22 ส.ค. 2021 เวลา 09:44 • ไลฟ์สไตล์
Yes! Yes! Yes! ได้ครับ ๆ ได้เลยครับพี่ ๆ ใช่ ๆ เราทำได้!
Yes เพราะ เกรงใจ
Yes เพราะ อยากให้เป็นที่ยอมรับ
Yes เพราะ เรากลัวว่าปฏิเสธไปแล้วเขาจะเสียใจ
แล้วคุณ Yes ไป เพราะอะไร????
หลายๆ คน อาจจะเคยมีปัญหาเรื่อง
“ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเป็นห่วงว่าจะเสียความสัมพันธ์”
จะชอบตอบรับที่จะให้ความช่วยเหลือโดยไม่ลังเล
เพียงเพราะว่าเป็นเจ้านาย เพื่อน พี่น้อง หรือคนรู้จัก
ถ้าเค้ามาขอความช่วยเหลือ เราจะทำให้เขาก่อนตัวเองเสมอ
ซึ่งในบางความช่วยเหลือ
จำเป็นที่จะต้องเอาตัวเข้าไปผูกพันจนทำให้เราเสียเวลาในชีวิตไปเหมือนกัน
หรือบางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราปฏิเสธไม่เป็น
แต่ก็เป็นการตอบรับด้วยความเต็มใจ
และเราเป็นคนเลือก Yes เพื่อการเดินเข้าไปหาปัญหาเอง
จริงๆ แล้ว Yes man ก็ที่มีทั้งด้านที่ดีและเสียนะ
-ข้อดี เปิดให้โอกาสทุกอย่างเข้ามาในชีวิต ได้เติบโตและไม่พลาดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
-ข้อเสีย คือ ถ้าเรา Say Yes แบบไม่เลือกหน้าและจัดการสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ได้ด้วย
การรับมาหนักมากจนเกินไป จะทำให้ชีวิตดูวุ่นวายเพราะไม่ได้สนใจความรู้สึกของตัวเองเลย
และ บางสภาพแวดล้อมแม้เราทำดีให้สักเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยเห็นความดีของเราเลย มีแต่ให้หนักมากขึ้น ๆ
จนเวลามีอะไร ๆ ก็กลายเป็นว่าให้เราทำทั้งหมดซะงั้น ทำให้จิตใจเราถูกกัดกินไปเรื่อย ๆ
#งั้นเรามาเรียนรู้วิธีเป็นมนุษย์ YesMan ให้ได้ดีกันเถอะ
#1เราต้องเลือก
เราเองไม่ต้องตอบรับไปซะทุกเรื่องก็ได้นะ
เราเลือกได้เองว่าอะไรควร Yes หรือ No ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่ามันกระทบต่อตัวคุณมากน้อยแค่ไหน
เขาต้องการเราคนเดียวจริง ๆ ไหม
ถ้าไม่ใช่เราสามารถเป็นคนอื่นทำแทนก่อน พอจะได้ไหม ?
#2เรียงลำดับความสำคัญให้ตัวเองก่อน
ถ้าเราวางแผนเวลาไว้ให้ตัวเองก่อน
คุณก็จะเห็นเวลาว่างที่เหลือเพื่อที่จะทำงานให้คนอื่น
แต่ถ้าไม่ลงเวลาเพื่อตัวเอง คนอื่นก็จะแย่งเวลาไปจากคุณ
อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกตัวเองนะครับ
การดูแลตัวเอง มันไม่ได้ดูเห็นแก่ตัวเกินไปหรอก
เวลาของคุณอะไรสำคัญที่สุด ความรัก ครอบครัว สุขภาพ การเงิน การงาน ?
คุณกำลังทุ่มเทให้กับอะไรในชีวิตอยู่
#3ตั้งสติและคิดก่อนตอบ
อย่าพึ่งตอบ Yes ทันที แต่ต้องมีสติรู้ตัว และคิดให้ดี ก่อนจะตอบ
ถ้าเพื่อนมาขอความช่วยเหลืออาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า
‘คุณเกี่ยวข้องกับงานนั้นโดยตรงไหม ?’
คุณต้องการเวลาคิดมากขึ้นไหม
#4ใจแข็งและไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นก็ได้
เข้มแข็งและจงมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง
ไม่ต้องเครียดว่าเราจะทำให้เขาผิดหวังในตัวเรารึเปล่า
เพราะถ้าเราติดธุระหรือไม่สามารถช่วยเขาได้ควรบอกเขาตรง ๆ
ไม่ควรให้ความหวังถ้าทำให้ไม่ได้
#5มองเห็นคุณค่าของการปฎิเสธและอย่าคิดว่าคนอื่นจะผิดหวัง
มองเห็นคุณค่าของการ ปฎิเสธ เพื่อตัวของคุณเอง
มันคือโอกาสที่ทำให้ตัวเองมีความสุข
เพราะตารางของคุณกำลังเป็นไปตามแผนการ
และแม้การเป็น Yes Man อาจจะดูเหมือนว่ามีคนเค้ามาคาดหวังกับเรา
เหมือนเราเป็นคนสำคัญมาก
แต่ถ้าเราไม่ทำ อาจจะ ไม่ได้เกี่ยวกับงานของเรา
ยังไงเขาก็จะหาวิธีสำหรับการแก้ปัญหานั้นได้อยู่แล้ว
เราอาจจะแค่รู้สึกคิดมากไปและคิดไปเองมากกว่า
บางทีอีกฝ่ายเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้
(เอ๊ะ? คุ้นๆเหมือนความรักเราเลยแฮะ พูดไปแล้วเจ็บ TT)
เราก็ลองค่อยๆถามดูนะ
ซึ่งเราก็สามารถปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจเขาได้ แค่ลองคิดช้าลงกว่านี้นะ
อย่าพึ่งพูดว่า Yes ทันที, บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร
แต่ที่พูดมาก็ไม่ได้หมายถึงว่า ให้เรา Yes หรือ No ไปเลยซะทีเดียว
เพราะ สิ่งต่างๆ ถ้ามากหรือน้อยเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น
เพราะบางทีคนที่ชอบให้ช่วยเราบ่อย ๆ
มันอาจจะเป็นสัญญาณว่าเค้าไว้ใจคุณมากๆ เลยก็ได้นะ
#คนเราแค่ต้องการความพอดี เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่ Yes หรือ No
#ถ้าเราใช้คำว่า No มากจนเกินไป มีแต่ ปฏิเสธ
ไปก่อนโดยที่เราไม่รู้ว่างานนั้น เราทำได้หรือเปล่า
 
ทำได้หรือไม่ได้
เรารู้สึกว่าเราอาจจะพลาดโอกาสใหญ่ครั้งเดียวทั้งชีวิตเลยก็อาจจะเป็นไปได้
#ถ้าคุณ Yes จนเคยชินมันก็อาจจะทำให้คุณกังวลมาก ๆ
เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องแบกความคิดหรือความคาดหวังของคนอื่นมาไว้ที่ตัวเองคนเดียวก็ได้นะ
พูดหรือสื่อสารออกมาบ้าง เพราะ…
“สิ่งที่อยู่ในหัวคุณ ถ้าไม่เคยพูดออกมา มันก็ไม่มีใครได้ยิน”
ถ้าเราไม่พูดออกไป อีกคนเขาคงไม่รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่
ทุกอย่างจะดีขึ้น แค่พูดออกมาให้เค้าเข้าใจ
โดยทีมงานเกลามีตัวอย่าง ๆ ดี ๆ
ที่ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คนที่บอกว่าตัวเองมีนิสัย Yes man
คือ ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล (ดร.ต้า) แห่ง Skooldio
ได้พูดถึงช่วงนิสัยนี้ได้น่าสนใจมากๆ ครับ ดร.ต้าพูดในส่วนที่ว่า
“การคิดว่า Give more than you take ให้ไปแล้วดีเสมอ”
โดยเฉพาะเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือ
ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากเดินมาขอความช่วยเหลือคนอื่นหรอก
เพราะคนเรามันจะมีอีโก้ในตัวเองอยู่แล้ว
การที่คนอื่นเค้าเดินมาขอความช่วยเหลือเรา คือ
1.เขาคิดแล้วว่าเราช่วยเขาได้
2.เขาน่าจะต้องติดปัญหานั้นจริงๆ เขาอยากได้รับความช่วยเหลือจากเรา
ฉะนั้น ส่วนตัวคนเค้าเรียกว่าเป็น Yes man คือใครขอให้ช่วย “ช่วยหมดนะ
แต่ก็ “ไม่ได้บอกว่าเป็นสิ่งที่ดี”
เพราะสุดท้ายหลายครั้ง “มันทำร้ายเราเหมือนกัน”
เราก็เริ่ม#จัดการตัวเองไม่ได้ เพราะไปทำนู่นทำนี่ให้คนอื่น
แต่ว่าก็ยังเป็นนิสัยที่ติดตัวมา “ช่วยให้เราได้ดีจนถึงทุกวันนี้”
ฟังต่อได้ที่ https://youtu.be/1ATtD4R5hmk (นาทีที่ 2.55น.)
“Make sure you say ‘YES’ to others, make sure you are not saying ‘NO’ to yourself.
(Paulo Coelho)
ทุกคนคิดเห็นยังไงกับบทความนี้บ้างครับ
ใครเป็นมนุษย์ Yes man บ้าง?
อยากรู้ไหมว่าสัญญาณที่จะบอกว่าเราเป็นมนุษย์ Yes man?
หรือเราวิธีปฏิเสธยังไงให้คนไม่เสียใจ?
เพื่อนๆ สามารถ Comment กันมาได้เลยนะครับ
แล้วเกลาจะมาให้คำตอบทุกท่านผ่านบทความดีๆ ในทุก ๆ วันอาทิตย์ครับผม :)
#ทำไมเราไม่รักตัวเองก่อนไปรักคนอื่น
#เกลานิสัยอันตราย
#เกลาไปพร้อมกัน
กด Subscribe 👉🏻 https://bit.ly/3u5JvVI เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนคลิปใหม่ๆ
🔔 กดกระดิ่งแจ้งเตือน คลิปใหม่ๆ ส่งตรงถึงคุณให้ได้รับชมก่อนใคร
ติดตาม เกลา นิสัยอันตราย ในโซเชียลอื่นๆ ได้ตามนี้เลยครับ
📌Line OpenChat : https://bit.ly/3dhmuID
🔺 Website : https://bit.ly/2I7M5Yi
🔺 Blockdit : https://bit.ly/2Jw91RM
📞 ติดต่อโฆษณาหรือสปอนเซอร์ได้ที่
Call : 084-645-9656 คุณแคท
⭐️ ติดต่อประสานงานอินฟูเอนเซอร์
Call : 080-5915292 คุณโซฟา
🌈สั่งซื้อสินค้าเพื่อสนับสนุนโครงการเกลา นิสัยอันตราย : https://bit.ly/3sCQHIp

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา