21 ส.ค. 2021 เวลา 12:00 • กีฬา
#โรมดาร์บี้ที่ไม่เคยหลับไหล
โดย มิสมาต้า
เปโดร โรดริเกซ นักเตะวัย 33 ปี ได้ทำให้ดาร์บีแมตช์​กรุงโรมอันเป็น 1 ใน 10 สงครามดาร์บีแมตช์​ที่ป่าเถื่อนที่สุดในโลก มีกิจกรรมพิเศษระหว่างเกมให้แฟนบอลได้ทำเพิ่มมากขึ้น
1
กว่า 20 ปีแล้ว ที่ไม่มีการย้ายข้ามฟากเมืองหลวงระหว่างลา​ซิ​โอ​ กับ โรม่าเกิดขึ้น แต่พอ โชเซ​ มูรินโญ​ ก้าวเข้ามาคุมทัพโรม่า​ เปโดรจึงได้ขนความสำเร็จ​ในอดีตหนีไปร่วมทีมอริเบอร์​หนึ่งแบบไม่ใยดีหัวใจแฟนบอล
ดังนั้นการย้ายทีมในรอบนี้ของเขาจะเป็นการเปลี่ยนประสบการณ์​ชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งในวันที่ 26 กันยายน เขาจะได้ลิ้มรส​ชาติ​ของโรมดาร์บีที่จะมีเสียงโห่จากแฟนบอลของโรม่ากลุ่มเดิมที่เคยส่งเสียงเชียร์​เขาในวันวานเป็นของขวัญ​พิเศษ​สำหรับผู้แปรพักตร์​
เปโดรเป็นอดีตนักเตะคนแรกในประวัติ​ศาสตร์​ของ​วงการ​ฟุตบอล​ที่เป็นมาแล้วทุกแชมป์​เมเจอร์
ในระดับทีมชาติ เปโดรเคยได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 กับ แชมป์ยูโรปี 2012 ร่วมกับทีมชาติยุคทองของสเปน
ในระดับสโมสร เขามีเหรียญ​แชมป์​ลา ลีกา ,  โกปา เดอ เรย์  , ซูเปอร์โคปา , ยูฟ่า​ แชมเปี้ยนส์​ ลีก​ , ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า​ คลับ​ เวิลด์​คัพ
รวมทั้ง แชมป์​พรีเมียร์​ ลีก​ , เอฟเอ​ คัพ​  และ ยูฟ่า ยูโร​ปา​ ลีก​ ตอนย้ายมาเล่นให้เชลซี
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความสำเร็จ​ในระดับที่สมควรต้องถูกอิจฉา ว่ากันว่าถ้าเขาโอนสัญชาติ​ไปล่าแชมป์​โคปา อเมริกา​ , โกลด์ คัพ และ เอเชียน คัพ หรือ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ได้ เขาคงทำไปแล้ว
1
แต่ก็อย่างที่บอกว่าการย้ายทีมในครั้งนี้จะทำให้เปโดรได้เปิดโลกใหม่ เขาอาจจะ​เป็นมาแล้วทุกแชมป์ เคยผ่านสมรภูมิ​เอล กลาซิโก , เคยผ่านลอนดอนดาร์บีแมตช์​ และ ดาร์บีกรุงโรม
แต่เขายังไม่เคยลงเล่นดาร์บีแมตช์​ของทุกลีกในสถานะเป็นนักเตะของอริร่วมเมืองทั้งสองฝั่ง
โรนัลโด​ เดอะ เฟโนเมนอน เคยเป็นหนึ่งเดียวที่ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า​ กับ เรอัล​ มาดริด รวมทั้งเคยเป็นนักเตะของ อินเตอร์​ มิลาน​ กับ เอซี มิลาน
แต่นั่นไม่ใช่การย้ายแบบย้ายข้ามฟากไปตรงๆ รวมทั้ง​โรนัลโด​ยังเป็นนักเตะที่แฟนบอลรักเพราะฝีเท้า และนิสัยส่วนตัวของเขา แต่กับเปโดรนั้นแตกต่างออกไป
ในอดีตเคยมีนักเตะย้ายข้ามฟากเมืองไม่กี่คนเท่านั้น โดยเริ่มจาก ลุยจิ ซิโรลี เมื่อปี 1929 แต่เป็นการย้ายแบบผ่านสโมสรตัวกลาง
อัตติลิโอ เฟอร์รารีส เป็นนักเตะรายที่สองที่ย้ายข้ามฟาก แต่เป็นคนแรกที่ย้ายตรงจากโรม่า​มาสู่ลาซิโอเมื่อปี 1934 แถมยังกล้าย้ายกลับมาที่โรม่าในอีก 4 ปีต่อมา
จากนั้นก็มี คาร์โล กัลลี , อาร์เน เซลโมสสัน หัวหอกชาวสวีดิช​ , ฟรังโก คอร์โดวา กัปตันทีมโรม่าได้ย้ายผ่านเวโรนาไปที่ลาซิโอ
ต่อด้วย ลิโอเนลโล มานเฟรโดเนีย สาวกเบียงโคเลซเรสตีที่เป็นลาซิโอแท้ๆ ที่เคยถูกพิษแบนในยุคเดียวกับ เปาโล รอสซี จนพลาดการลงสนามสองปี ได้ย้ายผ่านยูเวนตุสไปสู่โรม่า อันเป็นการทำให้แฟนบอลลาซิโอถึงกับตราหน้าว่าอดีตนักเตะที่โตมาจากอคาเดมี​รายนี้เป็นจอมทรยศ
จากนั้นก็มี อันเจโล เปรุซซี , โรแบร์​โต​ มุซซี , ซินิซา มิไฮโลวิช และจบที่ ดิเอโก ฟูแซร์ เมื่อปี 2001
ทุกคนมีการย้ายทีมที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือการถูกแฟนเก่าตามด่าในทุกการสัมผัสบอล ทั้งที่บางคนเคยเป็นถึงขวัญใจ​ของแฟนบอล แต่ก็คงอย่างที่กูรูแห่งวงการความรักเคยกล่าว​เอาไว้ว่า "ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียด"
::
ถ้าคิดว่าวีรกรรม​ที่นายพลฟรังโกผู้นำแห่งสเปนเคยย่ำยีบาร์เซโลน่า​ แล้วเชิดชู​เรอัล​ มาดริด ว่าชอกช้ำแล้ว
1
แต่วีรกรรมของไอดอลนายพลฟรังโกที่ชื่อ นายพลเบนิโต มุสโสลินี ที่ฝากฝังรอยเกลียดชังเอาไว้กลางกรุง​โรม นี่คือตัวพ่อของผู้นำสเปนไปเลย
มุสโสลินีใช้นโยบายฟาสซิสต์ของกองทัพเยอรมัน​มาดำเนินการปกครองประเทศ แม้กระทั่งในเรื่องของฟุตบอลก็หนีไม่พ้น เมื่อเขาต้องการสร้างอิทธิพลของตนเองให้อยู่เหนือฝ่ายต่อต้านอย่างเบ็ดเสร็จ
มุสโสลินีออกคำสั่งให้สร้างสโมสรของเขาขึ้นมาภายใต้ชื่อ อาแอส โรม่า ด้วยการบีบบังคับให้ควบรวม 3 สโมสรเดิมในกรุงโรมเข้าด้วยกัน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน​ ปี 1927
โดยสโมสรฟุตบอลผู้โชคร้ายทั้งสามนั้นได้แก่ สโมสรโรมัน , สโมสร​อัลบา ออเดเซ และ สโมสร​ฟอร์ติตูโต
1
สโมสรลาซิโอคือผู้รอดจากการควบรวมทีม​ฟุตบอล​ในโรมครั้งนั้นแต่เพียง​ผู้เดียว เพียงเพราะพวกเขามี​ นายพลจิออร์จิโอ วัคคาโร สหายคนสนิทของมุสโสลินีเป็นสาวกของทีม จึงทำให้ลาซิโอรอดพ้นจากคำสั่งรวมทีมนี้ไปได้
แล้วก็ด้วยการมีสิทธิพิเศษของโรม่า รวมทั้งการสร้างอัตลักษณ์​ให้สโมสรที่ลาซิโอตั้งใจทำให้แตกต่างกัน จึงทำให้ทั้งสองสโมสร​มองกันด้วยความเป็นศัตรู​
ภายในสนามทั้งสองฝั่งใส่กันแบบไม่เป็นมิตร ในขณะที่นอกสนามก็มีการตีกันของทั้งสองฝ่ายแบบชนิดที่ฮูลิแกนอังกฤษ​ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดยังข่มไม่ลง
โรม่าอาจจะภูมิใจ​ในความเป็นทีมของเมืองหลวง แต่ก็ถูกลาซิโอมองว่าเป็นทีมของชนชั้นกรรมาชีพ​ แถมยังมีแฟนบอลหลายคนเป็นชาวยิวที่รอดชีวิตมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง​
ส่วนลาซิโอที่มีผู้สนับสนุนอันเป็นประชากรของเมืองหลวงบ้าง จากเมืองรอบข้างบ้าง จึงถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้พวกบ้านนอก ที่กลับดูดีมีฐานะดีกว่าคู่แค้น รวมทั้งลาซิโอมีฐานการเมืองที่ยังฝักใฝ่ในนาซีอยู่
ทั้งคู่จึงใช้ทั้งปมในใจ และปมที่เป็นจริงสร้างความเกลียดชัง​กันขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นทุกสิ่งที่กล่าวมาจึงทำให้เพื่อนร่วมเมืองกลายเป็นศัตรูกันอย่างยาวนานมาเกือบ 100 ปีแล้ว
::
วันที่ 28 ตุลาคม​ ปี 1979
ณ สนามโอลิมปิก​ สเตเดียม​ กรุง​โรม
ดาร์บี เดลลา คาปิตาเล หรือ ดาร์บีแมตช์​กรุงโรมในภาษาอิตาเลียน ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องขนตำรวจเกือบทั้งกรุงโรมเพื่อมาดูแลความปลอดภัย
1
ภาพการปะทะกันด้วยความรุนแรง​ที่เกิดขึ้นในอดีตล้วนเกิดขึ้นบ่อยจนทุกคนคุ้นเคย แม้กำลังตำรวจจะขนกันมาเป็นกองร้อย แต่กลับไม่เคยที่จะสามารถหยุดยั้งสงครามกลางเมืองหลวงนี้ได้เลย
เพียงแต่ดาร์บีในวันนี้ กำลังจะทำให้เกิดเหตุ​การณ์​ที่เปลี่ยน​โฉมหน้าประวัติศาสตร์​ของคู่อริทั้งสองฝ่ายไปโดยสิ้นเชิง
เราเคยเห็นภาพ มาร์โก มาเตราซซี ยืนเคียงข้าง รุย คอสตา เพื่อดูความวุ่นวายของคู่ปรับ​เมืองมิลาน ที่มีการขว้างปาพลุไฟลงมาในสนามจนกรรมการต้องเป่าหยุดเกม
ดิดา ผู้รักษาประตู​ของเอซี มิลาน ต้องอกสั่นขวัญแขวน​กับความเถื่อนดิบของสาวกงูใหญ่​ที่ทั้งขว้างปาสิ่งของ , ส่งเสียงด่าทอ และโยนพลุไฟจนเฉียดหัวของเขาไปเพียงนิดเดียว จนทำให้เขาไม่ยอมกลับไปลงเล่นในเกมวันนั้น
แต่อย่างน้อยมิลานดาร์บีก็ยังดูมีมิตรภาพ​กว่าที่กรุงโรม
วินเซนโซ ปาปาเรลลี สาวกลาซิโอวัย 33 ปี ได้พาครอบครัวอันมีภรรยา และลูกชายเข้ามาชมเกมดาร์บีตามปกติ พวกเขานั่งอยู่ที่อัฒจันทร์​ฝั่งหลังประตูฝั่งเหนือของสนาม
วินเซนโซเป็นแฟนบอลลาซิโอเต็มขั้น แต่เขาอยู่ห่างไกลจากคำว่าแฟนบอลอัลตราทีมเต็มไปด้วยความฮาร์ดคอมากนัก
เขาเป็นช่างยนต์ลูกสอง ทุกคนบอกว่าวินเซนโซเป็นผู้ชายนิสัยดี มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัว​ที่ดี และมีอนาคตที่ดี เขาอาจจะได้เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม​ยิ่งกว่าในวันนั้น ถ้าเขาจะไม่เลือกที่จะพาครอบครัวไปชมเกมดาร์บี
อันที่จริงวินเซนโซไม่ได้ตั้งใจไปชมเกมในวันนั้นเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่บังเอิญ​ว่าพี่ชายของเขาจะติดธุระ ตั๋วที่หาได้ยากทั้งสามใบจึงถูกมอบมายังวินเซนโซ
พลุแฟร์ยามถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า หลังจากเสียงระเบิดเพียงไม่ถึงวินาที แสงไฟอันมีสีสันอันสวยงามอร่ามตาก็จะสว่างวาบบนท้องฟ้านั้น
1
แต่ที่อัฒจันทร์​ฝั่งใต้ โจวานนี ฟิออริลโญ แฟนบอลอัลตราของโรม่าวัย 17 ปี กลับหันกระบอกพลุไฟมาที่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม หลังจากได้เห็นเพื่อนแฟนบอลที่เขาเองก็ไม่รู้จักว่าเป็นใครยิงใส่กลุ่มแฟนบอลลาซิโอไป 2 ครั้งก่อนหน้า
1
แน่นอนว่าเขาทำไปด้วยความคึกคะนอง แล้วก็หวังเพียงแค่ทำให้แฟนบอลคู่แข่งที่แสนเกลียดชังได้วงแตกเท่านั้น คนเหล่านี้สามารถด่าทอกันได้ ทำร้ายกันได้ ทั้งที่ไม่เคยบาดหมางกัน
ถ้าจะมีใครลองไปเค้นคอถามเหล่าฮูลิแกนลูกหนัง ก็อาจจะได้คำตอบอันแสนหยาบอันปราศจาก​ตรรกะว่า เพราะมันเป็นแฟนบอลของคู่แค้นเท่านั้น
การยิงพลุแฟร์ของโจวานนีก็เช่นกัน เขายิงใส่คนอื่นด้วยเหตุผล​เพียงผู้โชคร้ายเป็นแฟนบอลลาซิโอ ส่วนเขาคือแฟนบอลของโรม่า
ด้วยความแรงของพลุกระบอกนั้น รวมทั้งความโชคร้ายของผู้ชาย​ที่แสนดี วินเซนโซ ปาปาเรลลี จึงถูกพลุไฟอันนั้นพุ่งตรงเข้ามาชน
เขาจะไม่ได้รับอันตราย​เลย ถ้าหากว่ามันจะไปโดนร่างกายของเขา แต่เมื่อพลุมันไม่มีตา แล้วมันยังถูกยิงมาจากคนสารเลว
มันจึงพุ่งทะลุกระบอกตาซ้ายของเขาจนเปลวไฟกระจายเข้าไปถึงสมอง ภรรยาของวิเซนโซกรีดร้องขึ้นมาในทันทีที่เห็นสภาพของสามีที่ล้มลง
มีพลเมืองดีพยายาม​ช่วยดึงมันออกมา เพียงแต่เปลวไฟคืออุปสรรคที่ทำให้พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้มากกว่าการสวดอ้อน​วอน
แวนดากรีดร้องอย่างสุดเสียงว่า "ไม่นะ คุณตายไม่ได้นะวินเชนโซ คุณจะทิ้งพวกเราไปแบบนี้ไม่ได้ ลูกของเราทั้งสองคนต้องการคุณ"
ผู้ร่วมเห็น​เหตุการณ์​เล่าหลังพลุไฟดับลงว่า ลูกชายของวิเซนโซร้องไห้ด้วยความเสียขวัญ​ แต่ความรักที่ใสบริสุทธิ์​ของเด็กชายที่มีต่อพ่อจึงทำให้เค้าดึงพลุออกมาได้เพียงบางส่วน
รวมทั้งเด็กชายยังพยายาม​ประคองชิ้นส่วนของดวงตาเข้าไปที่เบ้าตาของพ่อ โดยที่ไม่รู้ว่าร่างของพ่อตัวเองนั้นไร้วิญญาณ​ไปแล้ว
1
โจวานนีถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรมผู้อื่นโดยไม่เจตนา แต่เขาหลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติ​ที่ประเทศ​สวิตเซอร์แลนด์​ เขาติดต่อพี่ชายของวินเชนโซแทบทุกวันเพื่อขอให้ได้รับการให้อภัย
สองปีผ่าน​ไป​ โจวานนีกลับมาที่อิตาลี และมอบตัว แล้วได้ถูกพิพากษา​ให้จำคุก 6 ปี 10 เดือน ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิด​สองคนรับโทษจำคุกสี่ปีครึ่งในปี 1993 เขาได้เสียชีวิต​จากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด ก่อนที่จะตาย โจวานนีเขียนจดหมายถึงครอบครัว​ปาปาเรลลีอีกครั้งเพื่อขอโทษ และขอให้ทุกคนอโหสิกรรม​ให้เขา
1
::
การตายของวินเซนโซทำให้กัลโช่​ เซเรียอา​ ออกกฎสั่งห้ามนำพลุแฟร์เข้ามาในสนามฟุตบอล​โดยสิ้นเชิง แต่ก็ดูเหมือนว่าคำสั่งห้ามไม่ได้ต่างอะไรไปจากเศษกระดาษ​ทิชชู่​
เกือบสี่สิบปีหลังจากการตายของวินเซนโซ เขาคือเหยื่อรายเดียวของคดีฆาตกรรมภายในสนามฟุตบอล​
วินเซนโซกลายเป็นที่จดจำของผู้ที่มีศรัทธาต่อลาซิโอ โล่ประกาศเกียรติคุณของเขาตั้งอยู่ที่อัฒจันทร์​ฝั่งเหนือของสนาม เพื่อเตือนให้ระลึกถึง รวมทั้งให้ผู้ที่ไม่ทราบเรื่องราวได้เข้าใจ
ซึ่งบริเวณ​ดังกล่าวยังมักจะมีแฟนบอลลาซิโอปลุกความทรงจำในวันนั้นด้วยป้ายแบนเนอร์ อันมีข้อความว่า “10 , 1,000 , 1,000 Paparelli”
แม้จะเป็นดาร์บี​ที่มีคนตาย และน่าจะกลายเป็นอุทธาหรณ์​ให้ทุกคนได้ลดความเกลียดชัง​กันลงมาบ้าง
แต่ก็มักจะมีแฟนบอลจิตใจต่ำบางคนนำเอาชื่อของวินเซนโซ่มาล้อเลียน​
อย่างเช่นข้อความอันน่าขยะแขยง​ที่ว่า "ปาปาเรลลี คุณพลาดช่วงเวลาดีๆ ไปหมดแล้ว”
หรือป้ายกราฟฟิตี้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2013 ในเกมโคปปา อิตาเลีย ที่มีข้อความที่ว่า "มีถ้วยอยู่ตรงหน้าดีกว่าในดวงตามีเปลวไฟ”
1
สำหรับคนบางจำพวก ประวัติศาสตร์​ไม่เคยสอนให้คิดได้ , บทเรียนไม่เคยสอนใจ , ความเคารพหาซื้อไม่ได้หากจิตใจยังไม่สูงมากพอ
จนกว่าพวกเขาจะได้เผชิญหน้า​กับความสูญเสีย​ด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น บางทีพวกเขาอาจจะต้องสะกดคำว่าสายเกินไปให้ได้เสียก่อน
1
ฟุตบอล​ ศักดิ์​ศรี และ ความตาย อยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว
#PlayNowThailand #khelnow #football #RomeDerby

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา