23 ส.ค. 2021 เวลา 05:55 • การศึกษา
ฝึกสมองอย่างไร ให้เลิกคิดไทยในหัว แล้วถึงค่อยแปลเป็นอังกฤษ
ในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง
แน่นอนที่สุดที่โดยอัตโนมัติ
เราจะมีความหมายภาษาไทยในหัวก่อน
แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษ
แล้วถึงจะสร้างประโยคออกมาได้
ผ่านการพูดหรือการเขียน ก็แล้วแต่
แต่ก็มีหลายคน ที่สามารถสร้างประโยคภาษาอังกฤษได้เลย
โดยข้ามการคิดเป็นภาษาไทย
ซึ่งจะทำให้ได้ภาษาอังกฤษที่เป็นธรรมชาติ
ที่เจ้าของภาษาพูดมากกว่า
และโต้ตอบได้โดยอัตโนมัติ
แล้วเราต้องทำอย่างไร
ก็ภาษาอังกฤษเรายังไม่แข็งแรง
จะตอบคำถามฝรั่งที
ก็มัวแต่เรียบเรียงประโยคอยู่
ในสมอง แปลกลับไปกลับมา
ภาษาไทย .. ภาษาอังกฤษ ..
อ้าว.. ฝรั่งเดินไปโน่นแล้ว
ฝึกสมองค่ะ เราต้องฝึกสมอง
และสมองเป็นสิ่งที่เราฝึกได้
ไม่มีคำว่า โง่ หรือ ฉลาด
มีแต่คำว่า เราฝึกสมอง มาแบบไหน
เรามาลองเริ่มฝึกกันแบบนี้ค่ะ
❤❤❤❤
1 เรียกทุกอย่างรอบตัวที่เห็นเป็นภาษาอังกฤษ
วิธีนี้ ทำให้เราได้ใช้ภาพเป็น input
แล้วได้ภาษาอังกฤษ เป็น output ทันที
สิ่งรอบตัวมีมากมาย เช่นในบ้านมี
chair, bed, sofa, floor, stairs,
window, door, wall, fan, table
เจอศัพท์ไม่รู้ ก็เปิด dictionary
แน่นอน ถ้าอยากเก่งอะไร ก็ต้องให้เวลกับมัน
และไม่ขี้เกียจ ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน
พอเปลี่ยนสถานที่ ออกไปนอกบ้าน
มีศัพท์อะไรบ้างที่เห็นด้วยสายแล้วได้คำภาษาอังกฤษมาเลย
ให้เวลาซัก 4-5 นาที มองไปรอบ ๆ
แล้วเรียกชื่อสิ่งนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
เรียกในใจก็ได้ ถ้าเรียกออกมาดัง ๆ
แล้วคนรอบข้างจะสงสัยว่าทำอะไร
ไม่ได้ศัพท์สิ่งไหนที่เราเห็น
ก็เอาไปเปิด dictionary
พร้อมทั้งให้ dict ออกเสียงให้ฟัง
แล้วออกเสียงตามด้วย
ทำอย่างเดียว ได้หลายอย่างอีกแล้ว
❤❤❤❤
2 สร้างภาษาอังกฤษประโยคแรก
โดยเอาคำในข้อ 1 มาหา verb ที่เกี่ยวข้อง เช่น
chair ก็ได้ประโยคว่า
I sit on the chair. ฉันนั่งบนเก้าอี้
แล้วประโยคที่ 2,3,4 ให้เริ่มต้นประโยคแบบเดียวกัน
แต่เปลี่ยนจาก chair เป็น bed, sofa
I sit on the bed. I sit on the sofa.
I sit on the floor.
จะสังเกตได้ว่า 3 ประโยคหลัง
สมองเราไม่ได้ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน
I sit on the stair. I sit on the window.
คิดไปเรื่อย ๆ ค่ะ ภาพก็ต้องมานะคะ ระหว่างที่ได้ประโยคใหม่ ๆ
แล้วคราวนี้เปลี่ยนจาก sit เป็น stand บ้างค่ะ
I stand on the chair.
I stand on the bed.
I stand on the sofa.
I stand on the floor.
I stand on the stair.
I stand on the window.
ประโยคที่ได้อาจจะถูกหรือไม่ถูกเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไร
หรือความหมายอาจจะตลกไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร
เพราะครูสุยกตัวอย่างไป
ก็คิดอยู่ค่ะ ว่าเราจะไปยืนบนหน้าต่างทำไม
เราสร้างประโยคให้มากที่สุด
ถึงขั้นตอนนี้ คุณคงเริ่มเห็นด้วยแล้วว่า
อ้าว.. เรากำลังฝึกสมองอยู่นี่นา
ให้เปลี่ยนจากภาพ เป็นภาษาอังกฤษเลย
ไม่ผ่านการคิดไทยในหัวก่อน
❤❤❤❤
3. ใส่ input อื่น ๆ เข้าไปในหัว เป็นภาษาอังกฤษโดยตรง
เช่น ดู การ์ตูนภาษาอังกฤษ เช่น peppa pig
เพราะการ์ตูนมักมีคำศัพท์ง่าย ๆ ประโยคง่าย ๆ
และ มีภาพประกอบว่า คำศัพท์ หรือ ประโยคเหล่านั้น แปลว่าอะไร
แล้วเอาประโยคเหล่านั้น มาเป็นประโยคตั้งต้นของข้อ 2 ได้
❤❤❤❤
4. output เป็นภาษาอังกฤษ
คือการพูดกับตัวเอง การเขียนไดอารี่
ทำทุกวัน วันละ ครึ่งชั่วโมง
เอาคำศัพท์และประโยคมาจากไหน
อ๋อ ก็ได้จากข้อ 1-2
และ เลียนแบบประโยคการ์ตูนในข้อ 3
ตอนแรกมันยากค่ะ
อาจจะเผลอคิดเป็นไทยก่อน
แล้วมันจะค่อย ๆ ง่ายขึ้น
ใช้การจินตนาการภาพที่เราเห็นเป็น input ในข้อก่อนหน้า
เพื่อมา output เป็น การพูด หรือ เขียนในข้อนี้
แล้วคุณจะพบว่า มันทำได้ง่ายขึ้น ง่ายขึ้น เรื่อย ๆ ค่ะ
ตื่นนอน ลืมตาขึ้นมา มองไปรอบ ๆ
เรียกชื่อสิ่งใด ๆ รอบตัวเป็นภาษาอังกฤษ
พูดประโยคง่าย ๆ เป็นภาษาอังกฤษ
นึกถึงวันนี้ และ กิจกรรมของวันนี้เป็นภาษาอังกฤษ
แค่นี้คุณก็ได้เริ่มฝึกสมอง ให้คิดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
ไม่ได้มีอะไรยาก มีแต่จะทำ หรือ ไม่ทำ
จะผลัดไปเรื่อย ๆ หรือ จะเริ่มเลย
จะทำ ๆ หยุด ๆ หรือ จะมีความต่อเนื่อง
ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ความต้องการของคุณเอง
ว่าคุณอยากคล่องแคล่วในการสื่อสารภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องคิดไทยก่อน
ซึ่งถ้าความปราถนาคุณมากพอ คุณจะจัดการชีวิตคุณ
เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการนั้นมาได้ค่ะ
โฆษณา