22 ส.ค. 2021 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #รอยร้าวยังคงอยู่ ]
หลังจาก เอริก คันโตน่า ประกาศรีไทร์ในปี 1997 อย่างไม่มีใครคาดคิด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จำต้องเฟ้นหากัปตันทีมคนใหม่มาสวมปลอกแขนแทน
ตอนนั้น เฟอร์กี้ คิดหนักพอสมควร ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี หาตัวเลือกที่เหมาะสมสุด เพราะถือว่าสำคัญอย่างมากสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่ต้องเดินหน้ากันต่อไป
ก่อนจะเหลือชอยส์แค่ 2 เท่านั้นคือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และ รอย คีน
ชไมเคิ่ล ได้ความอาวุโสกว่า อีกทั้งย้ายมาในปี 1991 ก่อน คีน ซึ่งโยกจากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาร่วมทีมช่วงปี 1993 ถึง 2 ปีด้วยกัน
คุณสมบัติความเป็นผู้นำของทั้งคู่มีอยู่อย่างชัดเจน คอยปลุกเร้ากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา อีกทั้งปกป้องสโมสรเสมอ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในสนาม มักจะเป็นคนแรกๆที่เข้าไป
อย่างไรก็ดี เฟอร์กี้ ทบทวนอย่างเด็ดขาด ก่อนตัดสินใจมอบปลอกแขนให้กับ คีน รับช่วงต่อเป็นลูกพี่ใหญ่
1
หนึ่งในเหตุผลน่าจะมาจากความไว้เนื้อเชื่อใจว่า คีน จะปักหลักอยู่กับสโมสรยาวๆ เพราะในอดีต ชไมเคิ่ล เองเคยเกือบย้ายทีมมาแล้ว
1
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 มกราคม 1994 เกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ หลายคนคงพอจะจำเหตุการณ์ได้บ้าง แมนฯยูไนเต็ดบุกไปนำก่อน 3-0 ในช่วง 45 นาทีแรก เรียกว่าคนละชั้นกัน
อย่างไรก็ดีครึ่งหลังหนังคนละม้วนเดอะ ค็อปทั้งหลายต่างเฮกระหึ่ม เมื่อกลับมายิง 3 ประตูตีเสมอ 3-3 แบ่งแต้มได้อย่างน่าอัศจรรย์
1
นักเตะปีศาจแดงต่างผิดหวังกันถ้วนหน้า แต่ที่ผิดหวังไม่แพ้กันและโกรธสุดขีดคือ เฟอร์กี้ ซึ่งไม่เข้าใจว่านำขาดลอย แล้วปล่อยให้คู่ต่อสู้กลับมาได้อย่างไรกัน นี่มันไม่ใช่ดีเอ็นเอของทีมเลยสักนิด
บรรยากาศในห้องแต่งตัวฝั่งทีมเยือน จึงเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่แผ่ปกคลุม ผู้เล่นต่างเงียบกริบ ในขณะที่บอสโวยวายเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์ดูเกรี้ยวกราดหนักกว่าเก่า
หลังจากเขวี้ยงแก้วชาลงพื้นดังเพล้งใหญ่ จึงหันไปที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ในฐานะปราการด่านสุดท้าย การเสีย 3 ประตูรวดเดียวอย่างนี้ จึงย่อมตกเป็นเป้าใหญ่ธรรมดา
เฟอร์กี้ สวดผู้รักษาประตูทีมชาติเดนมาร์กแบบไม่ไว้หน้าอะไรทั้งสิ้น จี้ไปยังการเตะบอลยาวออกมาจากแดนตัวเองที่ทำให้จังหวะที่ควรเล่นรุกโต้กลับได้เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา
1
ชไมเคิ่ล ทนฟังอยู่หลายนาที พยามยามบอกตัวเองว่าต้องทนให้ไหว ควบคุมให้ได้ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาตามมา
แต่สุดท้ายก็เกินกว่าจะต้านอยู่ เขาลุกขึ้นระเบิดโทสะด่ากราดกลับคืนบ้าง จากอารมณ์ที่ร้อนตามนิสัย เล่นเอาเพื่อนร่วมทีมตะลึงไปตามๆกัน
ก่อน ชไมเคิ่ล จะเปิดประตูห้องเดินจากไป เฟอร์กี้ หยิบแก้วชามาจะขว้างใส่อยู่แล้ว แต่ยังมีสติพอจะเขวี้ยงลงพื้นแทน จึงไม่มีใครเจ็บตัว
ภายหลังเมื่อหลายอย่างเย็นลงแล้ว จึงเคลียร์กันได้ ชไมเคิ่ล ขอโทษเจ้านายและเพื่อนร่วมทีม
อย่างไรก็ดีบาดแผลไม่ได้หายสนิทซะเลยทีเดียว ในความรู้สึกของ เฟอร์กี้ ยังมีบางอย่างติดค้างคาใจ
นั่นอาจจะทำให้เลือก คีน เป็นกัปตันทีมในเวลาต่อมาด้วย
และกลายเป็นปัญหา ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังอีกต่างหาก รอยร้าวในความสัมพันธ์ของ ชไมเคิ่ล และ คีน ปริแยกหนักกว่าเดิม
ไม่นานมานี้ รอย คีน เพิ่งรับบทแขกรับเชิญ ตอบคำถาม แกรี่ เนวิลล์ อดีตเพื่อนร่วม ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรอัดเทปรายการ ไว้ออกอากาศทางสกาย สปอร์ตส์
1
แล้วหนึ่งในคำถามที่ แกรี่ ยิงใส่คือ -- "ตลอดการค้าแข้งคิดว่า ใครคือผู้รักษาประตูดีสุดที่ควรร่วมงานด้วย?"
คีน หยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชื่อ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ขึ้นมา แต่ลักษณะท่าทางไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร
หากตัดสินใจเลือก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็คงไม่สมเหตุสมผล สองคนนี้ได้ร่วมงานกันระยะสั้นเอง อีกทั้งความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ไม่ราบรื่น เคยทะเลาะกันในระหว่างประชุม
"ผมต้องบอกว่าเป็น ปีเตอร์ นั่นแหล่ะ แม้เขาจะถูกประเมินค่าสูงเกินจริงก็ตาม"
คีน ให้เหตุผลเช่นนี้ พร้อมพูดคำว่า Overrated ชัดถ้อยชัดคำยิ่งนัก ซึ่งนักเตะทุกคนไม่มีใครอยากได้ยินตัวเองโดนกล่าวถึงในลักษณะนี้หรอก
นอกจากนี้ คีน ยังสำทับอีกว่า ชไมเคิ่ล เก่งจริงดีจริง แต่ไม่คิดว่าจะดีเหมือนอย่างที่หลายคนเชื่อเท่านั้นเอง
จริงๆแล้วถ้าเจอคำถามอย่างนี้ คีน แทบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะร่วมหัวจมท้ายกับ ชไมเคิ่ล กวาดความสำเร็จมากมาย ตอบได้ทันทีทันใดเลยทีเดียว
แต่เมื่อเขาแสดงท่าทีอย่างว่า มันเดาไม่ยากเช่นเดียวกัน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ หากย้อนปูมหลัง ซึ่งสองคนนี้ไม่ลงรอยกันอย่างมาก
1
ฤดูร้อนปี 1998 แมนฯยูไนเต็ดยกพลไปฮ่องกงเข้าแคมป์เก็บตัวและเตะเกมปรีซีซั่น
รอย คีน นัดกับ นิคกี้ บัตต์ ไปปาร์ตี้กันกลับมาตอนตี 2 ในสภาพที่เมาปลิ้นและบังเอิญเหลือเกินเดินชนกับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่ล็อบบี้โรงแรม ซึ่งก็มีการตอบโต้บ้าง เล่นมุกบ้างแซวกันไปมา ไม่น่ามีอะไร
อย่างไรก็ตามพอ คีน ซึ่งเข้าไปห้องพักของ บัตต์ แล้วเดินออกมาเห็น ชไมเคิ่ล รออยู่หน้าประตู จึงแปลกใจพอสมควร
อย่างที่รู้กันก่อนหน้านี้ทั้งคู่ขัดแย้งกันเป็นทุนเดิม ชไมเคิ่ล ชอบตะโกนโวยวายโหวกเหวกด่าเพื่อนๆ
เรื่องนี้สร้างความหงุดหงิดให้ คีน มากๆ เพราะเชื่อว่าทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจมากกว่า เลยมีปากเสียงกันเสมอ ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ
1
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ชไมเคิ่ล อารมณ์ขึ้นพุ่งไปสูงแล้ว เกินกว่าจะดึงลงมาได้อีก เลยได้เปิดศึกนอกรอบตรงโถงทางเดิน หน้าห้องพักโรงแรมนั้นเอง
สองคนใส่กันแบบไม่ยั้ง ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ไปช่วยกระตุ้นอีก เสียงดังไปทั่งฟลอร์กินเวลาราว 10 นาทีถึงสงบ
1
มารู้ภายหลังว่า นิคกี้ บัตต์ ต้องเป็นกรรมการจำเป็น เข้ามาแยกไม่ให้บานปลาย เพราะเสียงดังไปทั่วแล้ว ขนาดปลุกให้ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ปูชนียบุคคลสำคัญตื่นมาเห็นเหตุการณ์ด้วย มันช่างน่าละอายยิ่งนัก
จากนั้น คีน เล่าให้ฟังว่าตื่นขึ้นมาตอนเช้าแทบจำอะไรไม่ได้เลย รู้แค่ว่าไปต่อยกับใครสักคนมา แต่นึกไม่ออกจริงๆ
เขาถาม เดนิส เออร์วิน รูมเมตแต่ไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด กระทั่งลงไปรวมพลที่รถบัสข้างล่างช้ากว่าคนอื่นเพื่อเตรียมเดินทาง จึงได้คำตอบจากเพื่อนบางคน
ชไมเคิ่ล ต้องสวมแว่นกันแดดดำพรางเอาไว้ เพราะบริเวณขอบๆนั้นมีสีคล้ำ เป็นร่องรอยจากการไฟต์ติ้งกันมานั่นเอง
ว่ากันว่าปลอกกัปตันที่ควรอยู่บนต้นแขนของเขา แต่ไม่ควรอยู่บนต้นแขนของ คีน สร้างความผิดหวังเสียใจให้ ชไมเคิ่ล ไม่น้อย
เมื่อบวกกับเหตุผลอื่นๆอีก จึงทำให้ ชไมเคิ่ล ยอมเปิดหมวกอำลาหลังจบภารกิจประวัติศาสตร์ทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 นั่นเอง
เพื่อนร่วมทีมบางคนไม่พอใจ ชไมเคิ่ล ย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีก ลำพังเฝ้าเสาให้แอสตัน วิลล่ายังพอรับได้อยู่
แต่เมื่อเปลี่ยนมาสวมเสื้อแมนฯซิตี้ในปี 2002 ยืนตระหง่านเป็นนายด่านสุดท้าย คีน คืออีกคนที่เสียความรู้สึกไม่น้อยไปกว่าใครเลย แม้จะเป็นช่วงสั้นๆก็ตาม
จนถึงทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายสิบปี แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
แค่บทสัมภาษณ์ดังกล่าวก็พอจะบอกได้ดีอยู่แล้ว เพราะสองคนที่เต็มไปด้วยอีโก้และความเชื่อมั่น มันยากที่ใครจะยอมถอย
สำหรับ คีน ด้วยแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา