุผลของคนอื่นเช่นกัน เพียงแต่ว่าด้วยการกระทำของพวกเขาอาจจะทำให้การเผชิญหน้ากับคนธาตุไฟ ดูเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับใครบางคน แต่ถ้าคุณเข้าไปสื่อสารกับเขาตรง ๆ เชื่อว่าเขาจะเปิดรับฟังคุณแน่นอน ซึ่งการพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดกับคนธาตุไฟอาจจะดูเป็นการพูดที่รุนแรง แต่เชื่อเถอะว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงออกในแบบของเขาเท่านั้น คนธาตุไฟไม่ได้มีเจตนาจะควบคุมบงการ หรือกินหัวคนที่เขากำลังคุยด้วยอย่างแน่นอน
ดังนั้นการเข้าหาและรับมือกับคนธาตุไฟคือ คุณต้องไม่กลัวเขา คุณแค่เข้าไปคุยตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ชัดเจน ตรงประเด็น ซึ่งแน่นอนว่าในบทสนทนานั้นอาจจะมีการโต้ตอบไปมาระหว่างคุณกับเขา นั่นเพราะเขากำลังพยายามแสดงเหตุผลและความคิดของตัวเขาเองที่มีต่อข้อมูล ที่เขากำลังได้รับจากคุณอยู่ และถ้าเขาวิเคราะห์แล้วว่าข้อมูลของคุณมีเหตุผลมากกว่าความเชื่อเดิมของเขา เขาจะยอมรับอย่างไม่อิดออดเล
และถ้าคุณเป็นคนธาตุไฟ คุณอาจจะต้องระวังในการสื่อสารระหว่างคุณกับทีม เพราะในการสื่อสาร คุณจะพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายและวิธีการในทันที และนั่นเป็นข้อดีของคุณ คุณเป็นคนที่วางผลลัพธ์เป็นสำคัญ และมันจะดีขึ้นกว่าเดิมมากถ้าคุณเริ่มหันมามองสภาวะปัจจุบันของคนตรงหน้าของ คุณสักเล็กน้อยว่าในตอนนี้คู่สนทนาของคุณกำลังพยายามสื่ออะไร นอกเหนือจากสิ่งที่คุณต้องการจะฟังหรือไม่
2. Wind (Extrovert / Feeling)
คนธาตุลมเป็นคนที่ชอบออกสังคม สังสรรค์เฮฮาร่วมกับเพื่อนฝูงด้วยความที่พวกเขาเป็นคน Extrovert ที่ใช้อารมณ์และความรู้สึกเป็นตัวตัดสินใจหลัก ทำให้พวกเขาเป็นคนกลุ่มที่สามารถแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ชัดเจนตลอดเวลา ซึ่งถ้าเทียบกับคนกลุ่มอื่น ๆ แล้ว คนธาตุลมน่าจะเป็นคนที่คุณสังเกตได้ง่ายที่สุด แค่คุณมองหาว่าคนไหนที่ “ญาติเยอะ” รู้จักคนเยอะ สามารถเข้าไปเอนจอยกับคนนู่นคนนี้ได้หมด นั่นแหล่ะครับ คนธาตุลม
คนธาตุลมจะเป็นคนที่เป็นความเบิกบานในกลุ่มสังคมของคุณ คุณจะสัมผัสได้เลยว่าถ้าคนธาตุลมเดินเข้ามาเมื่อไหร่ บรรยากาศทุกอย่างจะดูเบาลงทันที ความตึงเครียดจะค่อยหายไป รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเขาจะทำให้สภาพแวดล้อมของการทำงานดูสดใสขึ้นมาทันที นอกจากนี้พวกเขายังเป็นคนที่มีไอเดียแปลกใหม่ตลอดเวลา มีข้อเสนอบางอย่างที่แหวกกฏเกณฑ์และตรรกะทุกอย่างออกมาอยู่บ่อยครั้ง นอกจากจะมีไอเดียแปลกใหม่เองแล้ว พวกเขายังตื่นเต้นกับไอเดียที่แปลกใหม่ของคนอื่นอีกด้วย นั่นทำให้พวกเขาเป็นนักคิด นักพัฒนาที่คอยริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอและพร้อมที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของโลกที่เปลี่ยนไป อยู่ตลอดเวลา
ข้อเสียของคนกลุ่มนี้คือ ด้วยความที่พวกเขาใช้ความรู้สึกตัดสินใจเป็นหลัก ทำให้หลาย ๆ ครั้งประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ด้วย แน่นอนว่าพวกเขามีความรับผิดชอบมากพอที่จะพยายามไม่ให้อารมณ์มา มีผลกระทบกับการทำงาน แต่ในเมื่อพื้นฐานของพวกเขามีผลกับอารมณ์ค่อนข้างมากก็อาจจะทำให้อารมณ์ยังมีผลกับการทำงานอยู่ อีกอย่างหนึ่งที่คุณอาจจะเห็นจากคนธาตุลมคือ พวกเขาดูเหมือนเบื่อง่าย จากที่กล่าวมาข้างต้นว่าพวกเขาเป็นคนที่มีไอเดียใหม่ ๆ และตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ความตื่นเต้นนั้นก็อาจจะไม่ได้อยู่นาน นั่นอาจจะทำให้คุณเห็นพวกเขาตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ อยู่พักหนึ่ง
และเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะค่อย ๆ เฉยชากับสิ่งนั้นไปดื้อ ๆ แต่อย่างไรก็ดีการตัดสินใจหยุดความสนใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งของพวกเขาก็ไม่ได้ หมายความว่าพวกเขาไม่มีความอดทน เพียงแค่พวกเขาเห็นเหตุผลในแบบของพวกเขา ที่จะทำให้พวกเขาเลือกหยุดทำอะไรบางอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่ แต่บางครั้งเหตุผลเหล่านั้นก็อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาอธิบาย ออกมาเป็นคำพูดได้
ดังนั้นถ้าคุณจะต้องเข้าหาคนธาตุลม เทคนิคง่าย ๆ เลยก็คือ เน้นสนุกสนานเฮฮาไว้ก่อนได้เลย เรียกได้ว่าถ้าอยากจะได้งาน งานฮาต้องมาก่อน ถ้าคุณจะต้องเข้าไปคุยกับเขาคุณอาจจะต้องดึงความสนใจกับพวกเขาด้วยการเล่นมุขไปก่อนสักนิด แล้วคุณค่อยพาพวกเขาเข้ามาในเรื่องงานหรือหัวข้อจริงจัง
สำหรับคนธาตุลมเอง ถ้าหากว่าคุณสามารถควบคุมตัวเองในช่วงที่กำลังทำงานได้ คุณจะทำให้เพื่อนร่วมงานทำงานกับคุณได้ง่ายมากขึ้น
3. Water (Introvert / Feeling)
หลาย ๆ คนอาจจะเรียกคนธาตุน้ำว่าเป็น “แม่พระ / พ่อพระ” ประจำกลุ่ม เพราะคนธาตุน้ำจะเป็นคนที่คอยเอาใจใส่ความรู้สึกของคนรอบ ๆ ตัวตลอดเวลา ด้วยความที่พวกเขาใช้ความรู้สึกตัดสินใจเป็นพื้นฐาน และด้วยความเป็น Introverts จะทำให้พวกเขาไวและใส่ใจต่อความรู้สึกของคนรอบตัวอยู่เสมอ
คนธาตุน้ำจะเป็นคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคนในทีมตลอดเวลา เป็นพื้นที่ที่ทุกคนมองว่าสบายใจเมื่อได้อยู่ด้วย คนธาตุน้ำมักจะมีนิสัยนุ่มนวล พูดจาน่ารักอ่อนหวาน จุดเด่นของคนกลุ่มนี้คือการสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับคนในทีม หรือการไกล่เกลี่ยปัญหาต่าง ๆ ระหว่างสมาชิกในทีม เพราะพวกเขาสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดีกว่าคนกลุ่มอื่น และพวกเขาใจเย็นมากพอที่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์ตัวเองไหลไปตามสถานการณ์ได้ ซึ่งความใส่ใจนี้ไม่ได้มีผลแค่กับคนในทีมเท่านั้น กับคนนอกองค์กร หรือลูกค้าของคุณด้วย ถ้าหากว่าคุณต้องการให้องค์กรของคุณมีภาพลักษณ์ในการบริการลูกค้าที่ดี มีการดูแลเอาใจใส่ การเลือกผู้นำที่เป็นธาตุน้ำไปควบคุมดูแลแผนกเกี่ยวกับการบริการก็เป็นเรื่องหนึ่งที่คนกลุ่มนี้ทำได้ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในความใส่ใจคนอื่นของคนธาตุน้ำก็ถือว่าเป็นข้อเสียในตัวอย่างหนึ่ง เพราะในชีวิตปัจจุบันเราคงจะไม่สามารถเอาใจทุกคนรอบตัวเราได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นคือความลำบากใจของคนธาตุน้ำ พวกเขาจะไม่อยากตัดสินใจอะไรบางอย่างที่จะไปผลกระทบต่อคนรอบตัวเขา และนั่นจะทำให้พวกเขาตัดสินใจไม่เด็ดขาด เพราะพวกเขากังวลว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้คนบางคนรอบตัวเขาลำบากขึ้น หรือรู้สึกแย่กับการตัดสินใจของพวกเขา
ถ้าคุณต้องการจะเข้าหาคนธาตุน้ำ คุณจะต้องหลีกเลี่ยงการพูดห้วน ๆ ตรง ๆ กับพวกเขา เรียกได้ว่าถ้าคุณใช้วิธีไหนสื่อสารกับคนธาตุไฟ ให้คุณเลือกเอาวิธีตรงกันข้ามมาสื่อสารกับคนธาตุน้ำได้เลย เวลาสื่อสารกับคนธาตุน้ำก็ควรจะถามสารทุกข์สุขดิบเยอะ ๆ ถ้าเป็นเช้าวันจันทร์ก็ถามพวกเขาสักหน่อยว่าสุดสัปดาห์ได้พักผ่อนเต็มที่ไหม อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะ ฯลฯ ก่อนที่คุณจะวนเข้ามาประเด็นหลักที่คุณต้องการสื่อสารกับพวกเขา ใช้น้ำเสียงเบา ๆ อ่อนโยนในการพูดจากับเขา ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ นอกจากการสื่อสารจะเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว คุณจะยังทำให้พวกเขาสบายใจ และพวกเขาก็จะดูแลเอาใจใส่คุณเหมือนที่คุณดูแลเอาใจใส่พวกเขาด้วย
4. Earth (Introvert / Thinking)
ธาตุดินจะเป็นคนกลุ่มที่มีข้อมูลแน่นที่สุดทั้ง 4 กลุ่ม พวกเขาเป็นคนที่หนักแน่นและมั่นคง ทุก ๆ อย่างที่เขาตัดสินใจล้วนผ่านการไตรร่ตรองอย่างถี่ถ้วนโดยที่มีข้อมูลและ องค์ประกอบของข้อเท็จจริงมาแล้วทั้งสิ้น
จุดแข็งที่สุดอย่างหนึ่งของคนธาตุดินคือ เมื่อพวกเขาวิเคราะห์หรือตัดสินอะไร พวกเขาจะมองจากความเสี่ยงเป็นหลักก่อนเสมอ พวกเขาจะวิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และวางแผนกลยุทธ์ในการก้าวไปข้างหน้าโดยที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด นั่นทำให้พวกเขาโดดเด่นในเรื่องการวางแผน การสร้างผลลัพธ์โดยที่มีความเสี่ยงต่ำ การพัฒนาที่คาดหวังผลลัพธ์ได้ดี เพราะทุก ๆ ก้าวที่พวกเขาเลือกที่จะเดิน พวกเขาไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้วนั่นเอง
จุดอ่อนของพวกเขาคือ พวกเขาจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงเหมือนการเปลี่ยนจากแนวทางความคิดที่พวกเขาเลือกและ วิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว ทำให้พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลามากกว่ากลุ่มอื่นสักหน่อย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อีกหนึ่งข้อคือ พวกเขาอาจจะเป็นผู้ฟังที่ตัดสินผู้พูดมากเกินไปสักนิดหนึ่ง ยิ่งถ้าหากว่าพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่แล้วนั้น เขาจะมีความเชื่อว่าข้อมูลที่พวกเขารู้นั่นถูกต้องและน่าเชื่อถือกว่า
ถ้าคุณอยากจะสื่อสารกับคนธาตุดิน ให้คุณเตรียมข้อมูลมาให้พร้อม พยายามอย่าพูดอะไรที่จับต้นชนปลายไม่ได้ เพราะคนกลุ่มนี้จะไม่ชอบข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง อย่าไปพูดว่า “ก็เขาบอกมาว่า……” กับคนกลุ่มนี้ เพราะคุณจะถูกถามกลับมาว่า “เขาคือใคร” ในทันที และในบางครั้ง คุณอาจจะเห็นพวกเขาเงียบไประหว่างที่คุยกัน นั่นไม่ได้เป็นเพราว่าพวกเขาไม่อยากคุยกับคุณ แต่ว่าพวกเขาอาจจะกำลังประมวลข้อมูลที่เพิ่งจะได้รับมาใหม่จากคุณอยู่ก็ได้
สำหรับคนธาตุดิน ให้คุณระวังตัวในการพูดคุยกับคนอื่น เพราะคุณจะมีปัญหาคล้าย ๆ กับคนธาตุไฟที่ใช้เหตุผลเป็นหลัก ทำให้คุณอาจจะดูไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้างนัก และลดการตัดสินผู้อื่นและข้อมูลที่พวกเขามีลงสักหน่อย คุณอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ แบบที่คุณคาดไม่ถึงก็เป็นได้
ถ้าหากว่าคุณสามารถเรียนรู้ทั้งตัวเองว่าคุณมีแนวโน้มที่จะอยู่ในคนกลุ่มไหนมาก กว่า เข้าใจค่านิยมของตัวเอง และเข้าใจค่านิยมของคนรอบข้าง จะทำให้คุณเลือกวิธีการเข้าหาคนอื่น ๆ ได้เหมาะสมมากว่าเดิม ลองนึกสภาพว่าคุณเป็นคนธาตุไฟ มีอะไรพูดตรง ๆ และคุณสื่อสารแบบนี้กับคนธาตุน้ำ คู่สนทนาของคุณคงจะไม่รู้สึกดีแน่นอน ทั้ง ๆ ที่คุณก็อาจจะไม่ได้มีความรู้สึกด้านลบด้วยซ้ำ หรือคนธาตุลมที่เบื่อจะฟังคนธาตุดินพูดแต่เรื่องข้อมูล แต่ในขณะเดียวกับคนธาตุดินก็อาจจะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนธาตุลมตัดสินใจ โดยที่ไม่คิดอะไรแบบนั้นได้อย่างไร
ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น คุณจะกลายเป็น “เพื่อนร่วมงานที่ดี” และสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การทำงานกับทุก ๆ คนรอบตัวคุณได้ และคนรอบตัวของคุณเหล่านั้น ก็จะกลายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของคุณไปเอง เพียงแค่คุณเริ่มเปลี่ยนแปลงและจัดการตัวคุณเอง
โฆษณา